ความคิดเห็นที่ 1 เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย   จ้ะ  ไปถึงเชียงใหม่ ประมาณ 5 โมงเย็น จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:29:45

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงปุ๊บ ก็ขับรถเข้าที่พักเลย   ที่ The Small ท่าแพ ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่   ห้องพักเล็ก ๆ  ประมาณ 16 ตารางเมตร  และ ห้องน้ำอีกประมาณ  6 ตารางเมตร   เราได้ห้องพักที่ชั้นลอย  สามารถมองลงมายัง Lobby ได้ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:33:28

ความคิดเห็นที่ 3 ขวามือของ ล้อบบี้ เป็นทางเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพัก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:34:27

ความคิดเห็นที่ 4 ที่นั่งรอเช็คอิน เก๋ ๆ  จ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:35:53

ความคิดเห็นที่ 5 เดินขึ้นมาถึงชั้นลอย จะมีที่นั่งเล่นอ่านหนังสือ  ซึ่งจะอยู่หน้าห้องพัก ของป้าอ้วนน้อยฯ เลยจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:37:40

ความคิดเห็นที่ 6 ภายในห้องพักเล็ก ๆ จ้ะ  เป็นห้อง 107  มีโต๊ะทำงานเล็ก ๆ อยู่ข้างเตียงด้วย   ห้องน้ำ ก็ See Through  แต่สามารถรูดมู่ลี่ปิดได้จ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:39:50

ความคิดเห็นที่ 7 ภายในห้องน้ำจ้ะ     ถ่ายมาไม่ชัดเลยอ่ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:42:32

ความคิดเห็นที่ 8 รอดูค่ะ small hotel น่าสนใจค่ะ จากคุณ : ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:44:02

ความคิดเห็นที่ 9 สระแช่น้ำ  ไม่ใช่สระว่ายน้ำของ The Small  ไว้แช่เล่น ๆ   อยู่ชั้น 3 หรือ 4 ลืมแล้ว จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:44:07

ความคิดเห็นที่ 10 อาหารเช้า ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยจ้ะ   แต่รสชาติอาหาร แย่จริงๆ    ไส้กรอกแบบราคาถูก ๆ จ้ะ    กินขนมปัง อร่อยกว่ามาก ๆ เลย      ขอพาไปเที่ยวเลยนะจ๊ะ    เช้า ก็เดินไปวัดแสนฝาง จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:47:18

ความคิดเห็นที่ 11 โบสถ์ก็สวย แต่ไม่ลงรูป  เพราะ มีรถจอดอยู่เสียทัศนียภาพจ้ะ   วัดแสนฝาง เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๘๘ ถนนท่าแพ ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๕ ไร่ ๖๘ ตารางวาและมีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๙๐ ตารางวา ปัจจุบันสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย   ตามตำนานเล่าว่าวัดแสนฝางสร้างขึ้นในสมัยพระญาแสนภู กษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณปี พ.ศ.๒๑๑๙ และคงอยู่จนกระทั่งถึงสมัยพระญากาวิละ โดยวัดแห่งนี้ได้รับความอุปถัมภ์ด้วยดีจากเจ้านครเชียงใหม่ทุกพระองค์ ดังปรากฏหลักฐานอยู่ในแผ่นจารึกไม้สักในวัด ซึ่งติดอยู่ที่หอพระไตรปิฎกว่า ชื่อวัดแสนฝางแต่เดิมเรียกกันว่า “วัดแสนฝัง” โดยที่มาของชื่อนี้ คือการที่พระเจ้าแสนภูทรงมีพระราชประสงค์จะฝากฝังขุมพระราชทรัพย์ของพระองค์ไว้กับพุทธศาสนา  ตามอย่างพระเจ้าปู่และพระราชบิดา อีกทั้งพระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะฝังพระราชทรัพย์เหล่านั้นไว้ในที่รกร้างว่างเปล่าใกล้ ๆ แม่น้ำสายเล็ก ห่างจากแม่น้ำระมิงค์พอประมาณ เมื่อพระเจ้าแสนภูทรงตัดสินพระทัยสละราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อสร้างวัดขึ้นเป็นการฝากพระราชศรัทธาและพระราชสมบัติของพระองค์ไว้ในพระพุทธศาสนาแล้ว สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า “วัดแสนฝัง” โดยคำว่า “แสน” มาจากชื่อของพระเจ้าแสนภูและคำว่า “ฝัง” คือการบริจาคพระราชทรัพย์ของพระองค์ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดแสนฝัง” หรือ “วัดแสนฝาง” มาตราบเท่าทุกวันนี้ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:50:29

