อนแก่น เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ตรงกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรากฏหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ และมนุษยวิทยา ว่าอาณาเขตจังหวัดขอนแก่นเคยเป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เจริญรุ่งเรือง มีอารยธรรมสูงส่งมาก่อนสมัยประวัติศาสตร์และคาบเกี่ยวกับสมัยประวัติศาสตร์ ทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมของชนชาติโบราณมากมาย ดังปรากฏร่องรอยให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น ภาพเขียนสีที่ถ้ำฝ่ามือแดง อำเภอภูเวียง เมืองโบราณสมัยทวาราวดีที่อำเภอชุมแพ เสมาหินที่เมืองชัยวาน อำเภอมัญจาคีรีและศาสนสถานสมัยขอมที่อำเภอเปือยน้อย จัดเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในจังหวัดขอนแก่นและอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก ปัจจุบันขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว ทั้งทางธรรมชาติและโบราณสถานมากมาย มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่างๆ เป็นศูนย์กลางทางการศึกษา คือ เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีวัฒนธรรมและประเพณีต่างๆ มีผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ที่อำเภอชนบท นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและสะดวกในการคมนาคมตลอดปี
                    ทิศเหนือ จดจังหวัดอุดร หนองบัวลำภู และเลย
                    ทิศใต้ จดจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดบุรีรัมย์
                    ทิศตะวันออก จดจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดมหาสารคาม
                    ทิศตะวันตก จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดชัยภูมิ

               การคมนาคมในเมือง   จะมีรถสามล้อเครื่องและสามล้อถีบวิ่งบริการภายในตัวเมืองและเขตเทศบาล ค่าโดยสารประมาณ 5-10 บาท ตามระยะทาง และมีรถประจำทางขนาดเล็กวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารในตัวเมือง รวมทั้งสิ้น 14 สาย ค่าโดยสาร 3 บาทตลอดสาย นอกจากนั้นยังมีรถโดยวิ่งประจำทาง ระหว่างอำเภอเมืองขอนแก่นไปยังอำเภอต่างๆ และไปยังบางจังหวัดในภาคอีสานและภาคเหนือด้วย

               ระยะทางจากอำเภอเมือง ไปยังอำเภอต่างๆ

                    - อำเภออุบลรัตน์ 51 กิโลเมตร
                    - น้ำพอง 32 กิโลเมตร
                    - หนองเรือ 44 กิโลเมตร
                    - บ้านไผ่ 44 กิโลเมตร
                    - มัญจาคีรี 56 กิโลเมตร
                    - ชุมแพ 81 กิโลเมตร
                    - ภูเวียง 65 กิโลเมตร
                    - กระนวน 64 กิโลเมตร
                    - เขาสวนกวาง 54 กิโลเมตร
                    - สีชมพู 115 กิโลเมตร - อ.พล 75 กิโลเมตร
                    - ชนบท 58 กิโลเมตร
                    - แวงน้อย 97 กิโลเมตร
                    - แวงใหญ่ 74 กิโลเมตร
                    - บ้านฝาง 21 กิโลเมตร
                    - พระยืน 32 กิโลเมตร
                    - หนองสองห้อง 97 กิโลเมตร
                    - เปือยน้อย 97 กิโลเมตร
                    - ภูผาม่าน 113 กิโลเมตร
                    - กิ่งอำเภอหนองนาคำ 85 กิโลเมตร
                    - กิ่งอำเภอซำสูง 45 กิโลเมตร
                    - กิ่งอำเภอโคกโพธิ์ชัย 76 กิโลเมตร


การเดินทาง
ทางรถยนต์ รถยนต์ ขอนแก่นอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปตามทางรถยนต์ 445 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี ตรงหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดขอนแก่น อีกเส้นทางหนึ่ง ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ถึงสระบุรีแล้วตรงไปตามถนนสระบุรี-ลำนารายณ์ แยกขวาเข้าเส้นทางม่วงค่อม-ด่านขุนทด-ชัยภูมิ-ขอนแก่น หรือสระบุรี-ลำนารายณ์-อำเภอเทพสถิตย์-ชัยภูมิ-อำเภอมัญจาคีรี-อำเภอพระยืน-ขอนแก่น
ทางรถประจำทาง รถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 มีรถโดยสารธรรมดา รถปรับอากาศ และรถนอนพิเศษชนิด 24 ที่นั่ง วิ่งบริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 936-2852-66
ทางรถไฟ รถไฟ มีขบวนรถไฟออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ผ่านจังหวัดขอนแก่น ไปจังหวัดอุดรธานี และหนองคายทุกวัน ทั้งรถเร็ว รถด่วน และรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 223-7010, 223-7020 สถานีรถไฟขอนแก่น โทร. (043) 221112
ทางเครื่องบิน เครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดบริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ขอนแก่น ทุกวันๆละ 3 เที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 280-0060, 628-2000 และที่ขอนแก่น โทร. (043) 236523, 239011, 238835
สถานที่ท่องเที่ยว

     สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมือง

          ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หลักเมือง ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาสุขใจ ถนนเทพารักษ์หน้าเทศบาลขอนแก่น ท่านเจ้าคุณปู่พระราชสารธรรมมุนีและหลวงธุรนัยพินิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้ริเริ่มสร้างโดยนำหลักศิลาจารึกมาจากโบราณสถานในท้องที่อำเภอชุมแพ มาประกอบพิธีตามแนวทางพระพุทธศาสนา ทำเป็นหลักเมือง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2499 ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวขอนแก่น ทุกวันจะมีประชาชนมาไหว้บูชากันตลอดเวลา  
          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติส่วนภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่ถนนหลังศูนย์ราชการ โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่ได้มาจากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีภายในเขตศิลปากรที่ 7 อีกส่วนหนึ่ง เป็นศิลปวัตถุสมัยต่างๆ ที่แบ่งมาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
       พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ระดับชั้น ชั้นล่างด้านหนึ่งเน้นเรื่องราวของอู่อารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ที่บ้านเชียง โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะดินเผา อีกด้านหนึ่งจัดแสดงใบเสมาหินจำหลักเรื่องพุทธประวัติและภาพปูนปั้นศิลปทวาราวดี จากเมืองฟ้าแดดสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนชั้นที่สองอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นส่วนของศิลปวัตถุสมัยขอมหรือลพบุรีที่ได้ในภาคอีสาน เช่น พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผาและศิลปวัตถุอื่นรวมทั้งทับหลัง หินทรายจากปราสาทหินในภาคอีสาน และอีกด้านหนึ่งของชั้นบนเป็นศิลปวัตถุยุคสมัยต่างๆ ของภาคกลาง เช่น อยุธยา สุโขทัย เป็นต้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขอนแก่น เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. อัตราค่าเข้าชมชาวไทย 5 บาท ชาวต่างประเทศ 10 บาท รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ โทร. (043) 246170
          บึงแก่นนคร มีลักษณะเป็นบึงขนาดใหญ่ ในเนื้อที่ 603 ไร่ ในเขตเทศบาลกลางเมืองขอนแก่น เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีถนนเลียบริมน้ำโดยรอบ ได้มีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณรอบบึงให้เป็นสวนสุขภาพ ภายในสวนบริเวณรอบๆ มีภาพประติมากรรมรูปต่างๆ ทางเทศบาลได้ทำการปลูกต้นคูนและไม้ดัดไว้อีกมากมาย ทำให้ดูร่มรื่นสวยงาม นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่นและร้านอาหารบริการผู้มาพักผ่อน ทางทิศเหนือ ของบึงแก่นนครเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์ “เจ้าเพียเมืองแพน” ผู้ก่อตั้งเมืองขอนแก่น  
          มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งอยู่เนินสูงที่มีชื่อว่า “มอดินแดง” ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง มีพื้นที่ประมาณกว่า 5,000 ไร่ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จทรงกระทำพิธีเปิดมหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2510 มหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร มีทางเข้าสองทางคือ ด้านถนนมิตรภาพ (สายขอนแก่น-อุดรธานี) และด้านถนนประชาสโมสร (สายขอนแก่น-เลย) เป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทของภาคอีสาน นอกจากนี้ยังมีบึงสีฐานเป็นแหล่งพักผ่อนและเป็นที่อยู่อาศัยของนกเป็ดน้ำในช่วงฤดูหนาว

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอน้ำพอง

           พระธาตุขามแก่น ตั้งอยู่ในวัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 209 (ขอนแก่น-กาฬสินธุ์) ประมาณกิโลเมตรที่ 12-13 เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร รวมระยะทางจากตัวเมืองขอนแก่นประมาณ 30 เมตร ตามประวัติโดยย่อกล่าวว่าโมริยกษัตริย์ เจ้าเมืองโมรีย์ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในอาณาเขตของประเทศกัมพูชา มีความประสงค์ที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ได้ไว้เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าปรินิพพานใหม่ๆ มาบรรจุพระธาตุพนม จึงโปรดให้พระอรหันต์และพระเถระเจ้าคณะรวม 9 องค์ นำขบวนอัญเชิญพระอังคารมาในครั้งนี้ เมื่อผ่านมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำแล้วและบริเวณนี้ภูมิประเทศราบเรียบดีจึงหยุดคณะพักชั่วคราว รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อ ไปถึงภูกำพร้าปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับและตั้งใจว่าจะนำพระอังคารธาตุกลับไปประดิษฐานไว้ที่บ้านเมืองของตน แต่เมื่อเดินทางผ่านดอนมะขามอีกครั้งปรากฏว่า แก่นมะขามที่ตายแล้วนั้นกลับยืนต้นแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวชอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ คณะอัญเชิญพระอังคารธาตุจึงพร้อมใจกันสร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนี้ พร้อมกับนำพระอังคารธาตุและพระพุทธรูปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ และให้นามว่าพระธาตุขามแก่นมาจนทุกวันนี้ พระธาตุขามแก่นถือว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 จะมีงานฉลองและนมัสการพระธาตุเป็นประจำ  
          กู่ประภาชัย หรือ กู่บ้านนาคำน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่บนเส้นทางเดียวกับพระธาตุขามแก่น ตรงต่อไปก่อนถึงสะพานข้ามคลองส่งน้ำจากลำน้ำพอง เลี้ยวซ้ายตามถนนลูกรัง แล้วเลี้ยวขวาข้ามสะพานเข้าหมู่บ้านนาคำน้อยอีก 500 เมตร ถึงวัดกู่ประภาชัย
      กู่ประภาชัย หรือกู่บ้านนาคำน้อย คือกลุ่มโบราณสถานที่มีลักษณะแผนผังเป็นอโรคยาศาล สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรเขมร ราวพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1720-1780) ประกอบด้วยปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีมุขยื่นทางด้านหน้า ด้านขวามือเยื้องไปข้างหน้าเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า บรรณาลัย อาคารทั้งสองล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วโดยมีโคปุระหรือซุ้มประตูทางเข้าออกด้านหน้าหรือทางด้านทิศตะวันออกเพียงด้านเดียว นอกกำแพงที่มุมซ้ายมีสระน้ำ ทั้งหมดสร้างด้วยศิลาแลง โดยมีเสาประดับประตู ทับหลังเป็นหินทราย กู่ประภาชัย หรือกู่บ้านนาคำน้อย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม 2478

