|
สุ
รินทร์เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานจังหวัดหนึ่ง
แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่นอนว่ามีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างไร อาศัยเพียงข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์
นักโบราณคดี ตลอดจนคำบอกเล่าของผู้สูงอายุที่เล่าต่อๆ กันมา โดยเชื่อกันว่าเมืองสุรินทร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ
2,000 ปีล่วงมาแล้ว ในสมัยที่พวกขอมมีอำนาจอยู่ในบริเวณนี้ เมื่อขอมเสื่อมอำนาจลงเมืองสุรินทร์ได้ถูกทิ้งร้างจนกลายเป็นป่าดงอยู่นาน
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2306 จึงปรากฏหลักฐานว่าหลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม)
ซึ่งเดิมเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเมืองที ได้ขอให้เจ้าเมืองพิมายกราบบังคมทูลขอพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
จากพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ย้ายหมู่บ้านจากบ้านเมืองที
มาตั้งอยู่บริเวณบ้านคูประทาย บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองสุรินทร์ในปัจจุบันนี้
เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริเวณที่มีชัยภูมิเหมาะสม มีกำแพงค่ายคูล้อมรอบ
2 ชั้น มีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การประกอบอาชีพและอยู่อาศัย ต่อมาหลวงสิรินทรภักดีได้กระทำความดีความชอบเป็นที่โปรดปราน
จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านคูประทายเป็น เมืองประทายสมันต์
และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงสุรินทรภักดี เป็นพระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง
ให้เป็นเจ้าเมืองปกครอง ในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ เมืองประทายสมันต์ เป็น เมืองสุรินทร์
ตามสร้อยบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมือง
สุรินทร์อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ
โดยทางรถยนต์ประมาณ 457 กิโลเมตร และโดยทางรถไฟประมาณ 420 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ
8,124.056 ตารางกิโลเมตร
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ด
และมหาสารคาม
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ
ทิศใต้ ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ
อำเภอลำดวน ระยะทาง 25 กิโลเมตร
อำเภอจอมพระ ระยะทาง 26
กิโลเมตร
อำเภอปราสาท ระยะทาง 28
กิโลเมตร
อำเภอศีขรภูมิ ระยะทาง 34
กิโลเมตร
อำเภอสังขะ ระยะทาง 49 กิโลเมตร
อำเภอสนม ระยะทาง 50 กิโลเมตร
อำเภอท่าตูม ระยะทาง 52
กิโลเมตร
อำเภอกาบเชิง ระยะทาง 52
กิโลเมตร
อำเภอสำโรงทาบ ระยะทาง 54
กิโลเมตร
อำเภอรัตนบุรี ระยะทาง 70
กิโลเมตร
อำเภอบัวเชด ระยะทาง 70
กิโลเมตร
อำเภอชุมพลบุรี ระยะทาง
94 กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดสุรินทร์ไปยังจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดบุรีรัมย์ ระยะทาง
111 กิโลเมตร
จังหวัดยโสธร ระยะทาง 135
กิโลเมตร
จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทาง
137 กิโลเมตร
จังหวัดศรีสะเกษ ระยะทาง
143 กิโลเมตร
จังหวัดมหาสารคาม ระยะทาง
177 กิโลเมตร
จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง
198 กิโลเมตร
 |
1.ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข
2 (ถนนมิตรภาพ) ที่จังหวัดสระบุรีและเดินทางเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมา
ตรงเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 224 นครราชสีมา อำเภอโชคชัย แยกซ้ายสู่ทางหลวงหมายเลข
24 โชคชัย-อุดมเดช พอถึงอำเภอปราสาทแล้วแยกซ้ายใช้เส้นทางหมายเลข
214 เข้าสู่ตัวเมืองสุรินทร์
2. ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข
2 (ถนนมิตรภาพ) ที่จังหวัดสระบุรี และเดินทางเข้าสู่จังหวัดนครราชสีมาผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ตรงเข้าสู่ตัวจังหวัดสุรินทร์
โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 226 |
 |
ทางรถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารประจำทางออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ
ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ โทร.936-2852-66
|
 |
ทางรถไฟ
มีรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ
(สถานีหัวลำโพง) ทุกวัน รายละเอียดสอบถามได้ที่ หน่วยบริการเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย
โทร. 223-7010 และ 223-7020 |
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมือง
หลักเมืองสุรินทร์ เป็นสถานที่สำคัญและเป็นที่นับถือคู่บ้านคู่เมืองของชาวสุรินทร์
อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร หลักเมืองสุรินทร์นี้เดิมเป็นเพียงศาลไม่มีเสาหลักเมือง
มีมานานกว่าร้อยปี เมื่อปี พ.ศ. 2511 กรมศิลปากรได้ออกแบบสร้างศาลหลักเมืองใหม่
เสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์มาจากนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ อำเภอไทรโยค
จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเสาไม้สูง 3 เมตร วัดโดยรอบเสาได้ 1 เมตร ทำพิธียกเสาหลักเมืองและสมโภช
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2517
อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2511 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงผู้สร้างเมืองท่านแรก ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของเมืองสุรินทร์
อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ทางเข้าเมืองสุรินทร์ทางด้านใต้ ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่
0 ที่ถนนสุรินทร์-ปราสาท เป็นบริเวณที่เคยเป็นกำแพงเมืองชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์
อนุสาวรีย์เป็นรูปหล่อทองเหลืองรมดำ สูง 2.2 เมตร มือขวาถือของ้าว อันเป็นการแสดงถึงความเก่งกล้าสามารถของท่านในการบังคับช้างศึกและเป็นเครื่องแสดงว่าสุรินทร์เป็นเมืองช้างมาแต่ดึกดำบรรพ์
รูปปั้นสะพายดาบคู่อยู่บนหลังอันหมายถึงความเป็นนักรบ ความกล้าหาญอันเป็นคุณสมบัติที่ตกทอดเป็นมรดกของคนสุรินทร์
อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2528
หลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) วัดบูรพาราม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
หน้าตักกว้าง 4 ศอก ประดิษฐาน ณ วัดบูรพาราม ถนนกรุงศรีใน ตำบลในเมือง
อยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัด หลวงพ่อพระชีว์องค์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเมื่อใด
แต่คาดว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัดบูรพาราม เป็นที่เคารพบูชา นับถือ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเมืองสุรินทร์
วัดบูรพารามนี้เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี
หรือในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีอายุประมาณ 200 ปี เท่าๆ กับอายุเมืองสุรินทร์
สร้างโดยพระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ยกวัดบูรพารามขึ้นเป็นพระอารามหลวงตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2520
ห้วยเสนง เป็นอ่างเก็บน้ำของโครงการชลประทาน อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางถนนสายสุรินทร์-ปราสาท
(ทางหลวงหมายเลข 214) ประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 5-6 แยกซ้ายมือไปทางถนนริมคลองชลประทาน
ประมาณ 4 กิโลเมตร ห้วยเสนงนี้เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีสันเขื่อนสูง สันเขื่อนเป็นถนนราดยาง
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองสุรินทร์ และภายในที่ทำการชลประทานมีพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
วนอุทยานพนมสวาย อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 22 กิโลเมตร
ถนนราดยางสายสุรินทร์-ปราสาท (ทางหลวงหมายเลข 214) ระยะทาง 14 กิโลเมตร
และมีทางแยกขวาเข้าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร อยู่ในท้องตำบลนาบัว อำเภอเมือง
จังหวัดสุรินทร์ เป็นภูเขาเตี้ยๆ มียอดเขาอยู่ 3 ยอด ยอดที่ 1 มีชื่อว่ายอดเขาชาย
(พนมเปราะ) สูง 210 เมตร เป็นที่ตั้งของวัดพนมสวาย มีบันไดก่ออิฐถือปูนขึ้นถึงวัด
มีสระน้ำกว้างใหญ่และร่มรื่นด้วยต้นไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคลปางประทานพร
ภปร. ยอดที่ 2 มีชื่อว่ายอดเขาหญิง (พนมสรัย) สูงระดับ 228 เมตร ทางวัดได้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์ขนาดกลางประดิษฐานไว้
ยอดที่ 3 มีชื่อว่าเขาคอก (พนมกรอล) พุทธสมาคมจังหวัดสุรินทร์ได้จัดสร้างศาลาอัฏฐะมุข
เป็นอนุสรณ์ฉลองครบรอบ 200 ปี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เพื่อประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
จากยอดเขาชายมาประดิษฐานไว้ในศาลา โดยเริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่วันที่
15 ธันวาคม 2524 และสำเร็จบริบูรณ์ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2525 ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเป็นวนอุทยานแล้ว
บรรพบุรุษชาวสุรินทร์ถือว่าเป็นสถานที่แสวงบุญ โดยการเดินทางไปขึ้นยอดเขาในวันขึ้น
1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งเป็นวันหยุดงานตามประเพณีของชาวจังหวัดสุรินทร์มาแต่โบราณกาล
ปราสาทเมืองที ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลเมืองที ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองไปทางทิศตะวันออก
ประมาณ 16 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุรินทร์-ศรีขรภูมิ เส้นทางหลวงหมายเลข
226 ปราสาทเมืองทีมีลักษณะเป็นปรางค์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุมก่อด้วยอิฐถือปูน
5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 3 องค์
หมู่บ้านทอผ้าไหม และหมู่บ้านทำเครื่องเงิน ตั้งอยู่ที่ตำบลเขวาสินรินทร์
เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในด้านแหล่งทอผ้าไหมพื้นเมืองและแหล่งผลิตเครื่องประดับเงิน
ปัจจุบันเป็นแหล่งจำหน่ายหัตถกรรมทั้ง 2 ประเภท นี้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด
การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 214 สายสุรินทร์-จอมพระ ถึงกิโลเมตรที่
14-15 แล้วแยกขวาเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ถัดจากหมู่บ้านเขวาสินรินทร์ไป
มีหมู่บ้านชื่อ บ้านโชค และบ้านสดอ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ทำเครื่องเงิน
และทอผ้าไหม นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านจันรมย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอำเภอเมือง
ตามถนนสายสุรินทร์-สังขะ ทางหลวงหมายเลข 2077 ประมาณกิโลเมตรที่ 9 ที่หมู่บ้านนี้มีการปลูกหม่อน
และเลี้ยงไหมกันเองแล้วนำมาทอเป็นผ้าไหมที่มีลวดลายและสีแบบโบราณ และยังเป็นหมู่บ้านที่ทำหัตถกรรมเครื่องจักสานอีกด้วย
หมู่บ้านจักรสานบุทม ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองที อำเภอเมือง
การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 226 (สุรินทร์-ศรีขรภูมิ) ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่
14-15 ที่หมู่บ้านนี้มีประชากรทั้งหมดประมาณ 70 หลังคาเรือน ในช่วงนอกฤดูทำนาชาวบ้านทุกหลังคาเรือนจะมีอาชีพพิเศษด้วยการสานตะกร้าและภาชนะต่างๆ
ที่ทำจากหวายเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอปราสาท
ปราสาทบ้านปราสาท ตั้งอยู่บ้านปราสาท หมู่ที่ 3 ตำบลไพล ห่างจากที่ว่าการอำเภอปราสาทประมาณ
5 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 214 (สุรินทร์-ปราสาท) โบราณสถานแห่งนี้ชำรุดทรุดโทรมมาก
สิ่งก่อสร้างเหลืออยู่เพียงกำแพงที่ก่อด้วยศิลาแลง ล้อมรอบบริเวณ มีสระน้ำขนาดใหญ่
1 สระ ห่างจากตัวกำแพงไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 เมตร
ปราสาทบ้านไพล ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท
ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร
ตัวปราสาทมีลักษณะเป็นปรางค์ 3 องค์ สร้างด้วยอิฐขัดตั้งเรียงเป็นแนวเดียวกัน
ปราสาทบ้านไพล เป็นศาสนสถานแบบศิลปขอม ที่สร้างถวายแด่พระอิศวร เทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์
ประกอบด้วยปราสาทอิฐ 3 หลัง ตั้งอยู่บนฐานหินแลงอันเดียวกัน มีคูน้ำล้อมรอบ
ยกเว้นทางเข้าด้านทิศตะวันอก แม้ว่าศิวลึงค์และทับหลังบางส่วนจะหายไป
แต่จากเศษทับหลังที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ทำให้ทราบว่าปราสาทหลังนี้คงสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่
16
ปราสาทหินบ้านพลวง ตั้งอยู่ที่บ้านพลวง ตำบลบ้านพลวง ตามเส้นทางสายสุรินทร์-ปราสาท-กาบเชิง
ตรงบริเวณกิโลเมตรที่ 32 มีทางแยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ปราสาทหินบ้านพลวงนี้สร้างขึ้นในศิลปะสมัยบาปวน
ราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เป็นปราสาทหินขนาดเล็กแต่ฝีมือการสลักหินประณีตงดงามมาก
เคยได้รับการบูรณะแล้วจึงสามารถเห็นองค์ปราสาทชัดเจนทั้ง 4 ด้าน ฐานของปราสาทก่อด้วยศิลาแลง
ยกพื้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า องค์ปรางค์ก่อด้วยหินทรายเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม
มีลวดลายที่องค์ปรางค์ ประตู ปราสาท และหน้าบันสลักเป็นรูปเทวดาทรงช้างยืนแท่นอยู่เหนือเกียรติมุข
พระหัตถ์ทั้งสองทรงพวงมาลัยริมขอบด้านบนสลักเป็นรูปโยคีนั่งสมาธิเรียงแถว
6 คน หน้าบันสลักเป็นรูปพระกฤษณะยืนอยู่บนเศียรเกียรติมุข พระหัตถ์ซ้ายท้าวพระกฤษฎี
พระหัตถ์ขวาทรงแบกวรรธนะ มีรูปโคประกอบและสลักเป็นรูปนาคราช 5 เศียร
ข้างละ 1 ตัว องค์ปรางค์แกะสลักเป็นลายดอกไม้ ตอนโคนเป็นรูปทวารบาล ยืนกุมกระบองด้านหน้าทางเข้าปราสาทมีสระข้างละ
1 สระบริเวณรอบองค์ปราสาทได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอกาบเชิง
ปราสาทตาเหมือนโต๊จ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ห่างจากบ้านตาเมียงตำบลปักได
ประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 214 อยู่ติดเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา
เป็นปราสาทที่มีปรางค์ และก่อฐานด้วยหินทรายเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีลักษณะเดียวกันกับปราสาทบ้านพลวง
ปราสาทตาเหมือนธม ตั้งอยู่ถัดจากปราสาทตาเหมือนโต๊จ ไปทางทิศใต้ประมาณ
200 เมตร ตั้งอยู่ริมลำธารซึ่งไหลมาจากเทือกเขาบรรทัด ปราสาทนี้มีปรางค์
3 องค์ ทุกเหลี่ยมขององค์ปรางค์สลักเป็นลายดอกไม้ ตอนล่างสลักเป็นเทวรูปยืน
ซุ้มประตูสร้างด้วยหินทราย มีลายสลักงดงามมาก มีวิหาร 2 หลัง สร้างด้วยศิลาแลง
มีระเบียงคตสร้างด้วยหินทราย มีท่าน้ำริมวิหาร บันไดท่าน้ำสร้างด้วยท่อนศิลาแลง
มีสระน้ำอยู่ภายนอกปราสาท ตัวสระน้ำเรียงด้วยท่อนศิลาเป็นชั้นๆ โดยรอบลึกลงไปถึงก้นสระ
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอศรีขรภูมิ
ปราสาทศรีขรภูมิ ตั้งอยู่ที่ตำบลระแงง มีลักษณะเป็นปรางค์หมู่
5 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ฐานก่อด้วยศิลาแลง ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ
32 เมตร มีลวดลายสลักหินตามเสาประตูและทับหลังที่งดงาม สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่
17 ได้เคยรับการบูรณะมาแล้วครั้งหนึ่งจากกรมศิลปากร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
226 เส้นทางสายสุรินทร์-ศรีขรภูมิ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 34-35 แล้วแยกซ้ายเข้าไปประมาณ
500 เมตร จึงจะถึงบริเวณองค์ปราสาท
ปราสาทบ้านช่างปี่ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 บ้านช่างปี่ ตำบลช่างปี่
ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทางถนนสายสุรินทร์-ศรีขรภูมิ
ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร องค์ปราสาทก่อด้วยศิลาแลงทั้งองค์
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอลำดวน
ปราสาทตะเปียงเตีย (แปลว่า หนองเป็ด) ตั้งอยู่ที่ตำบลโชคเหนือ
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2077 ลักษณะปราสาทเป็นรูปสี่เหลี่ยม มียอดปราสาท
5 ยอด เป็นรูปบัวตูม ตัวปราสาทก่อด้วยอิฐ ลักษณะการก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบลาว
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
เขตอนุรักษ์พันธุ์ไม้สนสองใบ อยู่ที่ตำบลโชคเหนือ อำเภอลำดวน
เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์ไม้สนสองใบที่ถือว่าเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดที่ขึ้นในที่ราบสูง
เป็นโครงการร่วมระหว่างไทย-เดนมาร์ก มีเนื้อที่ 625 ไร่ มีลักษณะเด่นคือ
เป็นสนสองใบที่ขึ้นในที่ราบแห่งเดียวในประเทศไทย อยู่ห่างจากจังหวัดสุรินทร์ประมาณ
35 กิโลเมตร ตามเส้นทางสุรินทร์-สังขะ (ทางหลวงหมายเลข 2077) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุรินทร์อีกแห่งหนึ่ง
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอสังขะ
ปราสาทภูมิโปน ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ
ห่างจากอำเภอสังขะประมาณ 10 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายสังขะ-บัวเชด ปราสาทภูมิโปนนี้เป็นปราสาทขอมแบบไพรกเมง
ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 ลักษณะเป็นปรางค์รูปสี่เหลี่ยมก่อด้วยอิฐ
ฐานก่อด้วย ศิลาแลง ย่อมุมไม้สิบสอง กว้าง 5.70 เมตร มีประตูเสาและทับหลัง
ห่างจากฐานปรางค์มาทางตะวันตก มีฐานวิหาร 1 หลัง และห่างออกไปทางตะวันตกถึง
32 เมตร มีวิหารอีกหลังหนึ่ง ปราสาทภูมิโปนเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดสุรินทร์
และเก่าแก่กว่าหลายๆ แห่งของภาคอีสาน
ปราสาทยายเหงา ตั้งอยู่ที่บ้านสังขะ ตำบลสังขะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมถนนสายโชคชัย-เดชอุดม ตามทางหลวงหมายเลข 24
ลักษณะตัวปราสาทก่อด้วยอิฐ เป็นรูปปรางค์สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองได้อย่างงดงาม
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอจอมพระ
ปราสาทจอมพระ ตั้งอยู่ที่ตำบลจอมพระ ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ
26 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 214 (สายสุรินทร์-จอมพระ) แล้วจะมีทางแยกขวามือเข้าไปอีกประมาณ
1 กิโลเมตร ปราสาทจอมพระนี้เป็นปราสาทหินเล็กๆ ก่อด้วยศิลาแลง ซึ่งประกอบด้วยปรางค์วิหาร
และกำแพงตั้งอยู่ในบริเวณวัดปราสาทจอมพระ ปัจจุบันมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ได้ประดิษฐานสร้างขึ้นใหม่อยู่หน้าปราสาทจอมพระ
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอท่าตูม
หมู่บ้านช้าง อยู่ที่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ ตามทางหลวงหมายเลข
214 (จอมพระ-ท่าตูม) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 36 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ
22 กิโลเมตร ชาวบ้านตากลางดั้งเดิมเป็นส่วย มีอาชีพในการคล้องช้างป่า
ฝึกช้าง และเลี้ยงช้าง ปัจจุบันยังคงมีการเลี้ยงช้าง และการฝึกช้างเพื่อร่วมการแสดงช้างของจังหวัดทุกปี
นักท่องเที่ยวสามารถไปชมการฝึกช้างที่หมู่บ้านได้ทุกวันในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
ศูนย์คชศึกษา อยู่ที่หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง อ.ท่าตูม เพื่อเป็นจุดรวมสังคมคนกับช้าง
เป็นศูนย์ข้อมูลวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยทางอำเภอท่าตูม และชุมชนหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง
ได้ร่วมกันจัดการแสดงของช้างไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเปิดแสดงทุกวันเสาร์
เวลา 09.30-11.00 น.อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ค่าขี่ช้าง
50 บาทต่อ 1 เชือก การเดินทางไปชมการแสดงของช้างสามารถใช้เส้นทางสุรินทร์-ร้อยเอ็ด
ทางหลวงหมายเลข 214 ประมาณ 35 กิโลเมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 22 กิโลเมตร
ถึงบ้านตากลาง ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ผู้จัดการศูนย์คชศึกษา
หม่บ้านช้าง บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม โทร.(01) 966-5285 หรือที่กำนัน
ตำบลกระโพ อ.ท่าตูม โทร. (044) 512-925 , (01) 966-3845 หรือผู้ใหญ่บ้านตากลาง
โทร. (01) 977-4420 (วัฒนา 18/06/40)
จังหวัดสุรินทร์เป็นดินแดนที่มีช้างมากมาแต่โบราณ ชาวเมืองในอดีตหรือที่เรียกว่า
ส่วย ได้จับช้างป่ามาฝึก เพื่อใช้เป็นพาหนะและขนส่งช้าง และการควบคุมบังคับขี่ช้างของชาวสุรินทร์ได้เคยทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยมาแล้ว
และเมื่อ การแสดงของช้าง ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2503 นั้น ทำให้นามของจังหวัดสุรินทร์เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยว
ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ งานแสดงของช้างจังหวัดสุรินทร์ ได้กำหนดจัดงานนี้ในวันเสาร์-อาทิตย์
กลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นงานประจำปีระดับชาติ แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกมาร่วมชมงานนี้
เป็นงานแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทย และจังหวัดสุรินทร์
การแสดงของช้างประกอบด้วยการแสดงคล้องช้าง การชักคะเย่อระหว่างคนกับช้าง
ช้างแข่งฟุตบอล ช้างเต้นระบำ ขบวนพาเหรด ขบวนช้างศึก รวมทั้งการแสดงศิลปะพื้นเมือง
เช่น รำเรือมอัมเร เซิ้งบั้งไฟ ฯลฯ โดยได้รับความร่วมมือจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ในด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ
จังหวัดสุรินทร์มีสินค้าพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อหลายประเภท ได้แก่ ผ้าไหม
ผ้าฝ้าย เครื่องหวาย เครื่องเงิน งาช้างแกะสลัก หัวผักกาดดอง กุนเชียง
หมูยอ หมูแผ่น และหมูหยอง
ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึก
เจ็กมิ้งไหมไทย
ถนนจิตรบำรุง จำหน่าย ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และงาช้างแกะสลัก
ดาวเกษม
ถนนจิตรบำรุง (หน้าโรงแรมเพชรเกษม) จำหน่าย ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม
เครื่องเงิน และงาช้างแกะสลัก
แดงบุหงา
ถนนเทศบาล 1 ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าสุรินทร์พลาซ่า จำหน่าย ผ้าไหม
และเครื่องเงิน
ไทยรุ่งเรือง
ถนนธนสาร จำหน่าย เครื่องหวาย และตะกร้าหวาย
ผ้าไหมน้องหญิง
52-54 ถนนจิตรบำรุง จำหน่าย ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และสินค้าพื้นเมืองทุกชนิด
ผ้าไหมสุรินทร์
151 ถนนธนสาร โทร. 512279 จำหน่าย ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม และผ้าฝ้าย
ลิ้มอี่เฮียง
373 ถนนธนสาร โทร. 511366 จำหน่าย หัวผักกาดดอง หมูหยอง หมูแผ่น
สหรส 119
ถนนกรุงศรีใน โทร. 511775 จำหน่าย กุนเชียง หมูหยอง หมูยอ หมูแผ่น กะละแม
หัวผักกาดดอง หัวผักกาดเค็ม และหัวผักกาดหวาน
สุรินทร์ไหมไทย
361-363 ถนนจิตรบำรุง โทร. 512159, 513676 จำหน่าย ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องหวาย
และเครื่องเงิน
เฮียง เฮียง
95 ถนนกรุงศรีใน จำหน่าย กุนเชียง หมูหยอง หมูแผ่น และหัวผักกาดดอง
สำนักงานจังหวัดสุรินทร์ 512039
ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ 511004
สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ 511077, 513555
โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ 511006, 511757
สถานีรถไฟจังหวัดสุรินทร์ โทร. 511295
สถานีขนส่งจังหวัดสุรินทร์ โทร. 511756
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 2102-2104 ถนนมิตรภาพ
ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทรศัพท์ (044) 213-666,
213-030 โทรสาร (044) 213-667 (พื้นที่ความรับผิดชอบ : นครราชสีมา
ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์)
|