ความคิดเห็นที่ 12 สังเกตว่าวัดแสงฝาง จะเป็นเจดีย์ทรงพม่า นะจ๊ะ  จะเห็นทรงเจดีย์แบบนี้ เยอะที่แม่ฮ่องสอนจ้ะ        แล้วป้าอ้วนน้อยฯ ก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม  ซึ่งคือวัดบุพพาราม หรือ วัดเม็ง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดอุปปา ตั้งอยู่เลขที่ ๑๔๓ ถนนท่าแพ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๔ไร่ ๓ งาน ๒๙ ตารางวา วัดบุพพารามสร้างขึ้นในสมัยพระญาเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนาลำดับที่ ๑๒ ราชวงศ์มังราย ( ครองราชย์ระหว่างปี พ . ศ . ๒๐๓๙ – ๒๐๖๘ ) ในตำนานชินกาลมาลีปกรณ์ ได้กล่าวถึงการสร้างบุพพารามว่า พระเจ้าติลกปนัดดาธิราช ( ราชนัดดาของพระเจ้าติโลกราช คือพระญาเมืองแก้ว ) หลังจากที่ได้ราชาภิเษกแล้วในปีที่ ๒ ทรงโปรดให้สร้างอารามขึ้นอารามหนึ่งในหมู่บ้านที่พระราชอัยกา ครั้งเป็นยุพราชและพระบิดาของพระองค์เคยประทับมาก่อนเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรง จุลศักราช ๘๕๘ โดยพระองค์ตั้งชื่ออารามนั้นว่า บุพพาราม แปลว่าอารามตะวันออก ทั้งนี้ โดยถือเอานิมิตว่าได้ตั้งอยู่ทางทิศบูรพาแห่งนพีสีราชธานี ซึ่งเป็นตำแหน่ง “ มูลเมือง ” ตามคัมภีร์มหาทักษา ต่อมาในปีที่ ๓ ของการครองราชย์ ( ปีมะเมีย ) พระญาเมืองแก้วทรงโปรดให้สร้างปราสาทขึ้นองค์หนึ่ง ท่ามกลางมหาวิหารในอารามแห่งนั้น เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเงินพอย่างเข้าปีที่ ๔ แห่งการครองราชย์ พระญาเมืองแก้วทรงฉลองพระไตรปิฎกฉบับลงทองขมุศิลปะแบบล้านนา พร้อมกับหอมณเฑียรธรรมซึ่งโปรดให้สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังและประดับตกแต่งอย่างประณีตสวยงามเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระไตรปิฎกนอกจากนี้ยังมีการฉลองกุมารารามซึ่งพระนางสิริยสวดีราชเทวีพระราชชนนีของพระองค์ ได้สร้างไว้ที่พระราชมณเฑียรอันเป็นสถานที่ประสูติของพระญาเมืองแก้วในครั้งเดียวกันนั้นเอง ในปีจุลศักราช ๘๖๖ ( พ . ศ . ๒๐๔๗ ) ปีฉลู เดือน ๘ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๑ ค่ำ พระญาเมืองแก้วทรงรับสั่งให้ทำการหล่อมหาพุทธรูปไว้ ณ วัดบุพพาราม ๑ องค์ ต่อมา ในปีขาลเดือน ๕ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ มีการหล่อพระมหาพุทธรูปด้วยทองแดงล้วน น้ำหนัก ๑ โกฏิ ซึ่งมีสนธิ ๘ แห่ง หรือข้อต่อ ๘ แห่ง ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น ๕ ปี คือ สำเร็จในปี จ . ศ . ๘๗๑ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ วันพุธ โดยมีการฉลองอย่างใหญ่โตและได้รับการประดิษฐาน ณ พระอุโบสถ ปัจจุบันนี้ คือ พระประธานในวิหารของวัดบุพพาราม จากนั้น วัดบุพพารามได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ . ศ . ๒๐๗๐ สำหรับอาณาเขตของวัดตามตำนานไม่ได้กล่าวไว้ว่ามีเนื้อที่เท่าใด จากการค้นคว้าข้อมูลของพระพุทธิญาณเจ้าอาวาสวัดบุพพารามในปัจจุบัน ( พ . ศ . ๒๕๓๙ ) ประกอบกับคำให้สัมภาษณ์ของผู้เฒ่าผู้แก่ ได้ใจความว่าวัดอุปารามหรือบุพพารามมีเนื้อที่กว้างขวางมาก ทิศตะวันออกจดคลองแม่ข่าทิศตะวัดตกจดวัดมหาวัด อย่างไรก็ดี ปัจจุบันวัดบุพพารามหรือบุพพรามมีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๓ งาน ๒๙ ตารางวา ทิศเหนือติดกับถนนท่าแพ มีเนื้อที่ ๒ เส้น ๑๓ วา ทิศใต้ติดบ้านของเอกชน มีเนื้อที่ ๒ เส้น ๔ วา ทิศตะวันตกติดกับถนนท่าแพ ซอย ๒ ร่มโพธิ์ มีเนื้อที่ ๒ เส้น ๑๙ วา ความสำคัญของวัดบุพพาราม คือ เคยเป็นที่สถิตของพระมหาสังฆราชปุสสเทวะ และนอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกทั้งมีประเพณีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุในวันเพ็ญเดือน ๖ เหนือ ( เดือน ๔ ภาคกลาง ) ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ประจำทุกปี จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:57:29

ความคิดเห็นที่ 13 ภายในวัดบุพพาราม  มีพระพุทธนเรศร์สักชัยไพรีพินาศ แกะด้วยไม้สักทั้งองค์ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:59:55

ความคิดเห็นที่ 14 พระอุโบสถ ตามที่สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ได้ความว่าเมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา คฤหปตานี “ คุณแม่วันดี สุริยา ” เป็นผู้ปฏิสังขรณ์ โดยทำซุ้มโขงให้เป็นศิลปะล้านนาผสมมอญ อนึ่ง พระอุโบสถหลังนี้มีขนาดเล็กและไม่มีใบเสมาเป็นเครื่องหมายเหมือนอุโบสถที่สร้างขึ้นในปัจจุบันแต่จะใช้ก้อนหินหรือเสาหินทรายแดงเป็นนิมิตในการผูกลูกนิมิตเพื่อแสดงเขตของพัทธสีมาซึ่งมีความกว้าง ๕ เมตร และยาว ๒๐ เมตร ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสิงห์หนึ่งศิลปะเชียงแสนซึ่งเป็นพระประธานและพระพุทธรูปปูนปั้นก่อด้วยอิฐอีก 2 องค์ ซึ่งเป็นของโบราณ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 23:05:56 จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:02:41

ความคิดเห็นที่ 15 ลงรูปโบสถ์ วัดบุพพารามจ้ะ   สวยมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:07:04

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วเราเดินไปเอารถ ที่จอดอยู่ AIS เชียงใหม่ ซึ่ง โรงแรม The Small ได้เช่าที่ไว้สำหรับลูกค้าโรงแรมด้วย       เราเดินทางไปยัง  อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ หน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:08:40