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภออุบลรัตน์

          เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสาน การเดินทางไปชมเขื่อนไปได้ตามทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น-อุดรธานี) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 470-471 ซึ่งห่างจากขอนแก่น 26 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่เขื่อนอุบลรัตน์อีก 24 กิโลเมตร รวมระยะทาง ห่างจากตัวเมือง 50 กิโลเมตร เขื่อนแห่งนี้สร้างข้ามแม่น้ำพอง จึงเรียกเขื่อนพองหนีบ โดยปิดกั้นลำแม่น้ำพองตรงบริเวณช่องเขาที่เป็นแนวต่อเทือกเขาสองเทือกเขา คือ ภูเก้าและภูพานคำ
       เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งอเนกประสงค์ทั้งการผลิตกระแสไฟฟ้า การชลประทาน การประมง การป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในฤดูฝน การคมนาคม ตลอดจนเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ. 2506 แล้วเสร็จปลายปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดเขื่อนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2509 นอกจากนั้นที่เขื่อนฯ ยังมีบ้านพักไว้บริการ และมีเรือให้เช่าชมทิวทัศน์โดยคิดค่าบริการลำละ 600 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ทำการเขื่อนอุบลรัตน์ โทร. (043) 446149  
          อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2528 ครอบคลุมพื้นที่ 201,250 ไร่ โดยมีที่ทำการอุทยานฯ อยู่ที่ริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ เชิงเขาภูพานคำ เขตอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 2 แห่ง คือ ภูเก้า และภูพานคำ
      - ภูเก้า ประกอบด้วยภูเขา 9 ลูก คือ ภูฝาง ภูขุมปูน ภูหัน ภูเมย ภูค้อหม้อ ภูชั้น ภูเพราะ ภูลวก และภูวัด ภูทั้ง 9 ลูกนี้มีความสลับซับซ้อน มาก มีป่าไม้และสัตว์ป่านานาชนิด มีถ้ำ น้ำตก ลานหินลาดมากมาย มีหินลักษณะแปลกๆ คล้ายปราสาท ถ้ำพลาไฮมีภาพเขียนรูปฝ่ามือและภาพแกะสลักของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีศาลาบนยอดหินที่เรียกว่า หอสวรรค์ ไว้ชมวิว นอกนี้ยังมีวัดพระพุทธบาทภูเก้าซึ่งมีรอยเท้าคนและสุนัขขนาดใหญ่สลักบนหินอันเกี่ยวโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง “พระสุพรหมวิโมขา กับหมาเก้าหาง” ภายในวัดพระพุทธบาทภูเก้ายังมีถ้ำมึ้ม และถ้ำอาจารย์สิม ซึ่งภายในถ้ำมีภาพเขียนสีและภาพสลักตามผนังถ้ำสมัยก่อนประวัติศาสตร์
       - ภูพานคำ เป็นเทือกเขาทอดยาวจากเหนือสู่ใต้ จากอำเภอเมืองหนองบัวลำภู จนถึงเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นเทือกเขาที่แบ่งเขตจังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดขอนแก่น ภูพานคำเป็นทิวเขาด้านตะวันออกของลุ่มน้ำพอง และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ตอนบนมีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะพักแรมที่บริเวณทะเลสาบท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ภูพานคำนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และเป็นแหล่งตกปลาที่มีชื่อเสียงของจังหวัดด้วย  
    หลังจากนั้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี วัดนี้ได้ถูกทอดทิ้งให้รกร้าง จนถึงปี พ.ศ. 2451 มีคหบดีชาวพม่าคนหนึ่งได้มาเห็นเข้า เกิดความเลื่อมใส ได้บูรณะขึ้นใหม่ โดยให้ช่างชาวพม่าเป็นผู้ดำเนินการ จึงมีศิลปะแบบพม่าเข้ามาแทนที่ศิลปะแบบขอม ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม คงมีแต่โครงสร้างที่ยังเป็นรูปเดิมอยู่เท่านั้น

การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ

สามารถเดินทางไปได้ 2 ทาง คือ
      เส้นทางที่ 1 ตามเส้นทางสายขอนแก่น-เขื่อนอุบลรัตน์ จากตัวเมืองขอนแก่นถึงตลาดอำเภออุบลรัตน์ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ต่อด้วยรถยนต์โดยสารประจำทางสายเขื่อนอุบลรัตน์-โนนสัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ
      เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองตามทางหลวงหมายเลข 2146 สายหนองบัวลำภู-โนนสัง ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ถึงสามแยกบ้านโสกจาน จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางสายบ้านโสกจาน-เขื่อนอุบลรัตน์ ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ติดต่อขออนุญาตพักแรมได้ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 579-7223, 579-5734
           
          เวียงกุมกาม   เป็นเมืองโบราณที่พญามังราย (พ่อขุนมังราย) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 โดยโปรดฯ ให้ขุดคูเวียงทั้ง 4 ด้าน ไขน้ำแม่ปิงให้ขังไว้ในคูเวียง โบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในเวียงกุมกาม และใกล้เคียง จากการสำรวจพบว่ามีอยู่ 20 แห่ง ทั้งที่เป็นซากโบราณสถาน และเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่ โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ วัดเจดีย์เหลี่ ยม วัดช้างและซากเจดีย์ วัดกุมกาม วัดน้อย วัดปู่เตี้ย วัดกู่ขาว วัดอีก้าง ซึ่งรูปแบบทางศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมนั้นมีทั้งแบบรุ่นเก่า และสมัยเชียงใหม่รุ่งเรืองปะปนกันไป
    ปัจจุบันเวียงกุมกาม อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเชียงใหม่ ประมาณกิโลเมตร 3-4 ถนนเชียงใหม่-ลำพูน ด้านขวามือในเขตตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภีและอยู่ใกล้ฝั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอชุมแพ

          เมืองโบราณสมัยทวาราวดีที่อำเภอชุมแพ เป็นการพบร่องรอยทางโบราณคดี ยุคสมัยศิลปะทวาราวดี ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น เมืองโบราณสมัยทวาราวดีแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า โนนเมือง เขตบ้านนาโพธิ์ อำเภอชุมแพ ห่างจากจังหวัดขอนแก่น ประมาณ 80 กิโลเมตร เดิมทีชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าบริเวณเนินดินกว้างที่เรียกว่าโนนเมืองนั้น เป็นเมืองเก่าเมืองโบราณ ลักษณะของเนินเป็นเนินดินรูปไข่ พื้นที่ประมาณ 170 ไร่ มีคูเมือง 2 ชั้น ระยะห่างกันประมาณ 200 เมตร จากการสำรวจของหน่วยศิลปากรที่ 7 พบใบเสมาหินทรายศิลปะทวาราวดี 3 ชิ้น ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน และพบเศษภาชนะดินเผาชิ้นไม่ใหญ่นักกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบนเนินดิน เศษภาชนะดินเผาเหล่านี้มีทั้งชนิดเขียนสีแดง ชนิดลายขูดขีดและลายเชือกทาบ นอกจากนี้ยังค้นพบ โครงกระดูกมนุษย์ที่มีพิธีฝังศพตามประเพณีโบราณ มีธรรมเนียมการฝังเครื่องมือเครื่องใช้ลงไปพร้อมศพด้วย เช่น หม้อและภาชนะดินเผาเขียนสีและลายขูดขีด ลายเชือกทาบ กำไลสำริด กำไลกระดูกสัตว์ เปลือกหอย ลูกปัดหินสี ฯลฯ การเดินทาง ใช้เส้นทางขอนแก่น-ชุมแพ (ทางหลวงหมายเลข 12) ผ่านตัวอำเภอชุมแพ ถึงที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 5 กิโลเมตร  

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอภูเวียง

          อุทยานแห่งชาติภูเวียง ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอภูเวียง อำเภอสีชมพู และอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่ 203,125 ไร่ หรือ 325 ตารางกิโลเมตร ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2534 มีลักษณะภูมิประเทศเป็นรูปร่างคล้ายปล่องภูเขาไฟ โดยพื้นที่ตอนกลางเป็นที่ราบล้อมรอบด้วยพื้นที่ดอนลาดและภูเขา บริเวณที่ราบเป็นป่าเต็งรัง และบริเวณที่สูงจากระดับน้ำทะเล 250 เมตร เป็นป่าดิบแล้ง ลักษณะภูมิอากาศฤดูฝนเริ่มเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม และฤดูแล้งเริ่มเดือนพฤศจิกายน-เมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 26 องศาเซลเซียส การเดินทาง จากตัวเมืองขอนแก่นใช้เส้นทางขอนแก่น-ชุมแพ (ทางหลวงหมายเลข 12) เป็นระยะทาง 48 กิโลเมตร แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2038 เป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร ถึงอำเภอภูเวียง แล้วใช้เส้นทางภูเวียง-บ้านเมืองใหม่ ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 23 จะเป็นบริเวณที่เรียกว่า “ปากช่องภูเวียง” มีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูเวียงตั้งอยู่เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลการเที่ยวชม เดินทางต่อไปจนถึงกิโลเมตรที่ 30 เลี้ยวซ้ายตรงทางเข้าอ่างเก็บน้ำบ้านโพธิ์ เป็นระยะทาง 7.7 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียง ที่ภูประตูตีหมา ภายในอาคารมีการจัดแสดงซากกระดูกส่วนต่างๆ ของไดโนเสาร์ที่ขุดพบบริเวณภูเวียง โดยมีคำอธิบายการลักษณะและการเกิดซากต่างๆ เหล่านี้

