กลนคร นครแห่งการแสวงหา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสน์ พระธาตุ 5 แห่ง แหล่งอารยธรรม 3 พันปี ตามตำนานเล่าว่า เมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองหนองหานหลวงในอดีต หรือสกลนครในปัจุบันนั้น สร้างขึ้นในยุคที่ขอมมีอำนาจในดินแดนนี้ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทรปัฐนคร ผู้ซึ่งอพยพครอบครัวและบ่าวไพร่ชาวเขมรมาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง มีเจ้าปกครองเรื่อยมา จนถึงสมัยพระยาสุวรรณภิงคาระเวลานั้นเกิดฝนแล้ง ข้าวยากหมากแพง เจ้าผู้ครองเมืองจึงต้องพาราษฎรอพยพกลับไปเขมร หนองหานจึงกลายเป็นเมืองร้างอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ในความปกครองของอาณาจักรล้านช้าง เรียกชื่อเมืองว่า “เมืองเชียงใหม่หนองหาน” ซึ่งแสดงว่า เมืองหนองหานมีความสัมพันธ์กับเวียงจันทน์เสมอมา ก่อนที่อิทธิพลกรุงเทพฯ จะเข้าไปถึงสกลนคร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2321-2322 ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ปรากฏเจ้าเมืองชื่อ พระบรมราชา (มั่ง) เจ้าเมืองสกลทวาปี ในขณะนั้นไปเข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเป็นกบฏยกทัพเข้ามากวาดต้อนผู้คนทางภาคอีสาน พระบรมราชา (มั่ง) เข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ อพยพครอบครัวไปอยู่ที่เมืองมหาชัยก่องแก้ว เหลือแต่กรรมการเมืองผู้น้อยทิ้งไว้เฝ้าเมือง ต่อมา พ.ศ. 2373 โปรดเกล้าฯ ให้พระสุนทรราชวงศา (ปุต) เจ้าเมืองยโสธร ซึ่งทำความดีความชอบเมื่อครั้งปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์มารักษาเมืองสกลทวาปี ต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาประจันตประเทศวาปี และเปลี่ยนชื่อจากเมืองสกลทวาปีเป็นเมืองสกลนคร
               สกลนคร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ห่างจากรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ 647 กิโลเมตร และห่างจากแม่น้ำโขงตรงที่ตั้งจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเส้นพรมแดนประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประมาณ 90 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 9,605.76 ตารางกิโลเมตร
                    ทิศเหนือ จดจังหวัดหนองคาย และนครพนม
                    ทิศใต้ จดจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี นครพนม
                    ทิศตะวันออก จดจังหวัดกาฬสินธุ์ และนครพนม
                    ทิศตะวันตก จดจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย

               ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ

                    - อำเภอกุดบาก 56 กิโลเมตร
                    - อำเภอกุสุมาลย์ 40 กิโลเมตร
                    - อำเภอคำตากล้า 119 กิโลเมตร
                    - อำเภอนิคมน้ำอูน 77 กิโลเมตร
                    - อำเภอบ้านม่วง 124 กิโลเมตร
                    - อำเภอพรรณานิคม 41 กิโลเมตร
                    - อำเภอพังโคน 55 กิโลเมตร
                    - อำเภอสว่างแดนดิน 82 กิโลเมตร
                    - อำเภอวาริชภูมิ 71 กิโลเมตร
                    - อำเภอวานรนิวาส 85 กิโลเมตร
                    - อำเภอโคกศรีสุพรรณ 24 กิโลเมตร
                    - อำเภอเต่างอย 28 กิโลเมตร
                    - อำเภอส่องดาว 101 กิโลเมตร
                    - อำเภออากาศอำนวย 82 กิโลเมตร
                    - กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ 112 กิโลเมตร

               
ระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังจังหวัดใกล้เคียง

                    สกลนคร-นครพนม ระยะทาง 90 กิโลเมตร
                    สกลนคร-มุกดาหาร ระยะทาง 119 กิโลเมตร
                    สกลนคร-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 128 กิโลเมตร
                    สกลนคร-อุดรธานี ระยะทาง 159 กิโลเมตร
                    สกลนคร-ขอนแก่น ระยะทาง 205 กิโลเมตร
                    สกลนคร-อุบลราชธานี ระยะทาง 286 กิโลเมตร

การเดินทาง
ทางรถยนต์ ทางรถยนต์ ระยะทาง 647 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงหมายเลข 1 ถึงจังหวัดสระบุรี เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพ (ทางหลวงหมายเลข 2) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา เลี้ยวแยกเข้าอำเภอบ้านไผ่ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 23 ผ่านจังหวัดมหาสารคาม และทางหลวงหมายเลข 213 ผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ข้ามเทือกเขาภูพานเข้าสู่จังหวัดสกลนคร
ทางรถประจำทาง