ความคิดเห็นที่ 17 พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ หรือที่มักเรียกกันว่า อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ ผู้สร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ คือ พญามังราย, พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์หน้าศาลากลางเก่าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯตั้งอยู่กลางเวียงเชียงใหม่ บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่จังหวัดเชียงใหม่ (ศาลากลางเก่าจังหวัดเชียงใหม่) ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ ด้านหน้าติดกับถนนพระปกเกล้า ซึ่งบริเวณนี้เอง ถือเป็นศูนย์กลางของตัวเมืองเชียงใหม่ หน้าอนุสาวรีย์มีลานกว้างขนาดใหญ่ เรียกว่า "ข่วงสามกษัตริย์" หรือ "ข่วงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์" ด้านตรงข้ามของอนุสาวรีย์ ยังเป็นที่ตั้งของอาคารศาลแขวงเชียงใหม่เดิม ซึ่งมีสถาปัตยกรรมตะวันตกที่งดงาม จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:11:08

ความคิดเห็นที่ 18 ด้านหลังคืออาคารเก่าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ หรือสมัยก่อนเรียกว่า สะดือเมือง / กลางเมือง ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2468 เคยเป็นที่ตั้งเสาอินทขิล หรือเสาหลักเมือง (ที่ถูกย้ายไปวัดเจดีย์หลวง)   ปัจจุบันเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ในปีพ.ศ. 2539 Chiang Mai City Arts and Cultural Centre เปิดให้ชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ระหว่างเวลา 8.30-17.00 น. จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:18:13

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วเราข้ามถนน มาฝั่งข้าง ๆ    เห็นบานประตู ส่วนหนึ่งของวัด อินทขีลสะดือเมือง จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:20:06

ความคิดเห็นที่ 20 หรือ วัดสะดือเมือง เป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ศาลากลางหลังเก่า) และอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ สร้างขึ้นในรัชสมัย พญามังราย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล (เสาหลักเมืองเชียงใหม่) ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเหนือกล่าวถึงพระอินทร์ได้ประทานเสาอินทขิลให้แก่ชาวลัวะเพื่อบูชา เมื่อครั้งก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ ภายหลังได้รกร้างลงสมัยพม่าเข้าปกครองเมือง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2343 พระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้ร่วมกับกองทัพพระเจ้าตาก ขับไล่พม่าออกจากดินแดนล้านนาสำเร็จ และได้ฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ขึ้น โดยย้ายเสาอินทขิล มาประดิษฐานอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวง และได้สร้างพระวิหารวัดอินทขีลสะดือเมืองขึ้นใหม่บนฐานเดิม โดยอัญเชิญพระเจ้าอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) มาประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ภายในพระวิหาร วัดอินทขีลสะดือเมือง ตั้งอยู่ที่ ถ.อินทวโรรส ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:23:34

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วป้าอ้วนน้อยฯ พาแม่ไป อ.แม่ริม   ไปชมวัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้รับพระบรมราชานุญาตยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับได้ว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริม และค่ายดารารัศมี ประวัติเริ่มจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตได้ออกจาริกธุดงค์มาทางภาคเหนือและได้พำนัก ณ ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถานที่สงบ เป็นสปายะในการบำเพ็ญกรรมฐาน และมีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อชาวบ้านในละแวกเห็นแล้วได้เกิดศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ได้ใช้ในกิจการสงฆ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าหญิงลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด ได้ประกาศตั้งเป็นวัดวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2522 ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 สถาปัตยกรรมพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปสุโขทัย พระนามว่า “พระสยัมภูโลกนาถ” พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ศิลปสุโขทัยประยุกต์ พระนามว่า “พระพุทธการุญกิตติคุณขจร” มณฑปพระเจ้าทันใจ มณฑปเป็นศิลปล้านนาแบบเชียงตุง ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปเชียงแสนสิงห์ หอกิตติคุณ จัดสร้างในการฉลองชนมายุ 80 ปี พระธรรมดิลก(จันทร์ กุสโล) ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ พระพุทธพจนวราภรณ์ ภายในได้รวบรวมเกียรติประวัติ ของพระเดชพระคุณเจ้า พระวิหารหลวง หอพระแก้ว จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:27:51

ความคิดเห็นที่ 22 วัดป่าดาราภิรมย์ สถาปัตยกรรมสวยมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:29:43

ความคิดเห็นที่ 23 มุมมองของ มณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ เต็ม ๆ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:31:19

ความคิดเห็นที่ 24 บานประตูทางเข้า สวยงามมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:33:12

ความคิดเห็นที่ 25 พระพุทธรูปสวยงามในวัดป่าดาราภิรมย์ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:37:52

ความคิดเห็นที่ 26 หอพระเขี้ยวฝาง วัดป่าดาราภิรมย์ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:41:44

ความคิดเห็นที่ 27 พระพุทธรูปทรงเครื่องประดับ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:48:18

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : MyMasterMind เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:50:46

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วไปทานอาหารเที่ยง  ที่ ร้านอาหารโป่งแยงแอ่งดอย  ซึ่งเราเคยพาแม่ไปที่นั่นเมื่อ  ธันวาคม ที่ผ่านมา  แล้วแม่ชอบบรรยากาศ ที่เห็นน้ำตกได้อย่างชัดเจน    ครั้งนี้ไม่ต้องรออาหารนานเลยจ้ะ   รสชาติก็ธรรมดา ไม่ถึงกับดีมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:51:02

ความคิดเห็นที่ 30 ทานอาหารเสร็จแล้ว บ่ายสองโมง เราก็ขึ้นไปยัง "ม่อนแจ่ม"  พาแม่ดูดอกไม้สวย ๆ ในบรรยากาศภูเขาสูง  และมีหมอกลอยมา เป็นระยะ ๆ แต่ไม่มีฝนจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:52:33

ความคิดเห็นที่ 31 มีการปลูกผัก กระหล่ำด้วย  (ไม่รู้ใช่ป่ะ ดูไม่เป็น) จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:54:43

ความคิดเห็นที่ 32 เมฆฝนมาแล้ว  ม่อนแจ่มมืดเลย  แต่ไม่ตกแฮะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:55:55

ความคิดเห็นที่ 33 ดอกไม้งาม ๆ ปลูกเยอะมาก หลายชนิด หลายพันธุ์ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:58:01

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบดอกไม้นี้จัง สีสวยมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:04:10

ความคิดเห็นที่ 35 ปลูกกะหล่ำใช่มั๊ย จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:07:41

ความคิดเห็นที่ 36 นั่งจิบน้ำชาร้อน อร่อย หวาน ๆ   แล้วมีหมาดอย วิ่งมาต้อนรับ น่ารักมาก  เราตั้งชื่อว่า "น้องหมาแม้ว"  ดูเหมือนว่า เขาจะอายุเยอะ และตาฝ้าฟางแล้ว จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:14:38

ความคิดเห็นที่ 37 ลงจาก ม่อนแจ่ม  เราเดินทางไปแวะชม  อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า   เราไม่ชอบกลิ่นน้ำแบบนี้  แต่วิวสวยจัง  อยู่ได้ไม่นาน   เหม็นคาวน้ำจืด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:17:03

ความคิดเห็นที่ 38 มีแพให้นั่งด้วย จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:18:37

ความคิดเห็นที่ 39 บรรยากาศตอนเย็น  เพื่อนเราบอกว่า ที่นี่สวยมาก  แต่เราไม่ได้อยู่นานอย่างนั้น จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:20:08

ความคิดเห็นที่ 40 ออกจากห้วยตึงเฒ่า  ก็ไปที่     วัดโพธารามมหาวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ (เดิมชื่อวัดเจดีย์เจ็ดยอด หรือ วัดเจ็ดยอด) ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 1998 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์เม็งราย ทรงสร้างวัดโพธารามมหาวิหาร สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น เป็นเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ในปี พ.ศ. 2020 วัดโพธารามมหาวิหาร เป็นสถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 8 ของโลก ปัจจุบันเจดีย์เจ็ดยอดหักพังไปเกือบหมด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:25:35

ความคิดเห็นที่ 41 มหาเจดีย์พุทธคยา  ที่มาของชื่อวัดเจ็ดยอด   แต่ตอนนี้  หักพังไปมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:29:48

ความคิดเห็นที่ 42 พระพุทธรูปสวยงาม ในวัดเจ็ดยอด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:31:52

ความคิดเห็นที่ 43 พระพุทธรูปเก่าแก่อีกองค์หนึ่ง ในวัดเจ็ดยอด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:33:40

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วเดินทางไปชมวัดต้นเกว๋น (อินทราวาส)     วัดต้นเกว๋น เป็นชื่อที่ชาวบ้านแถบบ้านต้นเกว๋น ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง เป็นผู้ตั้ง “เกว๋น” หรือชื่อที่ชาวเหนือเรียกว่า “มะเกว๋น” หรือต้นตะขบป่า เนื่องจากสมัยก่อนรอบวัดมีป่าต้นมะเกว๋น วัดและหมู่บ้านจึงมีชื่อตามนั้น สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๙๙ สมัยพระเจ้ากาวิโรรส สุริยวงศ์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ แต่ว่าเมื่อมีการบูรณะครั้งสุดท้าย ปี ๒๕๔๗  ๕ ปีที่ผ่านมา ได้ค้นพบว่าประวัติวัดนี้ มีอายุที่ยาวนานมากกว่า ๒๕๐ ปี แต่ค้นพบในอดีตในสมัยผู้ว่าชัยยา อายุ ๑๕๐ ปี อันนี้หลักฐานยังไม่ชัดเจน วัดนี้มีความสำคัญในอดีต คือเป็นที่พักขบวนพระบรมธาตุศรีจอมทอง จากอำเภอจอมทอง มาที่เชียงใหม่ ในอดีตเป็นประเพณีที่เจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ มีการสรงน้ำพระธาตุ คือจากวัดพระธาตุจอมทองมาก็เดินทางมาด้วยขบวนช้าง ขบวนม้า แล้วแวะมาที่วัดต้นเกว๋น ให้ประชาชนแถวนี้สรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง หลังจากนั้นก็อัญเชิญไปที่วัดสวนดอก ๓ วัน ๗ วัน แล้วก็ขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นประจำทุกปี เป็นเรื่องของเจ้านายฝ่ายเหนือในอดีต  วัดต้นเกว๋น เป็นวัดที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งนักวิชาการหรือผู้รู้ คนในด้านศิลปะก็บอกว่า เป็นวัดที่งามที่สุดในประเทศไทย จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:42:30

ความคิดเห็นที่ 45 วัดต้นเกว๋น จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:45:26

ความคิดเห็นที่ 47 วัดต้นเกว๋น  วิหารโดยรอบ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:54:35

ความคิดเห็นที่ 48 ออกจากวัดต้นเกว๋น  ก็ไปทานอาหารเย็น ที่ร้าน ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง   ร้านแสนสวย ที่เราเคยไปพาแม่ไป น้ำตกทีลอซู เมื่อ ปี 2554  แล้วแวะทานที่แม่สอด  ก็ตกแต่งสวยมากเช่นกัน จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:59:24

ความคิดเห็นที่ 49 ที่ข้าวเม่า ข้าวฟ่าง  มีเค้ก หลังอาหารด้วย  เพิ่มความอ้วนเข้าไปอีก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:01:53

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วก็กลับเข้าที่พัก     พอเช้าวันรุ่งขึ้น พาแม่ไป สวนสัตว์เชียงใหม่   แม่อยากเห็นหลินปิง  และเราอยากพาแม่ไปเดินอุโมงค์ทะเล ใน Chiangmai Zoo Aquarium ด้วย จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:04:05

ความคิดเห็นที่ 51 หลินปิง  แพนด้ายักษ์  น่ารักจริงๆ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:04:58

ความคิดเห็นที่ 52 และ เข้าชม อะแควเรี่ยม    เราซื้อ คูปอง จาก เอนโซโก้ มาคนละ  149 บาท รวมค่าผ่านประตูสวนสัตว์เชียงใหม่ และ ค่าเข้าชมอะแควเรี่ยม   ลืมบอกไปว่า  ผู้สูงอายุ เข้าชมหลินปิง ฟรี ด้วย  แต่นั่ง โมโนเรล เสียเงินคนละ 50 บาท  ผู้สูงอายุนั่งรถรางรอบสวนสัตว์ฟรี จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:08:04

ความคิดเห็นที่ 53 มื้อเที่ยง  พาแม่ไปทานอาหารที่ร้าน กาแล ถนน สุเทพ   วิวสวย บรรยากาศเริ่ด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:09:52

ความคิดเห็นที่ 54       ยู้ฮู......................ตามชมด้วยคน ขอบคุณครับ จากคุณ : น้า Low Batt เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:10:12

ความคิดเห็นที่ 55 ดอกกล้วยไม้สวย ๆ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:13:27

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ : ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ยู้ฮู..........ตามไปเที่ยวด้วยเลยนะจ๊ะ   ที่พักดีนะ กลางเมืองเลย แต่อาหารเช้า ไม่อร่อยจ้ะ ขอบคุณที่แวะมานะจ๊ะ คุณ : MyMasterMind ยู้ฮู...........ยินดีต้อนรับจ้ะ    ขอบคุณที่แวะมานะจ๊ะ คุณ : น้า Low Batt ยู้ฮู...........มาเที่ยวด้วยกันเลยจ้ะน้าแบตอ่อน   นิดพาแม่เที่ยวทุกเดือน ๆ ละ ทริป  ปีละ 12 ครั้งจ้ะ ถ้าเดือนไหน ไม่ได้ไป  ก็จะชดเชยในเดือนถัดไป จ้ะ    ขอบคุณที่แวะมานะจ๊ะ แล้วช่วงบ่าย   ก็ออกมาจากร้านกาแล หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แล้วไปวัดอุโมงค์   อยากเห็นมานานแล้ว ครั้งนี้เพิ่งได้เคยไปเป็นครั้งแรกจ้ะ วัดดอุโมงค์ และสวนพุทธธรรม สองชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้เรียกสถานที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ของพุทธนิคม เชียงใหม่แห่งเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกัน วัดอุโมงค์(อุโมงค์เถรจันทร์) เป็นชื่อเรียกวัดเก่าที่ "พระเจ้ากือนาธรรมิกราช" ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อถวายเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฏกอาศัย วัดอุโมงค์นี้หมายเอาเฉพาะบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีกำแพงอิฐปรากฏอยู่ทั้งสี่ด้าน ด้านตะวันออกจากขอบสระใหญ่ ด้านเหนือตรงไปทางทิศเหนือโรงพิมพ์ปัจจุบันจรด กำแพงอิฐพอดี ยาวประมาณ 100 วา ด้านเหนือจากแนวกำแพงเหนือโรงพิมพ์ปัจจุบันทางทิศตะวันตก จนถึงขอบสระหลังวัดอุโมงค์ ยาวประมาณ 100 วา, ด้านตะวันตกจากขอบ สระแนวกำแพงด้านเหนือ ถึงขอบสระใหญ่ใต้พระเจดีย์ ยาวประมาณ 100 วา, ด้านใต้จากขอบสระหลังพระเจดีย์ตรงไปทางตะวันตกออกจรดกำแพงทิศตะวันออกหน้าพระอุโบสถ ยาวประมาณ 100 วา มีพระอุโบสถขนาดย่อมตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีพระเจดีย์ใหญ่แบบลังกาวงศ์ และอุโมงค์(ถ้ำ) 1 อุโมงค์ มีทางเข้า 3 ทาง ตั้งอยู่ตลอดแนววัดด้านตะวันตก และมีศาลาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากหน้าอุโมงค์ไปประมาณ 1 เส้น คิดเป็นเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 25 ไร่ สวนพุทธธรรม เป็นชื่อใหม่ที่ ภิกขุ ปัญญานันทะ ประธานวัดอุโมงค์ ในสมัยนั้น (2492-2509) ตั้งขึ้นเรียกสถานที่ป่าผืนใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้างโบราณ ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ ที่พุทธนิคมเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นที่อยู่ของภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้แสวงหาความสงบ พื้นที่ซึ่งเรียกว่า สวนพุทธธรรมนี้กว้างมาก รวมเอาวัดไผ่11กอ (เวฬุกัฏฐาราม ซึ่งพระเจ้ามังรายมหาราชทรงสร้างไว้ถวายเป็นที่พำนักของพระมหากัสสปะเถระ ชาวลังกา ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในสมัยนั้น) วัดอุโมงค์เถรจันทร์ และวัดอื่นๆ (ที่อยู่ใกล้วัดอุโมงค์ทั้ง 4 ด้าน) อีก 4 วัดเอาไว้ด้วยทั้งหมด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:23:16

ความคิดเห็นที่ 57 วัดอุโมงค์  ทางเดินบันไดนาค ขึ้นไปยังเจดีย์ ข้างบน จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:25:33

ความคิดเห็นที่ 58 วัดอุโมงค์  ทางเข้าอุโมงค์ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:26:57

ความคิดเห็นที่ 59 เจดีย์วัดอุโมงค์ ดูเก่ามากเลย จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:28:48

ความคิดเห็นที่ 60 ออกจากวัดอุโมงค์  แล้วเราก็ ไปวัดเชียงมั่น        เป็นวัดที่ตั้งอยู่ถนนราชภาคิไนย ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่[1] มีพระเสตังคมณี(พระแก้วขาว)และพระศิลาซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางปราบช้างนาฬาคีรี ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และพงศาวดารโยนก หลังจากที่พญางำเมือง พญาร่วง และพญามังรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1839 ทั้ง 3 พระองค์ทรงโปรดให้สร้างเจดีย์ และพญามังรายทรงประทับชั่วคราวในระหว่างควบคุมการสร้างเมือง ตรงหอนอนบ้านเชียงมั่น เรียกว่า "เวียงแก้ว" ทรงอุทิศตำหนักคุ้มหลวงเวียงเหล็ก ตั้งเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกและพระราชทานนามว่า "วัดเชียงมั่น" จากนั้นคาดว่าเจดีย์พังลงมาในสมัยพระเจ้าติโลกราช (ครองราชย์ พ.ศ. 1985 - 2031) พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ใหม่ ทำด้วยศิลาแลง เมื่อปี พ.ศ. 2014 เมื่อเชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ในปี พ.ศ. 2094 วัดเชียงมั่นจึงถูกปล่อยร้าง จนปี พ.ศ. 2101 เจ้าฟ้ามังทรา (สมเด็จพระมหาธัมมิกะราชาธิราช) แห่งพม่า บูรณปฏิสังขรณ์วัดเชียงมั่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยโปรดให้สร้างเจดีย์ วิหาร อุโบสถ หอไตร ธัมมเสนาสนะกำแพง และประตูโขง มีพระมหาหินทาทิจจวังสะเป็นเจ้าอาวาสเมื่อถึงสมัยพระยากาวิละครองเมือง เชียงใหม่ (พ.ศ. 2324 - 2358) ต่อมาพระพุทธศาสนาแบบธรรมยุกนิกายเผยแผ่เข้ามาในอาณาจักรล้านนา เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์จึงนิมนต์พระธรรมยุตมาจำพรรษาอยู่ แต่ได้ย้ายไปอยู่วัดหอธรรมและวัดเจดีย์หลวงตามลำดับ ในภายหลัง จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:34:43

ความคิดเห็นที่ 61 เจดีย์ช้างล้อม ของวัดเชียงมั่น สวยงามมาก จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:38:56

ความคิดเห็นที่ 62 พระพุทธรูปโบราณ ในวัดเชียงมั่น  วัดแห่งแรกของเชียงใหม่ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:40:21

ความคิดเห็นที่ 63 ภายในวัด  เชียงมั่น จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:43:38

ความคิดเห็นที่ 64 แล้วเราก็ไปวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร กันต่อจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:48:05

ความคิดเห็นที่ 65 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ "เชียงแสนสิงห์หนึ่ง" พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปโบราณหล่อด้วยสำริดหุ้มทอง ปางสมาธิ สูง 79 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 63 เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบลังกา ตามประวัติกล่าวว่า พระเจ้าสีหฬะ พระมหากษัตริย์แห่งลังกาทวีป ทรงสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 700 ต่อมา เจ้านครศรีธรรมราชได้ไปขอมาถวายพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย เมื่อสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาได้กรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้มีผู้นำไปไว้ที่เมืองกำแพงเพชรและเชียงราย เมื่อพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตีเมืองเชียงใหม่ได้เมื่อ พ.ศ. 2205 ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่วัดพระศรีสรรเพชญ์กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลานานถึง 105 ปี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ชาวเชียงใหม่ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับไปที่เชียงใหม่ เมื่อมณฑลพายัพได้กลับมาเป็นของไทยในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2338 ปัจจุบันพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล โดยจะมีพิธีเชิญออกมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ให้ประชาชนไทยได้สักการะและสรงน้ำ ส่วนพระสิงห์ที่ประดิษฐานที่วัดแห่งนี้เป็นพระพุทธรูปจำลอง จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:51:31

ความคิดเห็นที่ 66 วัดพระสิงห์ฯ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:53:34

ความคิดเห็นที่ 67 เจดีย์สีขาว ในวัดพระสิงห์ฯ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:54:26

ความคิดเห็นที่ 68 วัดพระสิงห์ฯ  มุมนี้ ป้าว่าสวยที่สุด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 01:57:51

ความคิดเห็นที่ 69 และวัดสุดท้าย ก่อนจะบินกลับกรุงเทพ คือ        วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุฏาคาร วัดโชติการาม สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. 1928-พ.ศ. 1945 วัดเจดีย์หลวงเป็นพระอารามหลวงแบบโบราณ มีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวงสร้างอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา ตั้งอยู่เลขที่ 103 ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ภายในวัดประมาณ 32 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:00:21

ความคิดเห็นที่ 70 วัดเจดีย์หลวงฯ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:01:36

ความคิดเห็นที่ 71 สรุปประวัติพระเจดีย์หลวงพระเจดีย์หลวงสร้างขึ้นในรัชสมัยของพญาแสนเมืองมา เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พญากือนา พระราชบิดา แต่สร้างไม่เสร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาพระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวี พระมเหสีของพญาเมืองมา ก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จในรัชสมัยพญาสามฝั่งแกน เรียกกันว่า “กู่หลวง” พญาติโลกราช โปรดให้หมื่นด้ามพร้าคตเป็นนายช่างใหญ่ดำเนินการปฏิสังขรณ์รพระเจดีย์หลวง ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2021 ในรัชสมัยพระเจ้ายอดเชียงรายได้ปิดทองภายในซุ้มจรนัมของพระเจดีย์ หลวงทั้ง 4 ด้าน ในรัชสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว เมื่อ พ.ศ. 2046 ได้โปรดให้สร้างหอพระแก้ว และอัญเชิญพระแก้วมรกตลงมาประดิษฐาน สร้างมหาวิหาร ส่วนการบูรณะพระเจดีย์หลวงได้ดำเนินการเพียงเล็กน้อย ในที่สุดเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปีพ.ศ. 2088 ในรัชสมัยพระนางเจ้ามหาเทวีจิรประภา ยอดพระเจดีย์หลวงก็พังทลายลงมา เหลือให้เห็นดังสภาพปัจจุบัน (ก่อนการบูรณะของกรมศิลปกร) จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:06:04

ความคิดเห็นที่ 72 วัดเจดีย์หลวง  ตอนหลังวัด จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:08:53

ความคิดเห็นที่ 73 ปิดท้าย ด้วยรูปรุ้งกินน้ำ ที่วัดเจดีย์หลวงฯ                      และขอบคุณข้อมูลต่าง ๆ จาก wikipedia  จ้ะ       ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาชมนะจ๊ะ   และหวังว่าจะใช้เป็นประโยชน์ในการเที่ยวเวลาสั้น ๆ เพียง 2 วัน         ขอแนะนำให้นำแผนที่เชียงใหม่ มา ทาสีไฮไล้ท์วัดที่จะไปก่อนนะ   ง่ายมาก ๆ จ้ะ   สวัสดีจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 02:12:33

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาชมค่ะ ยังไม่มีโอกาสไปบางวัดเลย พี่เปลี่ยนกล้องแล้วเหรอคะ สีสดสวยดีจัง จากคุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:39:02

ความคิดเห็นที่ 75 สวยมากค่ะป้าอ้วนฯ คุณแม่ป้าอ้วนฯสุขภาพแข็งแรงมากเลย จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:41:31

ความคิดเห็นที่ 76 ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ คิดถึงน้องหมาแม้ว เค้าน่ารักมากเลย จากคุณ : ตัวยาว (lekatuayao) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:42:50

ความคิดเห็นที่ 77 ตามไปเที่ยวด้วยคนคับ เด่วสิ้นเดือนผมก็พาแม่ไปเชียงใหม่เหมือนกัน เก็บข้อมูลก่อน จดๆๆๆ จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:57:56

ความคิดเห็นที่ 78 ไปไหว้พระด้วยคนนะคะ จากคุณ : snas89Pink เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:59:21

ความคิดเห็นที่ 79 ตามไปเที่ยวด้วยคนคะ  ภาพสวยจังเลยคะ จากคุณ : ลุ๊งลิ๊ง เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:06:56

ความคิดเห็นที่ 80 สวยงาม  ขอบคุณที่พาไปเที่ยวครับ   จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:54:09

ความคิดเห็นที่ 81 ขนาดผมเป็นคนเชียงใหม่ หลายๆที่ที่คุณไป ผมยังไม่เคยไปเลย...คงต้องหาโอกาสไปบ้าง จากคุณ : p_rapeephan เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:01:06

ความคิดเห็นที่ 82 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : lovecatnaja เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:28:42

ความคิดเห็นที่ 83 สวัสดีฮะ คุณแม่ จากคุณ : ม่วงมหากาฬ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:57:02

ความคิดเห็นที่ 84 ชอบในความงามของศิลปล้านนาจังครับ ยังไม่ได้ไปตั้งหลายที่ ถ้ามีโอกาสไปเชึยงใหม่อีก จะพยายามไล่เก็บเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Koon Shy_Tour Dee เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 11:00:40

ความคิดเห็นที่ 85 ตาม...ปร้าอ้วนฯ ไปเที่ยวด้วยค่ะ  ^____^ เมฆฝนใน คคห.ที่ 32  น่ากลัวมาก ๆ จากคุณ : กานพลู...คนชอบเที่ยว เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 11:38:45

ความคิดเห็นที่ 86 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ จากคุณ : เอื้องเหมย เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:17:29

ความคิดเห็นที่ 87 ไปวัดพระทำบุญด้วยคนครับ จากคุณ : Destiny-Boy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:55:46

ความคิดเห็นที่ 88 ขอไปเที่ยวด้วยคนครับ จากคุณ : ต้นครับผม (tonti) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 12:57:46

ความคิดเห็นที่ 89 คุณ : เด็กศิลป์ (Artiste) ยู้ฮู.........ยังเป็นกล้องตัวเดิมจ้ะ  canon 10 ล้านพิกเซล ตัวละ 2000 กว่าบาท  เลนส์ก็เจ๊งแล้ว  เปิดทีนึง ดัง แกร่ก แกร่ก แกร่ก      แล้วมันก็ขึ้นมา  มีปัญหากับเลนส์ กรุณาปิดแล้วเปิดใหม่     จนเพื่อนบอกว่า ชั้นมีกล้อง ที่ไม่ได้ใช้  จะเอามาให้ป้าอ้วนน้อยฯ ฟรี ๆ     ก๊าก ก๊าก ก๊ากกกกก   มันคงรำคาญเสียงกล้อง ของเรา   ตอนนี้ ซูม ก็ไม่ได้    แถมจะดูรูปที่ถ่ายไป ก็ดูไม่ได้   มัน ช๊อตอ่ะ คงโดนน้ำ  วิ่งไปมาไม่หยุดเลย จะเปิดแฟลช ปิดแฟลช  ก็ไม่ได้       ก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะ   แล้ว ก็ปรับแต่งสีจากโปรแกรม  Photoscape ให้มันเข้มขึ้นได้     ไม่มีโฟโต้ช้อบ  ไม่มี acd see จ้ะ คือ ป้าอ้วนน้อยฯ ถ่ายรูปไม่เป็นอ่ะ   เลยเสียดายเงินที่จะซื้อกล้องใหม่     เพื่อนส่งข้อความการหัดใช้ กล้อง มาให้อ่าน  ก็อ่านแล้ว ปวดศีรษะ คือสมองไม่รับเลย    เข้าใจยาก คุณ : ต้มส้มปลากระบอก ยู้ฮู.......แม่เราอายุ  72 ปีกว่า ๆ   ชอบเที่ยวเหมือนเรา   ฉะนั้นพาไปได้ทุกที่   มีความสุขมาก ๆ จ้ะ คุณ : ตัวยาว (lekatuayao) ยู้ฮู..........น้องตัวยาว ก็เจอ น้องหมาแม้วเหมือนกันใช่มั๊ย   น่ารักจริงๆ    เดี๋ยววันที่ 14-17 ตุลาคมนี้ ป้าอ้วนน้อยฯ จะไปเชียงใหม่ กะ ปาย อีกรอบหนึ่ง    ก็จะพาพี่สาว ขึ้นไปม่อนแจ่ม อีก  จะพาไปเจอหมา ตัวนี้แหล่ะ คุณ : ตระเวนเที่ยว ยู้ฮู.........น้องตระเวนเที่ยว     ป้าอ้วนน้อยฯ ใช้เวลาเที่ยวจริงๆ แค่ 2 วันเองนะ   เพราะวันแรก ก็เข้า ที่พักเลย      เอาโปรแกรมเราไปเที่ยวก็ดีนะ  ไม่ไกลด้วย   คุณ : snas89Pink ยู้ฮู.........ไปไหว้พระ  ไปชมสถาปัตยกรรมสวย ๆ แบบนี้  มีความสุขมาก ๆ   เราบอกให้แม่เตรียมเงิน เตรียมสังฆทาน ไปทำบุญ ให้เต็มที่เลย   อย่างน้อย  ก็ได้ช่วยให้ ซ่อมแซมวัดเหล่านี้ ให้คงอยู่ตลอดไป ถ้าได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง    ก็จะได้กลับไปอีก คุณ : ลุ๊งลิ๊ง ยู้ฮู.........ไปเที่ยวกันนะจ๊ะ    ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาให้กำลังใจป้าอ้วนน้อยฯ นะจ๊ะ คุณ : เล็กทาโร่ ยู้ฮู.........ขอบคุณค่ะพี่เล็ก   คุณ : p_rapeephan ยู้ฮู..........ป้าอ้วนน้อยฯไม่ชอบตัวเมืองเชียงใหม่เลยนะ    ไปมาแต่ละครั้ง  ก็ออกไปเที่ยวอำเภอต่าง ๆ ตลอด  ทุกครั้ง    เพราะรู้สึกปวดหัว การจราจร  วันเวย์มั่ง  ทูเวย์มั่ง แต่ครั้งนี้ คือตั้งใจพาแม่ไปชมวัดสวย ๆ จริง ๆ  เลยยอมเข้าเมืองจ้ะ   วัดสวย ๆ เยอะจริง ๆ    สวยมากกกก คุณ : lovecatnaja ยู้ฮู.......ตามมาเลยจ้ะ    ขอบคุณที่แวะมากระทู้ป้าอ้วนน้อยฯ นะจ๊ะ คุณ : ม่วงมหากาฬ ยู้ฮู........น้าม่วง หายไปไหน  ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเลยจ้ะ    คิดถึง ตาหลอดดดดด คุณ : Koon Shy_Tour Dee ยู้ฮู........คุณชาย    ป้าอ้วนน้อยฯ กางแผนที่ตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วทาไฮไล้ต์ ที่ต้องการจะไป เมื่อ ธันวาคม 2554    ก็ทำแบบเนี้ยะ เหมือนกัน  พาเพื่อน ๆ ไป 10 วัดเลย  คิก คิก คิก   เพื่อนบอกว่า ไปวัดเยอะไปมั๊ย   ต้องการภูเขามั่ง    555555 คุณ : กานพลู...คนชอบเที่ยว ยู้ฮู.......น้องกานพลู  เมฆมาแบบมืดเลย  แต่ฝนไม่ตกนะ    มีแต่ว่า หมอก ลอยมาตลอด  จากที่เคย นั่งตรงศาลา แล้วมองลงไปข้างล่าง เห็น  ก็เปลี่ยนเป็นมัวไปหมด  มองอะไรไม่เห็นเลย   คุณ : เอื้องเหมย ยู้ฮู.........คุณเอื้องเหมย   ยินดีต้อนรับจ้ะ คุณ : Destiny-Boy ยู้ฮู.........สาธุจ้ะ     ป้าอ้วนน้อยฯ ชอบดูสถาปัตยกรรมสวย ๆ  เก่าแก่   ไปด้วยนะ   คุณ : ต้นครับผม (tonti) ยู้ฮู.............ไปด้วยกันเลยจ้ะ   ยินดีต้อนรับจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:31:31

ความคิดเห็นที่ 90 น่ารักจังค่ะ พาคุณแม่เที่ยว จากคุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:47:31

ความคิดเห็นที่ 91 คุณ : คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน    ยู้ฮู............พาแม่เที่ยว มีความสุขกว่าไปกับใคร ๆ เลย      เราได้ทำให้แม่ยิ้ม  แม่ชอบ  นั่นแหล่ะ มีสุขที่สุดแล้ว จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 16:03:50

ความคิดเห็นที่ 92 เข้ามาเก็บข้อมูลค่ะเผื่อพาแม่ไปเที่ยวบ้าง ^^ จากคุณ : คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 22:56:32

ความคิดเห็นที่ 93 คุณ : คืนไร้ดาวพราวแสงจันทร์    ยู้ฮู..............ดีจัง   หนับหนุน การพาแม่เที่ยวทุกที่เลยจ้ะ จากคุณ : อ้วนน้อยศิษย์เจ้าแม่ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 23:27:29

ความคิดเห็นที่ 94 พาคุณแม่ไปเที่ยวน่ารักมาก ๆ ค่ะ ภาพก็สวย ชอบวัดอุโมงค์จัง จากคุณ : *~Mayple Girl~* เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 55 12:06:37