สิ่งที่น่าสนใจในอุทยาน
       - พระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่บนยอดภูเวียง มีภาพสลักบนหินธรรมชาติ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ศิลปะทวาราวดีที่งดงาม ความยาวจากพระเศียรจรดปลายพระบาทประมาณ 3 เมตร หันพระเศียรไปทางทิศตะวันตก นอนตะแคงพระเศียรหนุนแนบกับลำแขนขวา แขนซ้ายทอดไปตามลำพระองค์เป็นท่านอนแบบเก่าที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย นับเป็นพระพุทธรูปที่มีความเก่าแก่งดงามมาก และจัดเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญที่สุดของจังหวัดขอนแก่น มีงานนมัสการในวันตรุษสงกรานต์ทุกปี การเดินทางสามารถเดินทางไปโดยทางรถยนต์ จากขอนแก่นไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ขอนแก่น-ชุมแพ ถึงกิโลเมตรที่ 75 ถึงบ้านไชยสอ เลี้ยวขวาไปตามทางเกวียนถึงเชิงเขาประมาณ 2.5 กิโลเมตร แล้วเดินต่อไปตามภูเขาสูงชันอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงพระพุทธไสยาสน์
      - ถ้ำฝ่ามือแดง อยู่บนภูเวียงใกล้เขตบ้านหินล่อง ตำบลเมืองเก่า อำเภอภูเวียง บริเวณถ้ำลึกประมาณ 7 เมตร สูงประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร ฝาผนังถ้ำมีภาพลายมือหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีมือ 9 มือ ขนาดใหญ่ 7 มือ ขนาดเล็ก 2 มือ โดยเอามือนาบกับผนังหินแล้วพ่นสีแดงเรื่อๆ ลงไป ซึ่งสำรวจพบเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2507
      -น้ำตกตาดฟ้า น้ำตกตาดฟ้าอยู่บนเขาภูเวียง ตำบลภูเวียง อำเภอภูเวียง เป็นน้ำตกสูงประมาณ 15 เมตร เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงาม สามารถเข้าถึงได้โดยทางรถยนต์ห่างจากอำเภอภูเวียง 18 กิโลเมตร และต่อขึ้นเขาไปอีก 6 กิโลเมตร
      - สุสานหอย 175 ล้านปี เป็นฟอสซิลของหอยน้ำจืดที่อัดตัวกันเป็นก้อนหินขนาดใหญ่หลายก้อนอยู่บนยอดเขาบริเวณภูประตูตีหมา
      - ซากกระดูกไดโนเสาร์ สืบเนื่องจากในปี พ.ศ. 2519 นักธรณีวิทยาของกรมทรัพยากรธรณี ได้พบกระดูกใหญ่ชิ้นหนึ่งระหว่างการสำรวจเพื่อค้นหาแหล่งแร่ยูเรเนียม ในบริเวณอุทยานแห่งชาติภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี และผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศส ได้ตรวจวิจัยตัวอย่างกระดูกชิ้นนั้น สรุปว่าเป็นกระดูกหัวเข่าข้างซ้ายของไดโนเสาร์ หลังจากนั้นได้มีการดำเนินการขุดค้นสำรวจพบซากไดโนเสาร์อีกหลายครั้ง นอกจากกระดูกที่จัดแสดงในอาคารที่ทำการฯ แล้ว ยังมีการขุดแต่งหลุมที่ค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ที่บริเวณภูประตูตีหมา เป็นไดโนเสาร์กินพืชในสกุลคามาราซอรัส มีลำตัวใหญ่มาก เดินด้วยเท้าสี่เท้าที่แข็งแรง มีหางยาวคอยาว แต่หัวเล็ก มีความยาวประมาณ 15 เมตร ซากเหล่านี้พบในหินหมวดเสาขรัว มีอายุ 150 ล้านปี นักท่องเที่ยวสามารถขอให้เจ้าหน้าที่อุทยานนำทางไปชมได้
      - รอยเท้าไดโนเสาร์ พบบริเวณหินลาดป่าชาด บนเทือกเขาภูเวียง ตำบลในเมือง อำเภอภูเวียง เป็นรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็ก เดินด้วย 2 เท้า มีจำนวน 68 รอย และมีอยู่ 1 รอยมีขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นรอยไดโนเสาร์คารโนซอรัส เช่นเดียวกับรอยที่ค้นพบที่ภูหลวง การเข้าชมอุทยานฯ และที่พัก ติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ บริเวณภูประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ทุกวัน และหากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ขอเจ้าหน้าที่นำชม สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. (043) 291393