ทางรถประจำทาง มีรถประจำทางธรรมดาและปรับอากาศถึงจังหวัดสกลนคร โดยออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน ราย ละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ โทร. 936-2852-66

บริการรถนำเที่ยว แกรนด์ทัวร์ โทร. 711016 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสกลนคร โทร. 712259

ทางรถไฟ ทางรถไฟ มีขบวนรถไฟหลายสาย ทั้งรถเร็ว รถด่วน และดีเซลราง จากกรุงเทพฯ ไปลงที่จังหวัดอุดรธานี แล้วนั่งรถยนต์จากจังหวัดอุดรธานีถึงจังหวัดสกลนคร ระยะทางประมาณ 159 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง สถานีรถไฟกรุงเทพฯ โทร. 223-7010, 223-7020
ทางเครื่องบิน ทางเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปสกลนครเป็นประจำ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 280-0060, 628-2000 หรือที่สำนักงานสกลนคร ถนนยุวพัฒนา โทร. (042) 712259-60 นอกจากนั้นจากจังหวัดสกลนครยังมีรถโดยสารวิ่งไปยังอำเภอต่างๆ และจังหวัดใกล้เคียงอยู่เป็นประจำ การคมนาคมในตัวเมืองจะมีรถสามล้อรับจ้าง และรถสามล้อเครื่องไว้บริการผู้มาเยือน
สถานที่ท่องเที่ยว

    สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมือง

          พระธาตุเชิงชุม ตั้งอยู่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปลายถนนเจริญเมือง ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ 24 เมตร สำหรับยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุม ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ น้ำหนักทองคำถึง 247 บาท มีซุ้มประตูปิด-เปิดทั้ง 4 ด้าน ข้างในทึบ สร้างด้วยศิลาแลง เป็นเจดีย์สร้างขึ้นสวมรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งหมายถึง พระกกุสันธะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระพุทธโคดม (คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพสักการะบูชาอยู่ทุกวันนี้) สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำ จะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุและหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก งานประจำปีของพระธาตุเชิงชุมจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ)
          หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียงและกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย อยู่ในตัวเมืองสกลนคร มีเนื้อที่ประมาณ 123 ตารางกิโลเมตร เป็นที่รวมของลำห้วยต่างๆ หลายสาย และยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำ ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญทั้งด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ การประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาน ระดับน้ำในหนองหานลึกประมาณ 3-8 เมตร ในบริเวณหนองหานมีเกาะต่างๆ กว่า 20 เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัดร้าง และพระพุทธรูปซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าสร้างมานานเท่าใด นอกจากนั้น ตามเกาะต่างๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อยู่อาศัยของนานาชนิด บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง ฯลฯ ในบริเวณหนองหานมีเรือยนต์ท้องแบนขนาดจุ 90 คน บริการนำเที่ยวรอบหนองหาน ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายสีทองซึ่งอยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในน้ำ จะเห็นสาหร่ายรูปต่างๆ สวยงามมาก ติดต่อสอบถามรายละเอียดการจองเรือได้ที่ สกลนครอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (042) 711016
          สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ติดกับหนองหานบริเวณตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่ ได้รับอนุมัติให้จัดสร้างขึ้นเป็นแห่งที่ 10 ของประเทศไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเปิดสวนฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2530 มีลักษณะเป็นสวนล้อมสระน้ำขนาดใหญ่ ชื่อสระพังทอง เป็นสระโบราณ เชื่อกันว่าสร้างมาพร้อมกับการสร้างพระธาตุเชิงชุม ภายในบริเวณสวนประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนป่า สวนน้ำ สวนหิน และสวนออกกำลังกาย ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาหาความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ได้อีกด้วย
          ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง เขตอำเภอเมืองสกลนคร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร ในเส้นทางสกลนคร-อุดรธานี ทางหลวงหมายเลข 22 อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงสี่แยก เป็นพระธาตุที่ชาวบ้านสักการะบูชามากอีกแห่งหนึ่ง ปรางค์สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง มีทับหลังจำหลักภาพพระกฤษณะฆ่าสิงห์ ในรูปแบบศิลปะเขมรแบบบาปวน ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฎหลายแห่งในภาคอีสาน ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตูหน้าต่างยังมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก รูปแบบและศิลปะกำหนดอายุว่าราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ-15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี
          พระธาตุดุม เป็นพระธาตุที่สร้างด้วยศิลาแลง สมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยู่ที่ตำบลธาตุดุม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองสกลนคร มีปรางค์องค์เดียวสร้างด้วยศิลาแลง พบทับหลักภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาลประกอบด้วยสัตว์ เช่น ช้าง สิงห์ และลายใบไม้ม้วน การกำหนดอายุ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ศิลปะเขมรแบบบาปวน
          พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต จากตัวเมืองออกมาตามเส้นทางที่จะผ่านศูนย์ราชการจังหวัด บนถนนสุขเกษม ทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงกับกับที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัด เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 250 เมตร จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส ตัวพิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในท่านั่งสมาธิ องค์โตกว่าตัวจริงเล็กน้อย และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กำเนิดในสกุลแก่นแก้ว ที่ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี และอุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงด์กรรมฐานเป็นวัตร มีพระในสายเดียวกับท่านอีกหลายองค์ ที่ได้เข้ามาปฏิบัติและฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวของท่าน เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อาลนาโย หลวงปู่แหวน สุจินต์โน เป็นต้น ในระยะหลังท่านเริ่มมีอาการป่วยบ่อย จึงย้ายจากการธุดงด์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
          พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ อยู่กลางเทือกเขาภูพานในเขตอำเภอเมืองสกลนคร บนเส้นทางหลวงสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ (ทางหลวงหมายเลข 213) ห่างจากตัวเมืองสกลนคร 13 กิโลเมตร มีทางแยกเข้าไปทางด้านขวามือ พระตำหนักภูพานราชนิเวศเป็นสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระราชวงศ์ ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณสถานที่ตั้งเป็นป่าไม้ร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ในระหว่างที่ไม่ได้ประทับอยู่ที่พระตำหนัก ทรงอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน โดยทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน กรุงเทพฯ 10200 และเมื่อได้รับหนังสือตอบรับแล้วจึงจะเดินทางไปชมได้
          น้ำตกคำหอม และโค้งปิ้งงู อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 14 กิโลเมตร บริเวณใกล้เคียงกันจะเป็นที่ตั้งของน้ำตกต่างๆ อีกหลายแห่ง เช่น น้ำตกเหวสินธุ์ชัย น้ำตกตาดโตน อยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ร่มเย็นและหน้าทางเข้าบริเวณน้ำตกคำหอม บนถนนสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ เป็นช่วงที่คดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูที่ถูกย่างหรือปิ้ง ซึ่งมีไหล่ทางลดหลั่นเป็นชั้นๆ กินพื้นที่บริเวณกว้าง สามารถทำให้มองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองสกลนคร และหนองหานในระยะไกลที่สวยงาม การคมนาคมเข้าแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้สะดวกปลอดภัย สามารถเดินทางเข้าถึงตลอดทั้งปี สำหรับน้ำตกต่างๆ ในฤดูฝนจะมีน้ำมาก ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะแห้ง
            อุทยานแห่งชาติภูพาน ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูพาน ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ติดถนนสกลนคร-กาฬสินธุ์ ทางหลวงหมายเลข 203 ห่างจากจังหวัดประมาณ 25 กิโลเมตร จะพบที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ มีเรือนพักรับรองแก่ผู้ไปเที่ยว 1 หลัง รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 20 คน

