ส
กลนคร นครแห่งการแสวงหา ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธศาสน์ พระธาตุ 5 แห่ง
แหล่งอารยธรรม 3 พันปี ตามตำนานเล่าว่า เมื่อสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เมืองหนองหานหลวงในอดีต
หรือสกลนครในปัจุบันนั้น สร้างขึ้นในยุคที่ขอมมีอำนาจในดินแดนนี้ โดยขุนขอมราชบุตรเจ้าเมืองอินทรปัฐนคร
ผู้ซึ่งอพยพครอบครัวและบ่าวไพร่ชาวเขมรมาสร้างเมืองใหม่ที่ริมหนองหานหลวง
มีเจ้าปกครองเรื่อยมา จนถึงสมัยพระยาสุวรรณภิงคาระเวลานั้นเกิดฝนแล้ง
ข้าวยากหมากแพง เจ้าผู้ครองเมืองจึงต้องพาราษฎรอพยพกลับไปเขมร หนองหานจึงกลายเป็นเมืองร้างอยู่ระยะหนึ่ง
ต่อมาเมื่ออิทธิพลขอมเสื่อมลง เมืองหนองหานหลวงตกไปอยู่ในความปกครองของอาณาจักรล้านช้าง
เรียกชื่อเมืองว่า เมืองเชียงใหม่หนองหาน ซึ่งแสดงว่า เมืองหนองหานมีความสัมพันธ์กับเวียงจันทน์เสมอมา
ก่อนที่อิทธิพลกรุงเทพฯ จะเข้าไปถึงสกลนคร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2321-2322
ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ปรากฏเจ้าเมืองชื่อ พระบรมราชา (มั่ง) เจ้าเมืองสกลทวาปี
ในขณะนั้นไปเข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเป็นกบฏยกทัพเข้ามากวาดต้อนผู้คนทางภาคอีสาน
พระบรมราชา (มั่ง) เข้าข้างเจ้าอนุวงศ์ อพยพครอบครัวไปอยู่ที่เมืองมหาชัยก่องแก้ว
เหลือแต่กรรมการเมืองผู้น้อยทิ้งไว้เฝ้าเมือง ต่อมา พ.ศ. 2373 โปรดเกล้าฯ
ให้พระสุนทรราชวงศา (ปุต) เจ้าเมืองยโสธร ซึ่งทำความดีความชอบเมื่อครั้งปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์มารักษาเมืองสกลทวาปี
ต่อมาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาประจันตประเทศวาปี และเปลี่ยนชื่อจากเมืองสกลทวาปีเป็นเมืองสกลนคร
สกลนคร
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ห่างจากรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์
647 กิโลเมตร และห่างจากแม่น้ำโขงตรงที่ตั้งจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นเส้นพรมแดนประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ประมาณ 90 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 9,605.76 ตารางกิโลเมตร
ทิศเหนือ
จดจังหวัดหนองคาย และนครพนม
ทิศใต้
จดจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี นครพนม
ทิศตะวันออก
จดจังหวัดกาฬสินธุ์ และนครพนม
ทิศตะวันตก
จดจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ
-
อำเภอกุดบาก 56 กิโลเมตร
-
อำเภอกุสุมาลย์ 40 กิโลเมตร
-
อำเภอคำตากล้า 119 กิโลเมตร
-
อำเภอนิคมน้ำอูน 77 กิโลเมตร
-
อำเภอบ้านม่วง 124 กิโลเมตร
-
อำเภอพรรณานิคม 41 กิโลเมตร
-
อำเภอพังโคน 55 กิโลเมตร
-
อำเภอสว่างแดนดิน 82 กิโลเมตร
-
อำเภอวาริชภูมิ 71 กิโลเมตร
-
อำเภอวานรนิวาส 85 กิโลเมตร
-
อำเภอโคกศรีสุพรรณ 24 กิโลเมตร
-
อำเภอเต่างอย 28 กิโลเมตร
-
อำเภอส่องดาว 101 กิโลเมตร
-
อำเภออากาศอำนวย 82 กิโลเมตร
-
กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ 112 กิโลเมตร
ระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังจังหวัดใกล้เคียง
สกลนคร-นครพนม
ระยะทาง 90 กิโลเมตร
สกลนคร-มุกดาหาร
ระยะทาง 119 กิโลเมตร
สกลนคร-กาฬสินธุ์
ระยะทาง 128 กิโลเมตร
สกลนคร-อุดรธานี
ระยะทาง 159 กิโลเมตร
สกลนคร-ขอนแก่น
ระยะทาง 205 กิโลเมตร
สกลนคร-อุบลราชธานี
ระยะทาง 286 กิโลเมตร
สถานที่น่าสนใจ
ในเขตอำเภอเมือง
พระธาตุเชิงชุม ตั้งอยู่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ปลายถนนเจริญเมือง
ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนฐานรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ
24 เมตร สำหรับยอดฉัตรทองคำเหนือองค์พระธาตุเชิงชุม ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์
น้ำหนักทองคำถึง 247 บาท มีซุ้มประตูปิด-เปิดทั้ง 4 ด้าน ข้างในทึบ สร้างด้วยศิลาแลง
เป็นเจดีย์สร้างขึ้นสวมรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าสี่พระองค์ ซึ่งหมายถึง
พระกกุสันธะ พระโกนาคม พระกัสสะปะ และพระพุทธโคดม (คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ชาวพุทธศาสนิกชนเคารพสักการะบูชาอยู่ทุกวันนี้)
สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัด เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ
ภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร
ทุกวันพระในตอนค่ำ จะมีประชาชนไปบูชากราบไหว้พระธาตุและหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก
งานประจำปีของพระธาตุเชิงชุมจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น
15 ค่ำ เดือนยี่ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ)
หนองหาน เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียงและกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย
อยู่ในตัวเมืองสกลนคร มีเนื้อที่ประมาณ 123 ตารางกิโลเมตร เป็นที่รวมของลำห้วยต่างๆ
หลายสาย และยังเป็นต้นน้ำของลำน้ำก่ำ ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม
จังหวัดนครพนม เป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญทั้งด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์
การประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาน ระดับน้ำในหนองหานลึกประมาณ
3-8 เมตร ในบริเวณหนองหานมีเกาะต่างๆ กว่า 20 เกาะ เช่น เกาะดอนสวรรค์
ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัดร้าง และพระพุทธรูปซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าสร้างมานานเท่าใด
นอกจากนั้น ตามเกาะต่างๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อยู่อาศัยของนานาชนิด
บางเกาะได้สร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง
ฯลฯ ในบริเวณหนองหานมีเรือยนต์ท้องแบนขนาดจุ 90 คน บริการนำเที่ยวรอบหนองหาน
ซึ่งในเวลากลางวันสาหร่ายสีทองซึ่งอยู่ใต้พื้นน้ำ เมื่อแดดส่องลงในน้ำ
จะเห็นสาหร่ายรูปต่างๆ สวยงามมาก ติดต่อสอบถามรายละเอียดการจองเรือได้ที่
สกลนครอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (042) 711016
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ติดกับหนองหานบริเวณตำบลธาตุเชิงชุม
อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 120 ไร่
ได้รับอนุมัติให้จัดสร้างขึ้นเป็นแห่งที่ 10 ของประเทศไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ได้เสด็จเป็นองค์ประธานพิธีเปิดสวนฯ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2530 มีลักษณะเป็นสวนล้อมสระน้ำขนาดใหญ่
ชื่อสระพังทอง เป็นสระโบราณ เชื่อกันว่าสร้างมาพร้อมกับการสร้างพระธาตุเชิงชุม
ภายในบริเวณสวนประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนป่า สวนน้ำ สวนหิน และสวนออกกำลังกาย
ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาหาความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ได้อีกด้วย
ปราสาทพระธาตุนารายณ์เจงเวง ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง
เขตอำเภอเมืองสกลนคร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร ในเส้นทางสกลนคร-อุดรธานี
ทางหลวงหมายเลข 22 อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงสี่แยก เป็นพระธาตุที่ชาวบ้านสักการะบูชามากอีกแห่งหนึ่ง
ปรางค์สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลง มีทับหลังจำหลักภาพพระกฤษณะฆ่าสิงห์
ในรูปแบบศิลปะเขมรแบบบาปวน ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฎหลายแห่งในภาคอีสาน
ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตูหน้าต่างยังมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด
เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก รูปแบบและศิลปะกำหนดอายุว่าราวพุทธศตวรรษที่
16-17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำ-15 ค่ำ
เดือน 4 ของทุกปี
พระธาตุดุม เป็นพระธาตุที่สร้างด้วยศิลาแลง สมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ตั้งอยู่ที่ตำบลธาตุดุม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองสกลนคร
มีปรางค์องค์เดียวสร้างด้วยศิลาแลง พบทับหลักภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาลประกอบด้วยสัตว์
เช่น ช้าง สิงห์ และลายใบไม้ม้วน การกำหนดอายุ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17
ศิลปะเขมรแบบบาปวน
พิพิธภัณฑ์อาจารย์มั่น ภูริทัตโต จากตัวเมืองออกมาตามเส้นทางที่จะผ่านศูนย์ราชการจังหวัด
บนถนนสุขเกษม ทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงกับกับที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัด
เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 250 เมตร จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ในวัดป่าสุทธาวาส
ตัวพิพิธภัณฑ์มีลักษณะการก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ประยุกต์ สร้างด้วยกระเบื้องดินเผา
ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปหล่อเหมือนองค์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในท่านั่งสมาธิ
องค์โตกว่าตัวจริงเล็กน้อย และมีตู้กระจกบรรจุอัฐิของท่านที่แปรสภาพเป็นแก้วผลึกใสสีขาว
ยกฐานสูงพื้นปูด้วยหินอ่อน พร้อมทั้งตู้แสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กำเนิดในสกุลแก่นแก้ว ที่ตำบลโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี และอุปสมบทเมื่ออายุ 22 ปี ที่วัดเลียบ
จังหวัดอุบลราชธานี ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในปฏิมาธุดงด์กรรมฐานเป็นวัตร
มีพระในสายเดียวกับท่านอีกหลายองค์ ที่ได้เข้ามาปฏิบัติและฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวของท่าน
เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ขาว อาลนาโย หลวงปู่แหวน สุจินต์โน เป็นต้น
ในระยะหลังท่านเริ่มมีอาการป่วยบ่อย จึงย้ายจากการธุดงด์กรรมฐานเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส
และมรณภาพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ อยู่กลางเทือกเขาภูพานในเขตอำเภอเมืองสกลนคร
บนเส้นทางหลวงสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ (ทางหลวงหมายเลข 213) ห่างจากตัวเมืองสกลนคร
13 กิโลเมตร มีทางแยกเข้าไปทางด้านขวามือ พระตำหนักภูพานราชนิเวศเป็นสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระราชวงศ์ ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บริเวณสถานที่ตั้งเป็นป่าไม้ร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ในระหว่างที่ไม่ได้ประทับอยู่ที่พระตำหนัก ทรงอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน
โดยทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน
กรุงเทพฯ 10200 และเมื่อได้รับหนังสือตอบรับแล้วจึงจะเดินทางไปชมได้
น้ำตกคำหอม และโค้งปิ้งงู อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ
14 กิโลเมตร บริเวณใกล้เคียงกันจะเป็นที่ตั้งของน้ำตกต่างๆ อีกหลายแห่ง
เช่น น้ำตกเหวสินธุ์ชัย น้ำตกตาดโตน อยู่ท่ามกลางป่าไม้ที่ร่มเย็นและหน้าทางเข้าบริเวณน้ำตกคำหอม
บนถนนสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ เป็นช่วงที่คดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูที่ถูกย่างหรือปิ้ง
ซึ่งมีไหล่ทางลดหลั่นเป็นชั้นๆ กินพื้นที่บริเวณกว้าง สามารถทำให้มองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองสกลนคร
และหนองหานในระยะไกลที่สวยงาม การคมนาคมเข้าแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้สะดวกปลอดภัย
สามารถเดินทางเข้าถึงตลอดทั้งปี สำหรับน้ำตกต่างๆ ในฤดูฝนจะมีน้ำมาก
ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะแห้ง
อุทยานแห่งชาติภูพาน ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูพาน
ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน ติดถนนสกลนคร-กาฬสินธุ์ ทางหลวงหมายเลข 203
ห่างจากจังหวัดประมาณ 25 กิโลเมตร จะพบที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ
มีเรือนพักรับรองแก่ผู้ไปเที่ยว 1 หลัง รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 20
คน
จุดท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน
- ผานางเมิน
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 700 เมตร สองข้างทางจะเป็นป่าพรวงไปตลอดถึงริมหน้าผา
ซึ่งเป็นลาดหินทอดยาวหันหน้าไปทางทิศตะวันตก มองเห็นธรรมชาติเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนสวยงาม
-
ลานสาวเอ้ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นลานหินธรรมชาติที่สวยงาม
อยู่ท่ามกลางป่าเขาและบริเวณหน้าผาสูงชัน
-
น้ำตกห้วยใหญ่ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กิโลเมตร ลักษณะเป็นลำน้ำที่ยุบตัวลงลดหลั่นเป็นชั้น
2 ชั้น รายล้อมด้วยสภาพป่าเขาทึบที่ร่มเย็น
-
ถ้ำเสรีไทย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4.5 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่สมัยสงครามโลกครั้งที่
2 ฝ่ายเสรีไทยได้ใช้เป็นที่สะสมอาวุธและเสบียง เพราะเป็นทำเลที่เหมาะสม
ปกปิดด้วยป่าไม้ที่เขียวชะอุ่ม
-
ยอดเขาภูเขียว และทางผีผ่าน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 7 กิโลเมตร
เป็นลานหินระเกะระกะตามธรรมชาติ ซึ่งด้านหนึ่งจะเป็นสะพานตั้งโค้งไปสู่อีกด้านหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า
ขัวผี เพราะเชื่อว่าผู้ใดผ่านมาพักผ่อนบริเวณนี้แล้วจะต้องถูกผีหลอก
และห่างจากผีผ่านไปไม่มากนักจะเป็นยอดภูเขียวที่มีธรรมชาติป่าไม้ขุนเขาที่สวยงาม
น้ำตกปรีชาสุขสันต์ ตั้งอยู่ในเทือกเขาภูพาน
เขตอำเภอเมือง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 29 กิโลเมตร ลักษณะน้ำตกเป็นลานหินเขาลาด
(คล้ายสไลเดอร์) เป็นช่วงยาวลดหลั่นเป็นชั้น อยู่ท่ามกลางสภาพป่าไม้ที่สมบูรณ์ร่มครึ้ม
สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย น้ำจะมีมากในฤดูฝน การคมนาคมสะดวก สามารถเข้าถึงตัวน้ำตกได้ตลอดปี
ภาพรอยสลักผาสามพันปีที่ภูผายนต์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านนาผาง
ตำบลกกปลาซิว อำเภอเมืองสกลนคร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 38 กิโลเมตร
ตามเส้นทางสายสกลนคร-กาฬสินธุ์ ไปประมาณ 22 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าตามทางลูกรัง
14 กิโลเมตร และเดินเท้าขึ้นเขาอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ภูผายนต์เป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์
ในบริเวณนั้นมีภาพแกะสลักบนหน้าผาหิน เป็นรูปภาพต่างๆ แสดงชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชุมชนก่อนประวัติศาสตร์
ที่ใช้ของแข็งขูดขีดลงบนหน้าผา เช่น ภาพสัตว์ คน ไร่นา เป็นต้น นอกจากนี้
ยังมีธรรมชาติรอบข้างเป็นป่าเขาที่สวยงาม
ชาวภูไท บ้านโนนหอม ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางสกลนคร-นาแก (ทางหลวงหมายเลข 223) ประมาณ
13 กิโลเมตร มีทางแยกขวาตามทางลูกรังอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ชาวภูไทที่บ้านโนนหอมนี้หลังจากอพยพมาจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง
เมื่อประมาณ 100 กว่าปีแล้ว ก็มารวมกันอยู่ที่หมู่บ้านนี้ และยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวภูไทไว้อย่างสวยงามและประทับใจ
ท่านที่ต้องการจัดหมู่คณะเข้าไปชมชีวิตความเป็นอยู่ การทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย
แบบพื้นบ้าน หรือต้องการให้มีการร่วมรับประทานอาหารเย็นกับชาวภูไท (พาข้าวแลง)
พร้อมการบายศรีสู่ขวัญ และการแสดงฟ้อนรำอันอ่อนช้อยของชาวภูไท ในบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของพื้นบ้านจริง
ติดต่อล่วงหน้าที่ กำนันอุทัย อภิวาทนะศิริ ศูนย์สาธิตการตลาดบ้านโนนหอม
เลขที่ 5 หมู่ที่ 2 ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โทร. (042)
712222 หรือจะติดต่อให้มาแสดงในโรงแรมอิมพีเรียล โทร. (042) 711119 และโรงแรมดุสิตธานี
โทร. (042)711189
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอพรรณานิคม
(ทางหลวงหมายเลข 22 สกลนคร-อุดรธานี)
พระธาตุภูเพ็ก ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม
บนเส้นทางหลวงสายสกลนคร-อุดรธานี ห่างจากตัวเมืองสกลนครไปประมาณ 20 กิโลเมตร
มีทางแยกซ้ายไปอีก 14 กิโลเมตร เป็นทางลูกรัง สามารถนำรถยนต์เข้าไปถึงเชิงพระธาตุได้
จากนั้นเดินขึ้นบันไดอีกประมาณ 491 ขั้น จะถึงองค์พระธาตุซึ่งสร้างอยู่บนยอดเขาภูเพ็ก
เทือกเขาภูพาน บรรยากาศโดยรอบมีต้นไม้ปกคลุม อากาศเย็นสบาย องค์พระธาตุสร้างด้วยศิลาแลงมีฐานสี่เหลี่ยมสองชั้น
ตัวปราสาทสูง 7.67 เมตร สร้างไม่แล้วเสร็จ ไม่มีหลังคาและยอดปราสาท เพียงแต่ทำขื่อตั้งไว้เท่านั้น
ตามตำนานอุรังคธาตุ ปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นแข่งขันกันระหว่างกลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้หญิง
เพื่อรอบรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า แต่กลุ่มผู้ชายสร้างพระธาตุภูเพ็ก
ได้ยุติการสร้างเมื่อเห็นดาวเพ็กบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นกลลวงของกลุ่มผู้หญิงผู้สร้างพระธาตุนารายณ์เจงเวง
ปราสาทหลังนี้จึงได้ชื่อว่า ปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ตามชื่อดาว เพ็ก พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่
16-17 เมื่อขึ้นไปถึงบริเวณพระธาตุซึ่งมีวัดพระธาตุภูเพ็ก มีพระภิกษุและสามเณรจำพรรษาอยู่ตลอดปี
แม้ว่าการขึ้นไปถึงค่อนข้างยาก แต่เมื่อขึ้นไปแล้วจะหายเหนื่อยมองเห็นทัศนียภาพของขุนเขาต่างๆ
บนเทือกเขาภูพานอย่างชัดเจน
วัดถ้ำขามหรือภูขาม ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งในเขตของเทือกเขาภูพาน
ในเขตบ้านคำข่า หรือชาวบ้านเรียกกันว่า ภูถ้ำขาม การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับการเดินทางไปพระธาตุภูเพ็ก
คือ จากจังหวัดสกลนครไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าทางลูกรังไปอีกประมาณ
10 กิโลเมตร ก่อนที่จะตรงขึ้นไปพระธาตุภูเพ็กจะมีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังไปอีกประมาณ
30 กิโลเมตร รวมระยะทางจากจังหวัดประมาณ 60 กิโลเมตร วัดถ้ำขามนี้เดิมเป็นที่ปฏิบัติธรรมของท่านอาจารย์ฝั้น
อาจาโร มีธรรมชาติร่มรื่น บรรยากาศเงียบสงบ และทิวทัศน์สวยงาม ปัจจุบันได้มีการสร้างตำหนักธรรมขนาดใหญ่
เป็นรูปแบบพระอุโบสถ ภายในประดับด้วยรูปพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เพื่อให้ประชาชนที่สนใจเข้าไปชมความงามของธรรมชาติรอบข้าง
และได้กราบไหว้พระอาจารย์ฝั้นด้วย พระอาจารย์ฝั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้จนถึงประมาณ
พ.ศ. 2507 ท่านอาพาธจึงได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าอุดมสมพร
พิพิธภัณฑ์อาจารย์ฝั้น อาจาโร ตั้งอยู่ที่วัดป่าอุดมสมพร
ตำบลพรรณานิคม อำเภอพรรณานิคม ตามเส้นทางสกลนคร-อุดรธานี จากสกลนครถึงอำเภอพรรณานิคมประมาณ
37 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวามือเข้าไปตัวอำเภอพรรณานิคม วัดป่าอุดมสมพรห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ
2 กิโลเมตร พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร กำเนิดในสกุลสุวรรณรงค์ เมื่อวันที่
20 สิงหาคม 2442 ที่ตำบลบ้านม่วงไข่ อำเภอพรรณานิคม และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ
19 ปี ณ วัดโพนทอง จนอายุครบ 20 ปี จึงอุปสมบทในพุทธศาสนาฝ่ายมหานิกาย
ต่อมาท่านได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นครั้งแรกที่บ้านม่วงไข่นี้
จนเกิดความศรัทธาเลื่อมใส จนเมื่อ พ.ศ. 2468 ท่านได้ทำการญัคคิเป็นพระคณะธรรมยุติ
ณ วัดโพธิสมภาร อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พร้อมทั้งถวายตัวเป็นลูกศิษย์ติดตามพระอาจารย์มั่น
พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ 4 มกราคม 2520 รวมอายุได้
72 ปี ด้วยคุณความดีของท่าน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพแล้ว สานุศิษย์ทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์ขึ้น
เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่าน ที่วัดป่าอุดมพร ลักษณะตัวพิพิธภัณฑ์เป็นรูปเจดีย์ฐานกลมกลีบบัวสามชั้น
ปลายยอดแหลม ตั้งอยู่บนเนินดิน ซึ่งขุดดินจากบริเวณใกล้เคียงยกสูงขึ้น
บริเวณด้านหนึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่ และรอบๆ เจดีย์ตกแต่งเป็นสวนหย่อม มีต้นไม้ขึ้นร่มเย็น
ภายในบริเวณกลางพิพิธภัณฑ์ประดิษฐานรูปปั้นพระอาจารย์ฝั้นเหมือนองค์จริงในท่านั่งห้อยเท้า
และถือไม้เท้าไว้ในมือ ด้านหน้าพระรูปตกแต่งด้วยเครื่องบูชาและตู้กระจกบรรจุอัฐิ
ด้านฝาผนังโดยรอบเป็นตู้กระจกแสดงเครื่องอัฐบริขารที่ท่านใช้เมื่อยามมีชีวิต
และประวัติความเป็นมาตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอพังโคน-วาริชภูมิ
(ทางหลวงหมายเลข 22, 2093)
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือวัดถ้ำพวง (พิพิธภัณฑ์อาจารย์วัน
อุตตโม) ตั้งอยู่บนยอดเขาจุดที่สูงที่สุดในเขตอำเภอปทุมวาปี อยู่ห่างจากจังหวัดประมาณ
105 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอส่องดาว
การคมนาคมสะดวก รถยนต์สามารถเข้าถึงบริเวณที่ตั้ง ลักษณะพิพิธภัณฑ์เป็นรูปทรงจตุรมุข
2 ชั้น ประดับด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ชั้นล่างตกแต่งเป็นห้องแสดงภาพประวัติของพระอาจารย์ตั้งแต่เกิด
และตู้กระจกแสดงอัฐบริขารของพระอาจารย์วัน ที่ท่านใช้ยามมีชีวิต ชั้นบนประดิษฐานรูปปั้นของท่าน
ในท่านั่งขัดสมาธิ และเครื่องสักการะบูชาที่ตกแต่งสวยงาม ธรรมชาติรอบๆ
บริเวณพิพิธภัณฑ์เป็นป่าไม้ร่มรื่น บริเวณใกล้เคียงกันเป็นถ้ำพวง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระมุจรินทร์องค์ใหญ่สูงจรดเพดานหลังคา
ผาดงก่อ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาภูพาน
เขตอำเภอส่องดาว ห่างจากตัวจังหวัด 105 กิโลเมตร ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ
15 กิโลเมตร แล้วต้องขึ้นเขาอีกประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถขับรถได้ถึงยอดภูผาเหล็ก
อันเป็นยอดสูงสุดของเทือกเขาภูพาน หากยืนบนภูเขาแห่งนี้จะมองเห็นภูผาหัก
ภูไม้ ภูซากลาก ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานีได้อย่างชัดเจน
ผาน้ำโจ้ก เป็นผาที่อยู่ในเทือกเขาภูพานเช่นเดียวกับผาดงก่อ
เพียงลดต่ำลงมาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นสายน้ำสูงประมาณ 50 เมตร ไหลลงสู่หาด
ซึ่งต่อมาพระอาจารย์วันได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยหาด ที่บ้านภูตะคาม กิ่งอำเภอไชยวาน
เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ นอกจากนี้ยังมองเห็นทัศนียภาพของทิวเขาภูพาน และหมู่บ้านต่างๆ
ของจังหวัดอุดรธานี
ภาพเขียนสามพันปี เป็นภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ยุคเดียวกับภาพเขียนสีที่บ้านเชียง
หรือประมาณ 3,600 ปี ปรากฏอยู่บริเวณหน้าถ้ำผักหวาน เทือกเขาภูผาเหล็ก
เขตหมู่บ้านภูตะคาน ตำบลท่าศิลา อำเภอส่องดาว ภาพที่พบนั้นเป็นรูปคนและสีที่ใช้วาดเป็นสีแดง
เช่นเดียวกับภาพเขียนที่ค้นพบในที่ต่างๆ การเดินทางไปชมภาพเขียนโบราณนี้ยังไม่สะดวกนัก
เนื่องจากต้องเดินเท้าหรือขับรถจักรยานยนต์เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดถึง
105 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอกุดบาก
(ทางหลวงหมายเลข 213)
เขื่อนน้ำพุง อยู่เลยพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ไปประมาณ
30 กิโลเมตร จากตัวเมืองไปตามสายถนนสกลนคร-กาฬสินธุ์ 37 กิโลเมตร จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
เขื่อนน้ำพุงเป็นเขื่อนแบบหินทิ้ง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีความยาว 1,720 เมตร สูง 40 เมตร กักเก็บน้ำได้ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร
มีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงสุด 6,300 กิโลวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าแจกจ่ายให้ประชาชนในเขตจังหวัดสกลนคร
และนครพนมได้ใช้อย่างทั่วถึง สิ้นค่าก่อสร้าง 120 ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงทำพิธีเปิดเขื่อนน้ำพุงเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2508 ธรรมชาติรอบบริเวณเขื่อนเงียบสงบเย็นสบาย
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอสว่างแดนดิน
(ทางหลวงหมายเลข 22)
ปราสาทบ้านพันนา ตั้งอยู่ที่บ้านพันนา อำเภอสว่างแดนดิน
อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 70 กิโลเมตร ในเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี
ลักษณะของปราสาทมียอดเดียวมีฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้ารองรับ สร้างด้วยศิลาแลงเหมือนปราสาทขอมทั่วไป
บริเวณใกล้กับตัวปราสาทมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อด้วยศิลาแลงเป็นชั้นๆ
มีน้ำขังตลอดปี เชื่อว่าสร้างสมัยเดียวกับปราสาทพระธาตุภูเพ็ก ปราสาทบางส่วนยังคงสภาพสมบูรณ์
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอำเภอกุสุมาลย์
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ปู่มเหศักดิ์ และพิพิธภัณฑ์ไทยโส้
ตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการอำเภอกุสุมาลย์ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40
กิโลเมตร ทางด้านขวามือ ตามเส้นทางสายสกลนคร-นครพนม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะบูชาของชาวไทยโส้
ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่สถิตย์ของเทพ ผู้ซึ่งช่วยคุ้มครองชาวไทยโส้ ในพิพิธภัณฑ์เป็นที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ของชาวไทยโส้เมื่อคราวอพยพมาจากฝั่งแม่น้ำโขง
มีแผ่นป้ายเขียนข้อความภาษาของชาวไทยโส้เปรียบเทียบกับภาษาไทย ให้เห็นถึงความแตกต่างของภาษาและสำเนียงการออกเสียง
สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตกิ่งอำเภอเต่างอย
อุทยานแห่งชาติห้วยหวด เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง
และสร้างเขื่อนชลประทานห้วยหวดที่อุทยานแห่งชาติห้วยหวด ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 35 กิโลเมตร สภาพป่าในเขตอุทยานฯ มีความสมบูรณ์
ทิวทัศน์สวยงามเงียบสงบ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของห้วยหวดรีสอร์ท
ที่สร้างอยู่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยหวด และบริเวณใกล้เคียงกับบ้านพัก มีน้ำตก
2 แห่งที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง เป็นสภาพธรรมชาติที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง
นอกจากนี้บริเวณอ่างเก็บน้ำยังเป็นที่อาศัยของฝูงนกกระยาง และนกเป็ดน้ำ
ซึ่งจะพบเห็นได้ในเวลาเย็น ในฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ดอกไม้และพันธุ์ไม้ต่างๆ
โดยเฉพาะดอกดุสิตา ซึ่งเป็นดอกหญ้าเล็กๆ สีม่วง จะขึ้นเต็มทั่วทั้งบริเวณ
ทางรีสอร์ทยังมีบริการเรือยนต์ท้องแบน มีขนาดบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ประมาณ
80 คน เพื่อนำเที่ยวชมธรรมชาติรอบๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำ ติดต่อสอบถามได้ที่
หจก. ภูพานการท่องเที่ยว โทร. (042) 712676
สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งหัตถกรรม
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านกุดนาขาม
ตำบลเจริญศิลป์ กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 112
กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-อุดรธานี ทางหลวงหมายเลข 22 ถึงอำเภอสว่างแดนดิน
แยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 2091 และแยกซ้ายเข้าเส้นทางลูกรังหมายเลข 2280
ซึ่งเป็นเส้นทางสู่กิ่งอำเภอเจริญศิลป์ การเดินทางสะดวกมาก นักท่องเที่ยวสามารถนำรถยนต์เข้าถึงบริเวณที่ตั้ง
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขามเป็นแหล่งผลิตศิลปหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผา
การแกะสลักไม้และการทอผ้าที่มีชื่อแห่งหนึ่ง ฝีมือในการผลิตและออกแบบสวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่นิยมใช้ของไทยๆ เสมอ ผลิตภัณฑ์จากศูนย์จะนำออกแสดงให้ชมและจำหน่ายในงานนิทรรศการที่เกี่ยวกับสินค้าของที่ระลึกประจำจังหวัด
รวมทั้งงานออกร้านในเทศกาลต่างๆ ในต่างจังหวัดและบางงานในกรุงเทพฯ
ศูนย์ศิลปาชีพบ้านจาร ตั้งอยู่ที่บ้านจาร ตำบลม่วง
อำเภอบ้านม่วง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 126 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-พังโคน
เมื่อถึงอำเภอพังโคนแล้วแยกขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 222 ถึงบ้านคำตากล้า
จากนั้นแยกซ้ายเข้าเส้นทางหมายเลข 2324 ศุนย์ฯ แห่งนี้เป็นที่ผลิตและฝึกอาชีพในด้านการทอผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองอื่นๆ
ตลอดจนการตีเหล็ก การแกะสลักไม้ ผ้าที่ทอจากศูนย์ฯ นี้มีคุณภาพดีจึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป
ทางศูนย์ฯ เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน
บ้านปั้นหม้อ อยู่ที่บ้านเชียงเครือ อำเภอเมือง
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสกลนคร-นครพนม ที่หมู่บ้านเชียงเครือนี้มีอาชีพนอกเหนือจากการทำนา
คือ การปั้นภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ เช่น โอ่ง หม้อ ไห กระถาง เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถซื้อได้ในราคาย่อมเยา
จากในบริเวณหมู่บ้านและตลอดสองข้างทางที่เดินทางสู่หมู่บ้าน
บ้านทอผ้าบ้านวาใหญ่ ดอนแดง ในเขตอำเภออากาศอำนวย
อยู่ห่างจากจังหวัดประมาณ 75 กิโลเมตร ผ้าที่ทอนั้นมีทั้งผ้าฝ้าย ผ้าไหม
และผ้าขิด เป็นผ้าที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติที่ได้จากเปลือกไม้ และผลิตผลจากไม้
พร้อมทั้งมีฝีมือการทอที่ประณีตลวดลายสวยงาม
งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งเรือ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันขึ้น 12-15
ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี สำหรับวันขึ้น 14 ค่ำ จะเป็นวันแห่ขบวนปราสาทผึ้งที่ยิ่งใหญ่
เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. ขบวนปราสาทผึ้งที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงามของคุ้มวัดต่างๆ
จำนวนกว่า 20 คุ้ม จะเริ่มออกจากสนามมิ่งเมืองในเขตเทศบาลเมืองนครสกล
แห่ไปตามถนนสุขเกษม แยกเข้าถนนเจริญเมืองเพื่อไปสู่วัดพระธาตุเชิงชุม
ปราสาทผึ้งที่แต่ละขบวนนำมาจะมาตั้งไว้เป็นพุทธบูชา ณ บริเวณวัดพระธาตุเชิงชุม
ด้วยความศรัทธาของชาวอีสานที่เชื่อว่าในเทศกาลออกพรรษา พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เพื่อมาโปรดเวนัยสัตว์ในโลกมนุษย์ให้พ้นทุกข์ ในตอนกลางคืนของวันขึ้น
13 ค่ำ ก่อนวันทำการแห่ขบวนปราสาทผึ้ง ชาวคุ้มต่างๆ จะนำปราสาทผึ้งของตนที่ตกแต่งอย่างสวยงามประดับโคมไฟหลากสีมาตั้งประกวดแข่งขันกัน
ณ สนามมิ่งเมือง เพื่อให้ประชาชนได้ชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด
งานเที่ยวหนองหาน ชมภูพานเผ่าไทย ชิมข้าวหอมใหม่ไทสกล
เป็นงานประจำปีของจังหวัดสกลนคร ที่จัดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้มีการจัดงานฉลองเมืองสกลนคร
150 ปี แล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อต้องการที่จะสืบทอดศิลปวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มชนต่างๆ
ที่เป็นชนชาติพันธุ์ของชาวสกลนครให้คงอยู่ต่อไป โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันเสาร์สัปดาห์ที่
3 ของเดือนธันวาคมของทุกปี มีกำหนดการจัดงานปีละ 7 วัน สถานที่จัดงานคือบริเวณศาลากลางจังหวัดสกลนคร
ในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันเปิดงานจะมีการแสดงขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมประเพณีของกลุ่มชนต่างๆ
ที่อยู่ในจังหวัดทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ไทย (ภูไท) โส้ ย้อ โย้ย กะเลิง
กะตาก ลาว ญวน และจีน เป็นต้น โดยขบวนจะออกจากสนามมิ่งเมืองในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร
เวลาประมาณ 14.00 น. และเคลื่อนขบวนไปตามถนนสุขเกษม มุ่งหน้าไปยังศาลากลางจังหวัดสกลนคร
ซึ่งแต่ละขบวนจะไปรวมกัน ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัด นอกจากนี้ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมประกอบงานต่างๆ
อีกมากมาย เช่น การประกวดนางสาวสกลนคร การออกร้านแสดงนิทรรศการของส่วนราชการต่างๆ
การประกวดศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน การจัดพาแลง การแสดงมหรสพต่างๆ
การออกร้านกาชาด การจำหน่ายสินค้าราคาถูกของร้านค้าเอกชน เป็นต้น
งานเทศกาลโส้รำลึก เป็นงานประจำปีของชาวโส้
ซึ่งจัดขึ้นในวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอกุสุมาลย์
การแสดงโส้ทั่งบั้ง จะเริ่มในตอนสายของวันขึ้น 4 ค่ำ ตามประเพณีความเชื่อที่สืบทอดมาแต่อดีต
เป็นการแสดงเอาพิธีเยาคนป่วยลงสนามหรือแซงสนาม และพิธีเจี้ยศาลา รวมเข้ากันเพื่อให้เกิดรูปขบวนที่สวยงามเป็นจังหวะสอดคล้องกับเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่ดีดสีตีเป่าเข้ากับท่วงท่ารำของสาวโส้
ที่มาร่วมแสดงเป็นจำนวนมาก ในการแสดงพิธีดังกล่าวชาวโส้ถือว่าศักดิ์สิทธิ์
จะกระทำแบบลอยๆ หรือเล่นๆ ไม่ได้ นอกจากนี้ในบริเวณงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านนานาชนิดให้แก่ผู้ไปเที่ยวชมในราคาถูก
การคมนาคมสะดวกรถยนต์เข้าถึงบริเวณงาน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กิโลเมตร
งานเซิ้งผีโขน เป็นงานประเพณีของชาวบ้านไฮหย่อง
ตำบลไฮหย่อง อำเภอพังโคน จัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี ในงานจะมีขบวนของชาวบ้านแต่งชุดผีประเภทต่างๆ
จำนวนมาก แห่ไปตามถนนในหมู่บ้านตามขบวนแห่พระเวสน์ไปยังวัดไฮหย่อง เพื่อทำบุญอุทิศกุศลให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับ
มีการแสดงท่ารำต่างๆ ของผีเป็นที่ครึกครื้น การคมนาคมสะดวก รถยนต์เข้าถึงบริเวณงาน
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 48 กิโลเมตร
รำมวยโบราณ เป็นการต่อสู้ของนักมวยโบราณ มีลักษณะพิเศษคือ
การใช้ฝ่ามือตบหรือตีแทนการใช้หมัด แล้วถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่นิยมคลุกวงใน
เมื่อถอยออกมาแล้วนักมวยจะร่ายรำไปมาเพื่อหาโอกาสและจังหวะที่จะรุกเร้าอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเผลอตัว เทคนิคในการรุกการถอย การตอบโต้ของนักมวยโบราณมีหลายแบบ
และถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกหัด
พุทธศิลป์ไหมไทย ถนนเปรมปรีดา โทร. 711548
รุ่งนภาไหมไทย ถนนสุขเกษม โทร. 711238
มานะไหมไทย 746 ถนนสุขเกษม โทร. 711749
สดศรีไหมไทย 953/1 หน้าวัดพระธาตุเชิงชุม ถนนเจริญเมือง โทร.
711953
สายทอง 493 ถนนเจริญเมือง โทร. 711152
สกลนครอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
จำกัด โทร. 711016 หจก.
ภูพานการท่องเที่ยว
โทร. 712676
แกรนด์ทัวร์
โทร. 711754
บริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) โทร. 712259-60
สำนักงานจังหวัดสกลนคร โทร. (042) 711763
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต
4 184/1 ถ.สุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม 48000
โทร. (042) 513-490-1 โทรสาร (042) 513-492 พื้นที่ความรับผิดชอบ : นครพนม
สกลนคร มุกดาหาร
|