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอภูผาม่าน

           อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน มีเนื้อที่ประมาณ 218,750 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย และเขตอำเภอภูผาม่าน อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2534 สภาพทั่วไปยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าดงดิบ และป่าไม้เบญจพรรณ สภาพอากาศเหมือนที่ภูกระดึงของจังหวัดเลย คือ จะมีอากาศเย็นและชื้นเกือบตลอดปี มีพันธุ์ไม้มีค่าหลายชนิดอยู่หนาแน่น พันธุ์ไม้พิเศษคือ ไม้ลาน กรมป่าไม้ได้จัดตั้งโครงการพัฒนาป่าดงลานในรูปหมู่บ้านป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงลาน ณ ที่ตั้งที่ทำการโครงการพัฒนาป่าดงลาน 4 ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอภูผาม่านประมาณ 15 กิโลเมตร สามารถค้างแรมได้ นอกจากนี้บริเวณที่ทำการโครงการมีแปลงเกษตร ทดลองปลูกพืช เมืองหนาว หลายแปลง ภูมิประเทศรอบโครงการงดงามสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ชอบการท่องเที่ยวประเภทป่าเขาลำเนาไพร

สถานที่น่าสนใจในเขตอุทยานฯ
                มีถ้ำต่างๆ หลายแห่ง เช่น ถ้ำปู่หลุบ ซึ่งอยู่ติดกับที่ทำการอุทยานฯ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีน้ำไหลรินตลอดเวลา ถ้ำผาพวงเป็นถ้ำที่สวยงาม ซึ่งปากทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการอุทยานฯ นอกจากนี้มีถ้ำลายแทง อันเป็นถ้ำที่มีภาพเขียนสีโบราณบนผนังถ้ำ และรอบชายเขตอุทยานฯ มีน้ำตกที่งดงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกตาดฮ้อง น้ำตกตาดฟ้า และน้ำตกเขาสามยอด เป็นต้น เนื่องจากเป็นอุทยานฯ ซึ่งเพิ่งก่อตั้งใหม่ การเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จึงยังลำบากและทุรกันดาร ทั้งยังไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้สนใจเที่ยวชมควรเตรียมพร้อมในทุกด้าน รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร. 579-7223, 579-5734
      ผานกเค้า เป็นภูเขาสูงตั้งตระหง่านอยู่ริมลำน้ำพอง ในเขตท้องที่อำเภอภูผาม่านหันหน้าชนกับภูกระดึง จังหวัดเลย ผานกเค้าอยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น 125 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายขอนแก่น-วังสะพุง (หมายเลข 2 และ 201) ผานกเค้าอยู่ทางด้านซ้ายมือของบ้านดงลาน ลักษณะของผานกเค้าเป็นภูเขาหินสีดำ บางส่วนกระเทาะออกเห็นเนื้อหินสีส้ม มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่ประปราย บริเวณที่จะมองเห็นเค้าโครงของนกเค้าได้ชัดเจนควรเดินเข้าไปในศูนย์เพาะชำกล้วยไม้ กองบำรุง กรมป่าไม้ ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากถนน จะเห็นว่าลักษณะผาเหนือจงอยปากขึ้นไปมีลักษณะเป็นหงอน ถัดลงมาเป็นหินกลมโค้งต่ำจากส่วนหงอนลงมาเป็นส่วนหัว ตรงกลางหัวมีรอยหินกระเทาะเป็นสีส้มอยู่ในตำแหน่งดวงตา ต่ำลงมาจากส่วนหัวจะถึงแนวปีกทั้งสองข้างที่กางออก

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอมัญจาคีรี

          วัดอุดมคงคาคีรีเขต ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านโคก อำเภอมัญจาคีรีเป็นวัดป่าของหลวงปู่ผาง ซึ่งเคยเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว แต่มีอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิของหลวงปู่ผางอยู่ในบริเวณวัด นอกจากนั้นที่วัดยังมีเจดีย์และพระอุโบสถที่สวยงามและบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของวัดซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา มีต้นไม้ป่าขึ้นอยู่ร่มรื่น เป็นสถานที่ที่เน้นการปฏิบัติวิปัสสนา การเดินทางนั้นจากขอนแก่นไปตามเส้นทางขอนแก่น-ชุมแพ (ทางหลวงหมายเลข 12) ประมาณ 14 กิโลเมตร แยกซ้ายเข้าเส้นทางสายบ้านทุ่ม-มัญจาคีรี (ทางหลวงหมายเลข 2062) อีกประมาณ 44 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าเส้นทางสายมัญจาคีรี-ชัยภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 229) ประมาณ 12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าวัดอีก 12 กิโลเมตร
          หมู่บ้านเต่า จากขอนแก่นไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (ขอนแก่น-ชุมแพ) ประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2062 (ขอนแก่น-มัญจาคีรี) ประมาณ 54 กิโลเมตร (ก่อนถึงอำเภอมัญจาคีรี 2 กิโลเมตร) ถึงบริเวณบ้านกอก ปากทางเข้าหมู่บ้านเต่าด้านซ้ายจะสังเกตเห็นเป็นรูปเต่าจำลอง 2 ตัว วางอยู่บนแท่นหินสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5-2 เมตร ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดศรีสุมัง จากนั้น เลี้ยวซ้ายใช้เส้นทางลูกรังข้างวัดเข้าสู่เขตหมู่บ้านกอก ประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงหมู่บ้านเต่า ซึ่งจะมีเต่าบกชนิดหนึ่ง (ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า เต่าเพ็ก) ลักษณะกระดองจะมีสีเหลืองแก่ปนน้ำตาลเดินอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างก็จะอยู่บริเวณใต้ถุนบ้านเพื่อรออาหารจากชาวบ้าน บ้างก็เดินอยู่ตามถนนภายในหมู่บ้าน ซึ่งจะหาดูได้ไม่ยากเมื่อเดินทางไปถึง

 สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอชนบท

          ผ้าไหมมัดหมี่ที่ชนบท ผ้าไหมมัดหมี่เป็นเอกลักษณ์อย่างงหนึ่งของอีสานที่มีวิธีการสร้างลายผ้าไหมด้วยวิธีโบราณสืบต่อกันมานาน โดยนำเส้นไหมมามัดแล้วย้อมสีต่าางๆ ตามที่กำหนด และเมื่อนำเส้นไหมที่ย้อมสีแล้วไปทอก็จะได้ผ้าไหมที่มีลวดลายสีสันสวยงาม กรรมวิธีมัดและย้อมเส้นไหมนี้ชาวอีสานเรียกว่า “มัดหมี่” อำเภอชนบทเป็นอำเภอที่ทอผ้าไหมมัดหมี่เป็นอุตสาหกรรมหลัก เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวจะผ่านไปเสียมิไได้ มักจะแวะชมกรรมวิธีการผลิต ตั้งแต่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจนถึงนำรังไหมมาต้มเพื่อสาวเส้นไหมเล็กๆ สีทองออกมา มัดหมี่ย้อมลวดลายจนกระทั่งทอเป็นผืนผ้าสำเร็จ อำเภอชนบทห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่น ประมาณ 54 กิโลเมตร ไปตามถนนมิตรภาพขอนแก่น-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2)  ย้อนจากขอนแก่นลงทิศใต้ถึงอำเภอบ้านไผ่แล้วแยกขวาไปตามถนนสายบ้านไผ่-ชนบท อีกประมาณ 10 กิโลเมตร       
          ศาลาไทย ตั้งอยู่ ณ บริเวณวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ (12 สิงหาคม 2535) เพื่อเป็นศูนย์สืบสานพระราชปณิธานงานศิลปาชีพด้านผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมของภาคอีสาน รวมทั้งเป็นศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวอีสาน โดยทรงพระราชทานนามอาคารพิพิธภัณฑ์ศาลาไทยว่า “อาคารเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา มหาราชินี” ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับผ้าไหมมัดหมี่ของโครงการและลายผ้าไหมมัดหมี่ พร้อมผ้าไหมมัดหมี่ที่ชนะการประกวดต่างๆ อีกทั้งนิทรรศการเกี่ยวกับผ้าไหมมัดหมี่โบราณ อุปกรณ์ เครื่องใช้เกี่ยวกับไหมและของเก่าแก่ควรอนุรักษ์ การเดินทางจากขอนแก่น ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น-โคราช) 44 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่สี่แยกบ้านไผ่ไปอีก 11 กิโลเมตร ศาลาไหมไทยอยู่ทางซ้ายมือ (ตรงข้ามกับหนองกองแก้ว หนองน้ำงดงามของอำเภอชนบท) ศาลาไหมไทย เปิดให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน ในเวลาราชการและการเข้าชมเป็นหมู่คณะ ติดต่อโดยตรงที่วิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น 40180 โทร. (043) 286160, 286218 โทรสาร (043) 286031

สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเปือยน้อย

          กู่เปือยน้อยหรือพระธาตุกู่ทอง เป็นปราสาทหินศิลปะขอมหรือลพบุรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง ในแถบภาคอีสานตอนบน ตั้งอยู่ที่อำเภอเปือยน้อย ระยะทาง 79 กิโลเมตร จากจังหวัดขอนแก่น ชาวบ้านเรียกว่า “ธาตุกู่ทอง” องค์ปรางค์ปราสาท หันหน้าสู่ทิศตะวันออก สร้างด้วยหินทรายจำหลักลวดลายสวยงาม กำแพงขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบเป็นเขตปราสาทสร้างด้วยศิลาแลง ส่วนหนึ่งขององค์ปรางค ์ ทลายลงมาบ้างและอยู่ระหว่างการบูรณะ การเดินทางจากขอนแก่นจะใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 ขอนแก่น-บ้านไผ่ ระยะทาง 44 กิโลเมตร เข้าเส้นทางสายบ้านไผ่-บรบือ (ทางหลวงหมายเลข 23) ไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าสู่อำเภอเปือยน้อยอีก 24 กิโลเมตร