จุดท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน
          - ผานางเมิน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 700 เมตร สองข้างทางจะเป็นป่าพรวงไปตลอดถึงริมหน้าผา ซึ่งเป็นลาดหินทอดยาวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มองเห็นธรรมชาติเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนสวยงาม
           - ลานสาวเอ้ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นลานหินธรรมชาติที่สวยงาม อยู่ท่ามกลางป่าเขาและบริเวณหน้าผาสูงชัน
           - น้ำตกห้วยใหญ่ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กิโลเมตร ลักษณะเป็นลำน้ำที่ยุบตัวลงลดหลั่นเป็นชั้น 2 ชั้น รายล้อมด้วยสภาพป่าเขาทึบที่ร่มเย็น
           - ถ้ำเสรีไทย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4.5 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายเสรีไทยได้ใช้เป็นที่สะสมอาวุธและเสบียง เพราะเป็นทำเลที่เหมาะสม ปกปิดด้วยป่าไม้ที่เขียวชะอุ่ม
           - ยอดเขาภูเขียว และทางผีผ่าน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นลานหินระเกะระกะตามธรรมชาติ ซึ่งด้านหนึ่งจะเป็นสะพานตั้งโค้งไปสู่อีกด้านหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า “ขัวผี” เพราะเชื่อว่าผู้ใดผ่านมาพักผ่อนบริเวณนี้แล้วจะต้องถูกผีหลอก และห่างจากผีผ่านไปไม่มากนักจะเป็นยอดภูเขียวที่มีธรรมชาติป่าไม้ขุนเขาที่สวยงาม
            น้ำตกปรีชาสุขสันต์ ตั้งอยู่ในเทือกเขาภูพาน เขตอำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 29 กิโลเมตร ลักษณะน้ำตกเป็นลานหินเขาลาด (คล้ายสไลเดอร์) เป็นช่วงยาวลดหลั่นเป็นชั้น อยู่ท่ามกลางสภาพป่าไม้ที่สมบูรณ์ร่มครึ้ม สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย น้ำจะมีมากในฤดูฝน การคมนาคมสะดวก สามารถเข้าถึงตัวน้ำตกได้ตลอดปี
            ภาพรอยสลักผาสามพันปีที่ภูผายนต์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านนาผาง ตำบลกกปลาซิว อำเภอเมืองสกลนคร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ ไปประมาณ 22 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าตามทางลูกรัง 14 กิโลเมตร และเดินเท้าขึ้นเขาอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ภูผายนต์เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ ในบริเวณนั้นมีภาพแกะสลักบนหน้าผาหิน เป็นรูปภาพต่างๆ แสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ ที่ใช้ของแข็งขูดขีดลงบนหน้าผา เช่น ภาพสัตว์ คน ไร่นา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติรอบข้างเป็นป่าเขาที่สวยงาม
            ชาวภูไท บ้านโนนหอม ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางสกลนคร-นาแก (ทางหลวงหมายเลข 223) ประมาณ 13 กิโลเมตร มีทางแยกขวาตามทางลูกรังอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ชาวภูไทที่บ้านโนนหอมนี้หลังจากอพยพมาจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เมื่อประมาณ 100 กว่าปีแล้ว ก็มารวมกันอยู่ที่หมู่บ้านนี้ และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวภูไทไว้อย่างสวยงามและประทับใจ ท่านที่ต้องการจัดหมู่คณะเข้าไปชมชีวิตความเป็นอยู่ การทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย แบบพื้นบ้าน หรือต้องการให้มีการร่วมรับประทานอาหารเย็นกับชาวภูไท (พาข้าวแลง) พร้อมการบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงฟ้อนรำอันอ่อนช้อยของชาวภูไท ในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของพื้นบ้านจริง ติดต่อล่วงหน้าที่ กำนันอุทัย อภิวาทนะศิริ ศูนย์สาธิตการตลาดบ้านโนนหอม เลขที่ 5 หมู่ที่ 2 ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โทร. (042) 712222 หรือจะติดต่อให้มาแสดงในโรงแรมอิมพีเรียล โทร. (042) 711119 และโรงแรมดุสิตธานี โทร. (042)711189

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอพรรณานิคม
(ทางหลวงหมายเลข 22 สกลนคร-อุดรธานี)

            พระธาตุภูเพ็ก ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม บนเส้นทางหลวงสายสกลนคร-อุดรธานี ห่างจากตัวเมืองสกลนครไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปอีก 14 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง สามารถนำรถยนต์เข้าไปถึงเชิงพระธาตุได้ จากนั้นเดินขึ้นบันไดอีกประมาณ 491 ขั้น จะถึงองค์พระธาตุซึ่งสร้างอยู่บนยอดเขาภูเพ็ก เทือกเขาภูพาน บรรยากาศโดยรอบมีต้นไม้ปกคลุม อากาศเย็นสบาย องค์พระธาตุสร้างด้วยศิลาแลงมีฐานสี่เหลี่ยมสองชั้น ตัวปราสาทสูง 7.67 เมตร สร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่มีหลังคาและยอดปราสาท เพียงแต่ทำขื่อตั้งไว้เท่านั้น ตามตำนานอุรังคธาตุ ปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นแข่งขันกันระหว่างกลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้หญิง เพื่อรอบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่กลุ่มผู้ชายสร้างพระธาตุภูเพ็ก ได้ยุติการสร้างเมื่อเห็นดาวเพ็กบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มผู้หญิงผู้สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง ปราสาทหลังนี้จึงได้ชื่อว่า ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ตามชื่อดาว “เพ็ก” พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เมื่อขึ้นไปถึงบริเวณพระธาตุซึ่งมีวัดพระธาตุภูเพ็ก มีพระภิกษุและสามเณรจำพรรษาอยู่ตลอดปี แม้ว่าการขึ้นไปถึงค่อนข้างยาก แต่เมื่อขึ้นไปแล้วจะหายเหนื่อยมองเห็นทัศนียภาพของขุนเขาต่างๆ บนเทือกเขาภูพานอย่างชัดเจน
            วัดถ้ำขามหรือภูขาม ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งในเขตของเทือกเขาภูพาน ในเขตบ้านคำข่า หรือชาวบ้านเรียกกันว่า ภูถ้ำขาม การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับการเดินทางไปพระธาตุภูเพ็ก คือ จากจังหวัดสกลนครไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าทางลูกรังไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนที่จะตรงขึ้นไปพระธาตุภูเพ็กจะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร รวมระยะทางจากจังหวัดประมาณ 60 กิโลเมตร วัดถ้ำขามนี้เดิมเป็นที่ปฏิบัติธรรมของท่านอาจารย์ฝั้น อาจาโร มีธรรมชาติร่มรื่น บรรยากาศเงียบสงบ และทิวทัศน์สวยงาม ปัจจุบันได้มีการสร้างตำหนักธรรมขนาดใหญ่ เป็นรูปแบบพระอุโบสถ ภายในประดับด้วยรูปพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้าไปชมความงามของธรรมชาติรอบข้าง และได้กราบไหว้พระอาจารย์ฝั้นด้วย พระอาจารย์ฝั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จนถึงประมาณ พ.ศ. 2507 ท่านอาพาธจึงได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าอุดมสมพร
            พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร ตั้งอยู่ที่วัดป่าอุดมสมพร ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม ตามเส้นทางสกลนคร-อุดรธานี จากสกลนครถึงอำเภอพรรณานิคมประมาณ 37 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเข้าไปตัวอำเภอพรรณานิคม วัดป่าอุดมสมพรห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 2 กิโลเมตร พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กำเนิดในสกุลสุวรรณรงค์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2442 ที่ตำบลบ้านม่วงไข่ อำเภอพรรณานิคม และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 19 ปี ณ วัดโพนทอง จนอายุครบ 20 ปี จึงอุปสมบทในพุทธศาสนาฝ่ายมหานิกาย ต่อมาท่านได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นครั้งแรกที่บ้านม่วงไข่นี้ จนเกิดความศรัทธาเลื่อมใส จนเมื่อ พ.ศ. 2468 ท่านได้ทำการญัคคิเป็นพระคณะธรรมยุติ ณ วัดโพธิสมภาร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พร้อมทั้งถวายตัวเป็นลูกศิษย์ติดตามพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ 4 มกราคม 2520 รวมอายุได้ 72 ปี ด้วยคุณความดีของท่าน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพแล้ว สานุศิษย์ทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์ขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่าน ที่วัดป่าอุดมพร ลักษณะตัวพิพิธภัณฑ์เป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสามชั้น ปลายยอดแหลม ตั้งอยู่บนเนินดิน ซึ่งขุดดินจากบริเวณใกล้เคียงยกสูงขึ้น บริเวณด้านหนึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่ และรอบๆ เจดีย์ตกแต่งเป็นสวนหย่อม มีต้นไม้ขึ้นร่มเย็น ภายในบริเวณกลางพิพิธภัณฑ์ประดิษฐานรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้นเหมือนองค์จริงในท่านั่งห้อยเท้า และถือไม้เท้าไว้ในมือ ด้านหน้าพระรูปตกแต่งด้วยเครื่องบูชาและตู้กระจกบรรจุอัฐิ ด้านฝาผนังโดยรอบเป็นตู้กระจกแสดงเครื่องอัฐบริขารที่ท่านใช้เมื่อยามมีชีวิต และประวัติความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอพังโคน-วาริชภูมิ
(ทางหลวงหมายเลข 22, 2093)

            วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง (พิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน อุตตโม) ตั้งอยู่บนยอดเขาจุดที่สูงที่สุดในเขตอำเภอปทุมวาปี อยู่ห่างจากจังหวัดประมาณ 105 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอส่องดาว การคมนาคมสะดวก รถยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณที่ตั้ง ลักษณะพิพิธภัณฑ์เป็นรูปทรงจตุรมุข 2 ชั้น ประดับด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ชั้นล่างตกแต่งเป็นห้องแสดงภาพประวัติของพระอาจารย์ตั้งแต่เกิด และตู้กระจกแสดงอัฐบริขารของพระอาจารย์วัน ที่ท่านใช้ยามมีชีวิต ชั้นบนประดิษฐานรูปปั้นของท่าน ในท่านั่งขัดสมาธิ และเครื่องสักการะบูชาที่ตกแต่งสวยงาม ธรรมชาติรอบๆ บริเวณพิพิธภัณฑ์เป็นป่าไม้ร่มรื่น บริเวณใกล้เคียงกันเป็นถ้ำพวง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระมุจรินทร์องค์ใหญ่สูงจรดเพดานหลังคา
            ผาดงก่อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาภูพาน เขตอำเภอส่องดาว ห่างจากตัวจังหวัด 105 กิโลเมตร ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 15 กิโลเมตร แล้วต้องขึ้นเขาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถขับรถได้ถึงยอดภูผาเหล็ก อันเป็นยอดสูงสุดของเทือกเขาภูพาน หากยืนบนภูเขาแห่งนี้จะมองเห็นภูผาหัก ภูไม้ ภูซากลาก ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานีได้อย่างชัดเจน
            ผาน้ำโจ้ก เป็นผาที่อยู่ในเทือกเขาภูพานเช่นเดียวกับผาดงก่อ เพียงลดต่ำลงมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นสายน้ำสูงประมาณ 50 เมตร ไหลลงสู่หาด ซึ่งต่อมาพระอาจารย์วันได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยหาด ที่บ้านภูตะคาม กิ่งอำเภอไชยวาน เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ นอกจากนี้ยังมองเห็นทัศนียภาพของทิวเขาภูพาน และหมู่บ้านต่างๆ ของจังหวัดอุดรธานี
            ภาพเขียนสามพันปี เป็นภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ยุคเดียวกับภาพเขียนสีที่บ้านเชียง หรือประมาณ 3,600 ปี ปรากฏอยู่บริเวณหน้าถ้ำผักหวาน เทือกเขาภูผาเหล็ก เขตหมู่บ้านภูตะคาน ตำบลท่าศิลา อำเภอส่องดาว ภาพที่พบนั้นเป็นรูปคนและสีที่ใช้วาดเป็นสีแดง เช่นเดียวกับภาพเขียนที่ค้นพบในที่ต่างๆ การเดินทางไปชมภาพเขียนโบราณนี้ยังไม่สะดวกนัก เนื่องจากต้องเดินเท้าหรือขับรถจักรยานยนต์เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดถึง 105 กิโลเมตร

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอกุดบาก (ทางหลวงหมายเลข 213)

            เขื่อนน้ำพุง อยู่เลยพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ไปประมาณ 30 กิโลเมตร จากตัวเมืองไปตามสายถนนสกลนคร-กาฬสินธุ์ 37 กิโลเมตร จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ เขื่อนน้ำพุงเป็นเขื่อนแบบหินทิ้ง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความยาว 1,720 เมตร สูง 40 เมตร กักเก็บน้ำได้ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 6,300 กิโลวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าแจกจ่ายให้ประชาชนในเขตจังหวัดสกลนคร และนครพนมได้ใช้อย่างทั่วถึง สิ้นค่าก่อสร้าง 120 ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทำพิธีเปิดเขื่อนน้ำพุงเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2508 ธรรมชาติรอบบริเวณเขื่อนเงียบสงบเย็นสบาย

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอสว่างแดนดิน (ทางหลวงหมายเลข 22)

            ปราสาทบ้านพันนา ตั้งอยู่ที่บ้านพันนา อำเภอสว่างแดนดิน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กิโลเมตร ในเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี ลักษณะของปราสาทมียอดเดียวมีฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้ารองรับ สร้างด้วยศิลาแลงเหมือนปราสาทขอมทั่วไป บริเวณใกล้กับตัวปราสาทมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อด้วยศิลาแลงเป็นชั้นๆ มีน้ำขังตลอดปี เชื่อว่าสร้างสมัยเดียวกับปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ปราสาทบางส่วนยังคงสภาพสมบูรณ์

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอกุสุมาลย์

            สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปู่มเหศักดิ์ และพิพิธภัณฑ์ไทยโส้ ตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการอำเภอกุสุมาลย์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กิโลเมตร ทางด้านขวามือ ตามเส้นทางสายสกลนคร-นครพนม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะบูชาของชาวไทยโส้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่สถิตย์ของเทพ ผู้ซึ่งช่วยคุ้มครองชาวไทยโส้ ในพิพิธภัณฑ์เป็นที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ของชาวไทยโส้เมื่อคราวอพยพมาจากฝั่งแม่น้ำโขง มีแผ่นป้ายเขียนข้อความภาษาของชาวไทยโส้เปรียบเทียบกับภาษาไทย ให้เห็นถึงความแตกต่างของภาษาและสำเนียงการออกเสียง

สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตกิ่งอำเภอเต่างอย

            อุทยานแห่งชาติห้วยหวด เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง และสร้างเขื่อนชลประทานห้วยหวดที่อุทยานแห่งชาติห้วยหวด ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 35 กิโลเมตร สภาพป่าในเขตอุทยานฯ มีความสมบูรณ์ ทิวทัศน์สวยงามเงียบสงบ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของห้วยหวดรีสอร์ท ที่สร้างอยู่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยหวด และบริเวณใกล้เคียงกับบ้านพัก มีน้ำตก 2 แห่งที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง เป็นสภาพธรรมชาติที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง นอกจากนี้บริเวณอ่างเก็บน้ำยังเป็นที่อาศัยของฝูงนกกระยาง และนกเป็ดน้ำ ซึ่งจะพบเห็นได้ในเวลาเย็น ในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ดอกไม้และพันธุ์ไม้ต่างๆ โดยเฉพาะดอกดุสิตา ซึ่งเป็นดอกหญ้าเล็กๆ สีม่วง จะขึ้นเต็มทั่วทั้งบริเวณ ทางรีสอร์ทยังมีบริการเรือยนต์ท้องแบน มีขนาดบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 80 คน เพื่อนำเที่ยวชมธรรมชาติรอบๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำ ติดต่อสอบถามได้ที่ หจก. ภูพานการท่องเที่ยว โทร. (042) 712676

สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งหัตถกรรม

            ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านกุดนาขาม ตำบลเจริญศิลป์ กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 112 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี ทางหลวงหมายเลข 22 ถึงอำเภอสว่างแดนดิน แยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 2091 และแยกซ้ายเข้าเส้นทางลูกรังหมายเลข 2280 ซึ่งเป็นเส้นทางสู่กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ การเดินทางสะดวกมาก นักท่องเที่ยวสามารถนำรถยนต์เข้าถึงบริเวณที่ตั้ง ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขามเป็นแหล่งผลิตศิลปหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา การแกะสลักไม้และการทอผ้าที่มีชื่อแห่งหนึ่ง ฝีมือในการผลิตและออกแบบสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่นิยมใช้ของไทยๆ เสมอ ผลิตภัณฑ์จากศูนย์จะนำออกแสดงให้ชมและจำหน่ายในงานนิทรรศการที่เกี่ยวกับสินค้าของที่ระลึกประจำจังหวัด รวมทั้งงานออกร้านในเทศกาลต่างๆ ในต่างจังหวัดและบางงานในกรุงเทพฯ
            ศูนย์ศิลปาชีพบ้านจาร ตั้งอยู่ที่บ้านจาร ตำบลม่วง อำเภอบ้านม่วง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 126 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-พังโคน เมื่อถึงอำเภอพังโคนแล้วแยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงบ้านคำตากล้า จากนั้นแยกซ้ายเข้าเส้นทางหมายเลข 2324 ศุนย์ฯ แห่งนี้เป็นที่ผลิตและฝึกอาชีพในด้านการทอผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองอื่นๆ ตลอดจนการตีเหล็ก การแกะสลักไม้ ผ้าที่ทอจากศูนย์ฯ นี้มีคุณภาพดีจึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป ทางศูนย์ฯ เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน

            บ้านปั้นหม้อ อยู่ที่บ้านเชียงเครือ อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-นครพนม ที่หมู่บ้านเชียงเครือนี้มีอาชีพนอกเหนือจากการทำนา คือ การปั้นภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ เช่น โอ่ง หม้อ ไห กระถาง เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถซื้อได้ในราคาย่อมเยา จากในบริเวณหมู่บ้านและตลอดสองข้างทางที่เดินทางสู่หมู่บ้าน
            บ้านทอผ้าบ้านวาใหญ่ ดอนแดง ในเขตอำเภออากาศอำนวย อยู่ห่างจากจังหวัดประมาณ 75 กิโลเมตร ผ้าที่ทอนั้นมีทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม และผ้าขิด เป็นผ้าที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติที่ได้จากเปลือกไม้ และผลิตผลจากไม้ พร้อมทั้งมีฝีมือการทอที่ประณีตลวดลายสวยงาม

งานประเพณี

                    งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งเรือ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันขึ้น 12-15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี สำหรับวันขึ้น 14 ค่ำ จะเป็นวันแห่ขบวนปราสาทผึ้งที่ยิ่งใหญ่ เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ขบวนปราสาทผึ้งที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามของคุ้มวัดต่างๆ จำนวนกว่า 20 คุ้ม จะเริ่มออกจากสนามมิ่งเมืองในเขตเทศบาลเมืองนครสกล แห่ไปตามถนนสุขเกษม แยกเข้าถนนเจริญเมืองเพื่อไปสู่วัดพระธาตุเชิงชุม ปราสาทผึ้งที่แต่ละขบวนนำมาจะมาตั้งไว้เป็นพุทธบูชา ณ บริเวณวัดพระธาตุเชิงชุม ด้วยความศรัทธาของชาวอีสานที่เชื่อว่าในเทศกาลออกพรรษา พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อมาโปรดเวนัยสัตว์ในโลกมนุษย์ให้พ้นทุกข์ ในตอนกลางคืนของวันขึ้น 13 ค่ำ ก่อนวันทำการแห่ขบวนปราสาทผึ้ง ชาวคุ้มต่างๆ จะนำปราสาทผึ้งของตนที่ตกแต่งอย่างสวยงามประดับโคมไฟหลากสีมาตั้งประกวดแข่งขันกัน ณ สนามมิ่งเมือง เพื่อให้ประชาชนได้ชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด
            งานเที่ยวหนองหาน ชมภูพานเผ่าไทย ชิมข้าวหอมใหม่ไทสกล เป็นงานประจำปีของจังหวัดสกลนคร ที่จัดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้มีการจัดงานฉลองเมืองสกลนคร 150 ปี แล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อต้องการที่จะสืบทอดศิลปวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มชนต่างๆ ที่เป็นชนชาติพันธุ์ของชาวสกลนครให้คงอยู่ต่อไป โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันเสาร์สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคมของทุกปี มีกำหนดการจัดงานปีละ 7 วัน สถานที่จัดงานคือบริเวณศาลากลางจังหวัดสกลนคร ในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันเปิดงานจะมีการแสดงขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มชนต่างๆ ที่อยู่ในจังหวัดทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ไทย (ภูไท) โส้ ย้อ โย้ย กะเลิง กะตาก ลาว ญวน และจีน เป็นต้น โดยขบวนจะออกจากสนามมิ่งเมืองในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เวลาประมาณ 14.00 น. และเคลื่อนขบวนไปตามถนนสุขเกษม มุ่งหน้าไปยังศาลากลางจังหวัดสกลนคร ซึ่งแต่ละขบวนจะไปรวมกัน ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด นอกจากนี้ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมประกอบงานต่างๆ อีกมากมาย เช่น การประกวดนางสาวสกลนคร การออกร้านแสดงนิทรรศการของส่วนราชการต่างๆ การประกวดศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน การจัดพาแลง การแสดงมหรสพต่างๆ การออกร้านกาชาด การจำหน่ายสินค้าราคาถูกของร้านค้าเอกชน เป็นต้น
            งานเทศกาลโส้รำลึก เป็นงานประจำปีของชาวโส้ ซึ่งจัดขึ้นในวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอกุสุมาลย์ การแสดงโส้ทั่งบั้ง จะเริ่มในตอนสายของวันขึ้น 4 ค่ำ ตามประเพณีความเชื่อที่สืบทอดมาแต่อดีต เป็นการแสดงเอาพิธีเยาคนป่วยลงสนามหรือแซงสนาม และพิธีเจี้ยศาลา รวมเข้ากันเพื่อให้เกิดรูปขบวนที่สวยงามเป็นจังหวะสอดคล้องกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ดีดสีตีเป่าเข้ากับท่วงท่ารำของสาวโส้ ที่มาร่วมแสดงเป็นจำนวนมาก ในการแสดงพิธีดังกล่าวชาวโส้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์ จะกระทำแบบลอยๆ หรือเล่นๆ ไม่ได้ นอกจากนี้ในบริเวณงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านนานาชนิดให้แก่ผู้ไปเที่ยวชมในราคาถูก การคมนาคมสะดวกรถยนต์เข้าถึงบริเวณงาน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กิโลเมตร
            งานเซิ้งผีโขน เป็นงานประเพณีของชาวบ้านไฮหย่อง ตำบลไฮหย่อง อำเภอพังโคน จัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี ในงานจะมีขบวนของชาวบ้านแต่งชุดผีประเภทต่างๆ จำนวนมาก แห่ไปตามถนนในหมู่บ้านตามขบวนแห่พระเวสน์ไปยังวัดไฮหย่อง เพื่อทำบุญอุทิศกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ มีการแสดงท่ารำต่างๆ ของผีเป็นที่ครึกครื้น การคมนาคมสะดวก รถยนต์เข้าถึงบริเวณงาน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 48 กิโลเมตร

            รำมวยโบราณ เป็นการต่อสู้ของนักมวยโบราณ มีลักษณะพิเศษคือ การใช้ฝ่ามือตบหรือตีแทนการใช้หมัด แล้วถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่นิยมคลุกวงใน เมื่อถอยออกมาแล้วนักมวยจะร่ายรำไปมาเพื่อหาโอกาสและจังหวะที่จะรุกเร้าอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอตัว เทคนิคในการรุกการถอย การตอบโต้ของนักมวยโบราณมีหลายแบบ และถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกหัด

ของฝาก (รหัสทางไกล 042)

            พุทธศิลป์ไหมไทย ถนนเปรมปรีดา โทร. 711548
            รุ่งนภาไหมไทย ถนนสุขเกษม โทร. 711238
            มานะไหมไทย 746 ถนนสุขเกษม โทร. 711749
            สดศรีไหมไทย 953/1 หน้าวัดพระธาตุเชิงชุม ถนนเจริญเมือง โทร. 711953
            สายทอง 493 ถนนเจริญเมือง โทร. 711152

บริษัทนำเที่ยว

          สกลนครอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำกัด โทร. 711016 หจก.
          ภูพานการท่องเที่ยว โทร. 712676
          แกรนด์ทัวร์ โทร. 711754
          บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 712259-60

เบอร์โทรศัพท์ (รหัสทางไกล 042)

          สำนักงานจังหวัดสกลนคร โทร. (042) 711763
          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 4   184/1 ถ.สุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม 48000 โทร. (042) 513-490-1 โทรสาร (042) 513-492 พื้นที่ความรับผิดชอบ : นครพนม สกลนคร มุกดาหาร

  สนับสนุนข้อมูลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย