ครศรีธรรมราช เป็นเมืองเก่ามีความหมายถึง “นครอันเป็นสง่าแห่งพระราชาผู้ทรงธรรม” หรือ “เมืองแห่งพุทธธรรมของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่” นครศรีธรรมราชอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 780 กิโลเมตร และทางรถไฟประมาณ 832 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 9,942.502 ตารางกิโลเมตร
                    ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอ่าวไทย
                    ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดพัทลุง สงขลา และตรัง
                    ทิศตะวันออก ติดต่อกับชายทะเลฝั่งอ่าวไทย
                    ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระบี่

               ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่างๆ

                    - อำเภอปากพนัง 36 กิโลเมตร
                    - อำเภอทุ่งสง 55 กิโลเมตร
                    - อำเภอฉวาง 71 กิโลเมตร
                    - อำเภอร่อนพิบูลย์ 32 กิโลเมตร
                    - อำเภอชะอวด 71 กิโลเมตร
                    - อำเภอท่าศาลา 28 กิโลเมตร
                    - อำเภอเชียรใหญ่ 52 กิโลเมตร
                    - อำเภอสิชล 66 กิโลเมตร
                    - อำเภอหัวไทร 66 กิโลเมตร
                    - อำเภอลานสกา 21 กิโลเมตร
                    - อำเภอทุ่งใหญ่ 102 กิโลเมตร
                    - อำเภอพิปูน 93 กิโลเมตร
                    - อำเภอพรหมคีรี 21 กิโลเมตร
                    - อำเภอบางขัน 94 กิโลเมตร
                    - อำเภอถ้ำพรรณรา 25 กิโลเมตร
                    - อำเภอจุฬาภรณ์ 50 กิโลเมตร
                    - อำเภอขนอม 100 กิโลเมตร

               ระยะทางจากตัวจังหวัดไปยังจังหวัดใกล้เคียง

                    จังหวัดสุราษฎร์ธานี 356 กิโลเมตร
                    จังหวัดตรัง 131 กิโลเมตร
                    จังหวัดพัทลุง 193 กิโลเมตร
                    จังหวัดสงขลา 313 กิโลเมตร
                    จังหวัดกระบี่ 336 กิโลเมตร

การเดินทาง
ทางรถยนต์ ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ โดยทางหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุรี-ปากท่อ) แยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4 หรือจะใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์จนถึงชุมพร เปลี่ยนมาใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ จนถึงนครศรีธรรมราช หรือจะเริ่มต้นจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านนครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงอำเภอท่าฉาง จังหวัดชุมพร แล้วจากนั้นให้แยกเข้าสู่สุราษฎร์ธานีโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเลไปจนถึงนครศรีธรรมราช
ทางรถประจำทาง รถโดยสาร บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารปรับอากาศชั้นหนึ่ง และรถโดยสารธรรมดาออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี (ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 435-1200, 434-7192 นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารปรับอากาศของบริษัทเอกชน ได้แก่
กรุงสยามทัวร์ โทร. 282-0261, 280-2118 หรือ โทร. (075) 341665
นครศรีทัวร์ โทร. 435-5033, 435-5025 หรือโทร. (075) 342134
โสภณทัวร์ โทร. 281-2882-3 หรือ โทร. (075) 341221
นครศรีร่มเย็นทัวร์ โทร. 435-7428, 435-5016, 433-0722 หรือ โทร. (075) 344373, 315390
ทางรถไฟ ทางรถไฟ มีขบวนรถเร็ว และรถด่วน กรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ออกจากสถานีกรุงเทพฯ ถึงนครศรีธรรมราช ระยะทาง 832 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีขบวนรถด่วน และรถเร็วอีกหลายขบวนผ่านสถานีชุมทางทุ่งสง ซึ่งสามารถจะต่อรถไฟ หรือรถยนต์เข้าสู่นครศรีธรรมราชได้อีกต่อหนึ่ง ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟกรุงเทพฯ โทร. 223-7010, 223-7020 หรือที่ สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช โทร. (075) 356364
ทางเครื่องบิน ทางอากาศ บริษัทการบินไทย จำกัด เปิดเที่ยวกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง รายละเอียดติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัทการบินไทย จำกัด โทร. 280-0060, 628-2000 และที่นครศรีธรรมราช โทร. (075) 342491, 343874 การคมนาคมภายในตัวจังหวัด มีรถสองแถววิ่งบริการรอบเมือง ส่วนการคมนาคมจากจังหวัดนครศรีธรรม ราชไปสู่จังหวัดข้างเคียง สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งรถตู้ รถแท็กซี่ รถโดยสาร รถไฟ และเครื่องบิน
สถานที่ท่องเที่ยว

 สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมือง

          พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่ ณ หอพระพุทธสิหิงค์ ตั้งอยู่ระหว่างศาลากลางจังหวัดและศาลจังหวัด แต่เดิมเป็นหอพระประจำวังของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช อยู่ในบริเวณที่ตั้งวังเดิมของเจ้าพระยานคร (น้อย) พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่ชาวไทยสักการะบูชามาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล และมีอยู่หลายองค์ด้วยกันกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ แต่ที่ถือว่าเป็นองค์แท้จริงมีเพียงสามองค์ คือ องค์แรกประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร องค์ที่สองประดิษฐาน ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ และองค์ที่สามประดิษฐาน ณ หอพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามประวัติกล่าวว่าจำลองมาจากองค์ที่อัญเชิญมาจากลังกา เพื่อไปประดิษฐานที่กรุงสุโขทัย เมื่อประมาณ พ.ศ. 1845-1941 นอกจากพระพุทธสิหิงค์แล้วยังมีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์ใหญ่ ศิลปะสมัยอยุธยาประทับนั่งอยู่ ชาวนครเรียกว่า “พระเงิน” และด้านหลังของหอ เป็นที่เก็บอัฐิเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในสกุล ณ นคร  
          วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง มีเนื้อที่ 25 ไร่ 2 งาน วัดพระมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชั้นวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศจดทะเบียนวัดพระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ตามตำนานกล่าวว่า สร้างเมื่อปี พ.ศ. 854 สร้างมามากกว่า 1,500 ปี มีศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย โดยเจ้าชายธนกุมารและพระนางเหมชาลาและบาคู (นักบวช) ชาวลังกา เป็นผู้นำเสด็จพระบรมธาตุมาประดิษฐาน ณ หาดทรายแก้วและสร้างเจดีย์องค์เล็กๆ เพื่อเป็นที่หมายไว้ ต่อมาปี พ.ศ. 1093 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช (พระเจ้าจันทรภาณุ) ได้ทำการสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้นพร้อมการก่อสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่เป็นทรงศาญจิ และในปี พ.ศ. 1770 พระองค์จึงได้รับเอาพระภิกษุจากลังกามาตั้งคณะสงฆ์ และบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ให้เป็นไปตามแบบสถาปัตยกรรมทรงลังกา อันเป็นแบบที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันคือ เป็นทรงระฆังคว่ำ หรือโอคว่ำ มีปล้องไฉน 52 ปล้อง รอบพระมหาธาตุมีเจดีย์ 158 องค์ สูงจากฐานถึงยอด 37 วา 2 ศอก ยอดสุดของปล้องไฉนหุ้มทองคำเหลืองอร่าม สูง 6 วา 1 ศอก แผ่เป็นแผ่นหนาเท่าใบลานหุ้มไว้ น้ำหนัก 800 ชั่ง (หรือ 960 กิโลกรัม)
        ภายในวัดพระมหาธาตุฯ วิหารที่มีความสำคัญหลายองค์ประดิษฐานอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระวิหารหลวงซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา วิหารสามจอมมีพระพุทธรูป “พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช” ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ วิหารพระมหาภิเนษกรม (พระทรงม้า) ทางขึ้นไปบนลานประทักษิณ วิหารทับเกษตร วิหารเขียน และวิหารโพธิ์ลังกาซึ่งเป็นที่จัดและแสดงโบราณวัตถุ  
          วัดเสมาชัย เป็นแหล่งประดิษฐานปราสาทอิฐ 3 หลัง และศิลาจารึกจันทรภาณุ หลักที่ 24 ปัจจุบันศิลาจารึกดังกล่าวได้ถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพฯ แล้ว ยังคงเหลือร่องรอยแต่พระพุทธรูปปั้น เรียกว่า “หลวงพ่อเสมาชัย 3 องค์” ทางด้านหน้า อนึ่ง วัดนี้มีบ่อน้ำก่อด้วยอิฐเล็กๆ ปัจจุบันมีต้นโพธิ์ขึ้นโอบ เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนครฯ ใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์สืบมาทุกพระองค์  
           วัดเสมาเมือง ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นแหล่งประดิษฐานปราสาทอิฐ 3 หลัง และศิลาจารึกจันทรภาณุ หลักที่ 24 ปัจจุบันศิลาจารึกดังกล่าวได้ถูกย้ายไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่กรุงเทพฯ แล้ว ยังคงเหลือแต่ร่องรอยแต่พระพุทธรูปปูนปั้น เรียกว่า “หลวงพ่อเสมาชัย 3 องค์” ทางด้านหน้า อนึ่งวัดนี้มีบ่อน้ำเล็กๆ ก่อด้วยอิฐ ปัจจุบันมีต้นโพธิ์โอบ เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนครฯ ใช้ในพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์สืบมาทุกพระองค์
          เก๋งจีนวัดประดู่และวัดแจ้ง ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนินใกล้กับสนามกีฬาจังหวัด เป็นวัดคู่แฝด ก่อสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นที่ประดิษฐานบัวบรรจุอัฐิของพระยานคร และเชื่อว่ารวมถึงพระอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย  
          ศาลาโดหก หรือ ศาลาประดู่หก อยู่ริมถนนราชดำเนิน ระหว่างโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราชกับจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ชาวบ้านเรียกว่า หลาหน้าเมือง เป็นศาลานอกกำแพงเมืองตรงประตูชัยเหนือแต่โบราณ อันเป็นที่พักของคนเดินทาง ซึ่งเข้าเมืองไม่ทัน เพราะประตูเมืองปิดเสียก่อน เดิมศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างต้นประดู่ (ต้นโด) หกต้น ชาวนครเรียกว่า “หลาโดหก” ศาลาหลังที่มีอยู่ในทุกวันนี้สร้างขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทยอยู่ริมถนนราชดำเนิน ส่วนต้นประดู่ทั้งหกต้นได้ตายไปหมดแล้ว ทางเทศบาลจึงปลูกขึ้นใหม่จำนวนเท่าเดิม เพื่อเป็นที่ระลึกถึงประดู่ (โด) ทั้งหกต้น  
          จวนออกญาเสนาภิมุข (ยามาดา นางามาซา) ออกญาเสนาภิมุข เป็นชาวญี่ปุ่น เดิมชื่อ ยามาดา นางามาซา มาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรมในฐานทหารรับใช้พระเจ้าแผ่นดิน มีโอกาสทำความดีความชอบพิเศษหลายครั้งจนกระทั่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข และได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวงใหญ่ไปกินเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ. 2172 ปัจจุบันมีบริเวณที่แสดงร่องรอยว่าเคยเป็นจวนที่พักของออกญาเสนาภิมุขในจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ที่บริเวณร้านอาหารแกงส้มในเมือง ถนนนางงาม ข้างศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช  
          หอพระอิศวรและเสาชิงช้า หอพระอิศวร เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ อยู่ริมถนนราชดำเนิน เดิมเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปอิศวรหลายองค์ เป็นปางหรือภาคต่างๆ กัน เทวรูปทั้งหมดนี้หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ นับว่าเก่าแก่มีค่ายิ่งนัก กรมศิลปากรได้บูรณะเมื่อ พ.ศ. 2509 และได้นำเอาเทวรูปต่างๆ ไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัดมหาธาตุ ส่วนเสาชิงช้าได้สร้างขึ้นใหม่โดยจำลองแบบมาจากเสาชิงช้าในกรุงเทพฯ แต่เล็กกว่า สำหรับโบสถ์พราหมณ์ได้พังทลายลงแต่มิได้สร้างขึ้นใหม่  
          หอพระนารายณ์ โบราณสถานในศาสนาพราหมณ์อีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ตรงกันข้ามกับหอพระอิศวร และไม่ปรากฏหลักฐานแสดงยุคสมัยและรูปแบบสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างเช่นกัน ภายในหอพระนารายณ์เดิมเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์สลักจากหินทรายสีเทาทรงหมวกรูปกระบอกปลายสอบ และพระหัตถ์ขวาทรงสังข์ ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช และโบราณวัตถุที่ตั้งแสดงอยู่ในหอพระนารายณ์ขณะนี้คือ เทวรูปปูนปั้นลักษณะคล้ายพระพุทธรูปทรงเครื่อง พระกรสองข้างหักหายไปประดิษฐานอยู่แทน ทั้งหอพระอิศวรและหอพระนารายณ์สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 13-14 (สมัยศรีวิชัย) แต่ทรงที่เห็นในปัจจุบันไม่เหมือนของเดิม เพราะได้รับการบูรณะมาหลายครั้ง
          พระวิหารสูง หรือ หอพระสูง เป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองโบราณนครศรีธรรมราช ด้านทิศเหนือในบริเวณสนามหน้าเมือง ถนนราชดำเนิน เรียกชื่อตามลักษณะของการก่อสร้างของพระวิหารซึ่งสร้างบนเนินดินที่สูงกว่าพื้นปกติถึง 2.10 เมตร ไม่ปรากฏหลักฐานแสดงประวัติอย่างแท้จริง แต่สามารถสันนิษฐานจากลักษณะของสถาปัตยกรรม ประติมา กรรมและจิตรกรรมฝาผนังว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย รวมพุทธศตวรรษที่ 23-24 ภายในพระวิหารประดิษฐานด้วยพระพุทธรูปปูนปั้นแกนดินเหนียว สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพุทธศตวรรษที่ 23-24 หรือในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  
          อนุสาวรีย์วีรไทย หล่อด้วยทองแดงรมดำเป็นรูปทหารสองมือจับปืนติดดาบเตรียมแทง ชาวบ้านเรียกว่า “จ่าดำ” หรือ “เจ้าพ่อดำ” สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ของทหารไทยในภาคใต้ที่เสียชีวิตในการปะทะกับทหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะทหารจากมณฑลทหารบกที่ 6 ค่ายวชิราวุธ นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2484 ประดิษฐานอยู่บนถนนราชดำเนินในค่ายวชิราวุธอันเป็นที่ตั้งกองทัพภาคที่ 4 ปัจจุบัน  
          สระล้างดาบ คือสระล้างดาบที่ใช้ประหารศรีปราชญ์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้น ศรีปราชญ์ได้ถูกเนรเทศมาอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาได้เกิดเรื่องกับเจ้าพระยานครฯ และถูกสั่งประหาร ก่อนถูกประหารศรีปราชญ์ได้เขียนคำโคลงไว้ว่า เมื่อตนไม่ผิด แต่ถูกสั่งประหารก็ขอให้ดาบนี้คืนสนอง ต่อมาเมื่อความทราบถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงกริ้วพระยานครมาก จึงสั่งให้ประหารชีวิตเจ้าพระยานครด้วยดาบเล่มเดียวกัน สระล้างดาบในปัจจุบันอยู่ภายในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด (โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช)  
           สำนักงานโบราณคดี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่ 11 นครศรีธรรมราช พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวัดสวนหลวงตะวันออกมาก่อน ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2517เดิมจัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบในเขตหน่วยศิลปากรที่ 8 คือในแถบภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และชุมพร ส่วนสาขาหอสมุดแห่งชาติเปิดบริการให้ประชาชนเข้าใช้ได้เมื่อ พ.ศ. 2519 ซึ่งมีหนังสือเก่าที่หายาก และหนังสือสำคัญอื่นๆ ส่งมาจากหอสมุดแห่งชาติส่วนกลางไว้ศึกษา
          ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในสถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางนครศรีธรรมราช-พรหมคีรี ประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีที่ขุดค้นพบในนครศรีธรรมราช ซึ่งได้จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านในอดีต ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมืองในสมัยต่างๆ จนมาเป็นอาณาจักรศรีวิชัยทั้งยังเป็นศูนย์อนุรักษ์และฟื้นฟูมหรสพพื้นบ้านและค้นคว้ารวบรวมทางด้านภาษาและวรรณกรรม รวมทั้งคติชนวิทยา ที่สำคัญได้แก่ข้อความจากศิลาจารึกที่ค้นพบที่เขาช่องคอย และโบราณวัตถุที่ชุมชนโบราณวัดโมคลาน เป็นหลักฐานที่สำคัญที่ระบุว่าเมืองนครศรีธรรมราชสร้างขึ้นเมื่อใด ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.  
          เจดีย์ยักษ์ เจดีย์สูงใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเจดีย์พระบรมธาตุ อยู่ข้างสำนักงานเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช บริเวณวัดเจดีย์เดิม ซึ่งร้างไปแล้ว สันนิษฐานว่าสร้างโดยโคทคีรีเศรษฐีชาวมอญ กรุงสะเทิม (ก่อนพม่ายึดครองเปลี่ยนนามเป็นหงสาวดี) กับบริวารที่อพยพหลบภัยมาอาศัยเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อประมาณ พ.ศ. 1546     
          กำแพงเมืองเก่า ตั้งอยู่ใกล้กับสวนสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช ริมถนนราชดำเนินฝั่งซ้าย เป็นกำแพงที่ซ่อมขึ้นใหม่ตามรูปเดิมในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และได้รับการบูรณะเพิ่มเติมขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2533 เป็นแนวขนานไปกับคูเมือง ตั้งแต่ป้อมประตูชัยเหนือ หรือประตูชัยศักดิ์ ไปทางตะวันออก ยาวประมาณ 100 เมตร  
          สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สวนสาธารณะขนาดใหญ่มีเนื้อที่ประมาณ 1,257 ไร่ ตั้งอยู่หลังสนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช จากหลักฐานพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จประพาสแหลมมาลายูเมื่อ ร.ศ. 117 พบว่า พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของ “สวนราชฤดี” ซึ่งพระองค์ได้ทรงหมายไว้สำหรับเสด็จประพาสในภายหน้า ภายในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 จะประกอบไปด้วยสวนสัตว์เปิด สวนนกนานาชนิด สวนสุขภาพ รวมทั้งทะเลสาบซึ่งเป็นที่อาศัยของนกเป็ดน้ำที่อพยพมาจากถิ่นอื่นในช่วงมกราคมถึงมีนาคม ของทุกปี  
          สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช สนามหน้าเมืองมีเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นสถานที่สำคัญที่มีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของชาวนครอย่างแนบแน่น เนื่องจากเป็นสนามรบในอดีต ต่อมากลายเป็นสถานที่ใช้ประกอบพิธีกรรมและกิจกรรมทั้งของรัฐและของราษฎร เช่น เคยใช้เป็นที่สร้างพลับพลารับเสด็จพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลต่างๆ เป็นที่ประกอบพิธีสงกรานต์ ฝีกทหารและยุวชนทหาร และใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีที่สำคัญของชาวนครรวมทั้งงานรื่นเริงอื่นๆ และยังใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถวายบังคมในวันปิยะมหาราชทุกปี

NEXT