งานประเพณี

          เทศกาลดอกคูณเสียงแคน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี บริเวณบึงแก่นนคร ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและชุมนุมสังสรรค์ของชาวขอนแก่น กิจกรรมเริ่มด้วยการทำบุญตักบาตร การสรงน้ำพระ ภายในงานมีการจัดแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน ขบวนเกวียนบุปผชาติ การประกวดอาหารอีสาน การแข่งเรือในบึงแก่นนคร การประกวดกลองยาว การแสดงบนเวทีและการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เป็นต้น
         งานเทศกาลไหมและประเพณีผูกเสี่ยว จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม เป็นเวลา 10 วัน 10 คืน บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัด งานเทศกาลไหมและประเพณีผูกเสี่ยวนี้ สืบเนื่องมาจากประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาชีพรองที่ขึ้นหน้าขึ้นตา ได้แก่ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าต่างๆ ซึ่งทางราชการได้ให้ความสนับสนุน จนจังหวัดขอนแก่นเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียง ประกอบกับมีประเพณีการผูกเสี่ยวซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของภาคอีสาน ที่มุ่งให้คนรุ่นเดียวกันรักใคร่เป็นพี่เป็นน้องช่วยเหลือกัน เรียกว่า “คู่เสี่ยว” ขึ้นโดยมุ่งส่งเสริมอาชีพการทอผ้าไหมและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้ ในงานจะมีขบวนแห่คู่เสี่ยวและพานบายศรีของอำเภอต่างๆ มีพิธีผูกเสี่ยว การประกวดผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน งานพาข้าวแลง (การรับประทานอาหารค่ำแบบพื้นเมืองอีสาน) การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และการออกร้านจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกต่างๆ  
          เทศกาลไหว้พระธาตุขามแก่น จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันเพ็ญเดือนหก (วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6) ณ วัดเจติยภูมิ เป็นงานเฉลิมฉลองพระธาตุเพื่อให้ประชาชนได้สักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมือง ในงานมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน และการออกร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ

ของฝาก (รหัสทางไกล 043)

               ประเภทหัตถกรรมพื้นบ้าน
               กลุ่มแพรพรรณ (ศูนย์ศิลปหัตถกรรมเพื่อพัฒนาสตรีอีสาน) 131-193 ถนนชาตะผดุง โทร. 337216
               มรดกไทย 87/26-27 ถนนอำมาตย์ โทร. 243827
               แม่หญิง 435/3 ถนนหน้าเมือง โทร. 321263
               รินไหมไทย 412 ถนนหน้าเมือง อำเภอเมือง โทร. 221042
               ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนมิตรภาพ ตำบลสำราญ โทร. 242047
               ศูนย์สิ่งทอพระธรรมขันธ์ ขอนแก่น 79/2-3 ถนนรื่นรมย์ โทร. 221548
               สืบสาย 227/71 หมู่บ้านมิตรสัมพันธ์
               ทุ่งเศรษฐี ถนนประชาสโมสร โทร. 337103

               นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารแห้ง ได้แก่ กุนเชียง หมูแผ่น หมูหยอง แหนม หมูยอ ถั่วตัด ตุบตั้บ ฯลฯ
               กุนเชียงนายบู๊ 198-200 ถนนร่วมจิต โทร. 223009
               เตียฮั่วหยู 584 ถนนศรีจันทร์ อำเภอเมือง โทร. 224472
               ไสวรสทิพย์ 179/32 ถนนประชาสโมสร โทร. 239733
               แหนมลับแล 42 ถนนกลางเมือง โทร. 236537
               เฮงง่วนเฮียง 54/1-2 ถนนกลางเมือง โทร. 239458, 236735

บริการนำเที่ยว / รถเช่า

                แก่นคูน แทรเวล 54/1-2 ถนนกลางเมือง โทร. 239458, 236735
               แก่นสยาม แทรเวล 110/55 ถนนศรีจันทร์ โทร. 221119, 226344 โทรสาร 226345
               คาร์เร้นท์ เซอร์วิส 98/14 ถนน 5 พฤศจิกา โทร. 243545, 239304, 332400
               จงสุมาลย์ 105 ถนนดรุณสำราญ โทร. 223310
               แอร์บุ๊คกิ้ง แอนด์ แทรเวล เซ็นเตอร์ 403 ถนนศรีจันทร์ โทร. 244482, 236562 โทรสาร 236562

เบอร์โทรศัพท์ (รหัสทางไกล 043)

               สำนักงานจังหวัดขอนแก่น 236882
               สถานีตำรวจภูธร 221162
               ตำรวจท่องเที่ยว 236937-8
               โรงพยาบาลศรีนครินทร์ 237902, 242344-6
               โรงพยาบาลขอนแก่น 236006
               การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3   เลขที่ 15/5 ถนนประชาสโมสร อำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น 40000  โทร. (043) 244498-9 โทรสาร (043) 244497   (พื้นที่ความรับผิดชอบ : ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์)

  สนับสนุนข้อมูลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย