| ภาพยนตร์บันเทิง |
|
Family Talk |
|
ครอบครัวสุขสันต์ ในแบบของ 'นาคร ศิลาชัย' เปิ้ล หรือ นาคร ศิลาชัย ผู้ชายคนนี้เรารู้จักเขาเป็นอย่างดี ในฐานะของนักแสดง พิธีกร ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำกับละครเวที นักกีฬาเจ็ตสกี และผู้บริหาร บริษัท ลักษ์ 666 จำกัด ที่รวยอารมณ์ขัน ขยันเสียงหัวเราะและความสนุกสนานเฮฮาให้แฟนๆ มายาวนานกว่า 30 ปี แต่นอกเหนือจากบทบาทของงานบันเทิงแล้ว เขายังมีอีกหนึ่งบทบาทที่ทำได้ดีไม่แพ้กันนั่นคือบทบาทของการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลภรรยาสุดที่รักคือ จูน กษมา และลูกชายหญิงทั้ง 2 คือ น้องออกัส - ด.ญ.ศิศิรา อายุ 1 ขวบ 5 เดือน และน้องออร์ก้า - ด.ช. นครา ศิลาชัย อายุ 3 เดือน ซึ่งภรรยาและลูกทำให้ชีวิตของเปิ้ลในวันนี้มีความสุขทุกวันและมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตมากขึ้น จนเขาออกปากเองว่าชีวิตของเขามันช่างเพอร์เฟกต์สมบรูณ์แบบจริงๆ... เปิ้ล : เพราะมันเจอคนที่แบบใช่ไง เขาเกิดมาตายเพื่อเรา จูนเคยบอกว่า "ถ้าเขารู้ว่าพี่เปิ้ลจะตายวันไหนเขาจะรีบตายก่อน เพราะเขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่เปิ้ล" คือเขาไม่อยากเศร้าเลยขอตายก่อนเลย ซึ่งเขาก็พูดจริงแต่เราก็ทำเป็นขำๆ ไปแต่ลึกๆ แล้วรู้สึกดีและคิดว่านกเงือกมีจริงไง ถ้าตัวใดตัวหนึ่งตายอีกตัวก็ต้องตาย แล้วเขาก็ลองทำให้เราดูแล้วนะ วันหนึ่งที่เราบอกเลิกเขาก็ตายดีกว่า เขากระโดดตึกเลยเราก็เฮ้ย...นกเงือกมีจริงโว้ย จะบอกว่าเขาเป็นคู่แท้ของเรามั้ย ตอนนี้ถึงไม่ใช่ก็ต้องบอกว่าใช่แล้วล่ะเพราะลูกสองแล้ว และถ้าไม่ใช่ก็ต้องเลิก แต่ถ้าไม่เลิกแสดงว่าโคตรใช่ ยิ่งอยู่ยิ่งใช่เหมือนเรามีมืองอกอีก 2 มือมีขางอกอีก 2 ขา แทนที่เราจะทำอะไรอยู่คนเดียวและเหนื่อยคนเดียว เช่น ยกของแทนที่จะยกคนเดียวแต่นี่มีอีก 2 มือเพิ่มมาช่วยยกทำให้ชีวิตหนักๆ กลายเป็นชีวิตที่เบา มีหัว 2 หัวช่วยกันคิดแต่ไม่ได้เป็นนก 2 หัวนะไม่ดี และตอนที่เขาโดดตึกเรารู้สึกว่าใช่หรือเปล่าไม่รู้แต่ซื้อแล้ว และตั้งใจไว้ด้วยว่าถ้าจะแต่งต้องมีลูกนะ เป้าหมายของการแต่งงานเพื่อจะมีลูก ไม่ได้แต่งเพื่อให้สังคมรับรู้หรือแต่งให้พ่อแม่เขาสบายใจไม่ใช่ เป้าหมายของเรามีลูกกับผู้หญิงคนนี้ดีกว่า พอมีลูกก็ไม่ผิดหวัง" จูน
: พี่เปิ้ลใช่สำหรับหนูตั้งแต่ปีแรกที่คบกันเเลย
เพราะหนูชอบคนแก่ชอบผู้ใหญ่แล้วเขาตลกไม่เหมือนข่าวที่ผ่านๆ มา
พอได้มาสัมผัสเขาอบอุ่น เขาทำตลกไปงั้นแหละแต่อีกมุมเขาเอาใจเก่งมาก
เขาเห็นเราเลี้ยงลูกเหนื่อยแค่เขาเดินมากอดแค่นี้จบหายเหนื่อยไม่ต้องพูด
เขาจะไม่มาพูดว่าจูนเหนื่อยไหม พี่สงสารนะ
แค่เขาเดินมากอดและตบหลังแค่นั้นแหละพี่เอ๋ย...เราระทวยยอมเหนื่อยเลย
หรือเทศกาลซึ่งเราก็ไม่ได้ไปเลี้ยงทุกเทศกาล
แต่เขาจะพาไปกินข้าวและไม่ได้แสดงอะไรหวานๆ
แต่จะดูแลให้ความรู้สึกกับเราอยู่กับเราเพราะเราก็ยังเด็กไม่ใช่แต่งงานแล้วต้องปล่อยปละ ตั้งแต่คบกันเป็นแฟนจนแต่งงานมีลูกมาถึงวันนี้ 10 ปีแล้ว เห็นว่าทะเลาะกันแค่ 3 ครั้งเองหรือเป็นไปได้ยังไง เปิ้ล : ก่อนหน้านี้ผู้หญิงที่ผมคบมาดีทุกคนนะ แต่ไม่รู้ทำไมจูนกันไม่ตรงสักที บางคนเดือนหนึ่งทะเลาะกัน 2 ครั้ง หรืออาทิตย์หนึ่งทะเลาะกัน 1 ครั้ง เราเลยมีความรู้สึกว่าจูนกันไม่ได้ และหน้าที่ของเราคือขายอารมณ์ที่ดี เพราะฉะนั้นเราก็ต้องผลิตอารมณ์ที่ดีเกิดขึ้นทุกวัน พอมาเจอคนที่อยู่ข้างๆ เราแล้วทำให้อารมณ์เราเสียเท่ากับคุณกำลังทำของที่ผมขายให้มันเสีย แล้วผมจะเอาอะไรขาย ลำพังทะเลาะกันอาทิตย์ละวันก็เหนื่อยแล้วนะแต่นี่อาทิตย์ละ 3 วัน บังเอิญเราขับรถจะเลี้ยวซ้ายมีรถเลี้ยวขวาเข้ามาก็ต้องหันไปมองขวา พอดีคนขับรถดันเป็นผู้หญิงสวยแค่นั้นแหละ "มองอะไร สวยนักเหรอ" อะไรอย่างนี้ ทะเลาะกันตลอดทาง ยิ่งเราทำอาชีพนี้เราไปเที่ยวผับผู้หญิงมาเจอก็ "พี่เปิ้ลขอหอมแก้มได้มั้ย" เราก็ให้หอมพอเสร็จแล้วเขาก็ไป แต่คนของเราสิ ล่อซะผับแตกเลยเพราะรับไม่ได้ จนมาถึงจูนนี่แหละ แต่ตอนแรกเขาก็เป็นหน่อยๆ นะ เพราะไม่เข้าใจเวลามีคนมาจับแก้มมาขอถ่ายรูปมาหอมแก้มเรา เขาก็ตาแข็งแต่เป็นแค่ประมาณเดือน 2 เดือนเขาเริ่มเข้าใจ ว่าเมื่อไหร่ ถ้าเขาไม่รักพี่เปิ้ลแสดงว่าพี่ตกงาน เพราะฉะนั้นจงดีใจที่คนมารักพี่เยอะขนาดนี้ ฉะนั้นถ้าเขาขออะไรเราก็ให้เขา แล้วที่พี่เปิ้ลมีอย่างทุกวันนี้ได้เพราะเขาพวกนี้แหละ เขาก็เข้าใจแถมยังถ่ายรูปให้ด้วย อยู่กันมา 10 ปีทะเลาะกันแค่ 3 ครั้งถือว่าน้อยมาก น้อยไปไหมถึงได้ซื้อเลย ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกในชีวิตนะที่ทะเลาะกันน้อยมาก เพราะเขาเป็นคนอารมณ์ดีและที่สำคัญเขาขี้ลืมด้วย แต่ผู้หญิงบางคนจำแม่นมาก" จูน : ตอนที่เป็นแฟนกับตอนที่แต่งงานแล้วไม่เหมือนกันเลย ตอนที่เป็นแฟนกันต่างคนต่างทำนั่นนี่มีเวลาเป็นของตัวเอง แต่พอมีครอบครัวเขาจะใส่ใจเรามากขึ้น พอมีวันว่างไปไหนมั้ย ไปกินข้าวกันมีกิจกรรมมากขึ้น แล้วเวลาเป็นแฟนไม่เคยมาปรึกษาเราอยู่แล้ว แต่พอเป็นครอบครัวมีธุรกิจร่วมกันคือร้านโคขุน เขาก็ปรึกษาว่าจะดีไหมพี่ว่าแบบนี้จูนเห็นด้วยไหม เขาให้บทบาทเราในชีวิตเขาเยอะขึ้น เรียกว่าพอมีลูกเขายิ่งเป็นห่วงเรา ตอนที่เราท้องก็จะหาของบำรุงมาให้กิน หรือไปได้ข้อมูลของคนท้องก็มาบอกเราให้ฟังเพลงสิลูกจะได้อารมณ์ดี หรือกินแอปเปิ้ลเขียวสิทำให้ลูกฉลาด ไม่รู้เขาเอาข้อมูลมาจากไหน ซึ่งเราคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอารมณ์แบบนี้ ไม่คิดว่าเขาจะเป็นไง" ภายนอกเปิ้ลดูเป็นคนอารมณ์ดี ทะเล้น ขี้เล่น แต่ในมุมของการเป็นหัวหน้าครอบครัวแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เปิ้ล
: ก็ไม่ได้ตลกโปกฮามีเวลาคืออยู่บ้านชอบเงียบๆ
เพราะเวลาออกมาข้างนอกมันต้องยิ้มมันต้องเอนเทอร์เทนคนตั้งแต่แม่ค้าขายกล้วยแขกปากซอยแล้ว
พออยู่บ้านแม่ยายจะรู้เลยว่าจะปล่อยให้เรานั่งเงียบๆ
อยู่ในมุมของเราอ่านหนังสือพิมพ์ยกเว้นเล่นกับลูกสาว
คือมันอยู่บ้านจะให้เราตลกกับใครเหรอ ก็อยู่เงียบๆ ดูต้นไม้ดูธรรมชาติ
นั่งฟังน้ำตกที่บ้านฟังเสียงนก" เปิ้ล : เพราะเราตัดสินใจแล้วว่าเราแต่งงานกันเนี่ยอย่าเปลี่ยนไปนะ อย่าปรับตัวให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้จงเป็นอย่างที่เป็น เมื่อไหร่ที่ปรับหรือเปลี่ยนเนี่ยระวังเราจะเลิก เพราะที่เราเลือกเธอเพราะเธอเป็นอย่างนี้แหละ เป็นคนขี้ลืมอารมณ์ดีทำกับข้าวไม่เป็น ทุกครั้งที่จูนกินก๋วยเตี๋ยวเราต้องปรุงให้ทุกครั้งถ้าเราไม่ปรุงให้รสชาติจะห่วยมากจนเขากินไม่ได้ ส่วนเราจะให้เราปรับตัวเป็นคนดีเหรอ ก็ต้องมีเลวบ้าง กินเหล้าบ้าง ไม่ใช่บุหรี่ก็ไม่สูบเหล้าก็ไม่กินรักลูกรักเมียตายห่ากันพอดี ดีไปตายไวนี่เรื่องจริง พ่อเปิ้ลเนี่ยเป็นคนรักครอบครัวมากเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องรักเคารพนับถือเป็นพระเปรียญสูงเป็นคนดีมาก เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบแต่พ่อตายตอนอายุ 30 กว่า เป็นโรคความดัน ส่วนพ่อจูนแม่จูนเล่าว่าก็เป็นคนดีรักลูกรักเมียแต่ตายตอนอายุไม่ถึง 40 เราก็สังเกตคนที่เพอร์เฟกต์มากเกินไปสวรรค์ต้องการเร็ว เพราะฉะนั้นตัวเปิ้ลเองเวลาจะทำอะไรดีมากจะหยุดจะยั้ง เช่นข่าวเราออกไปดีเกินไปแล้ว เป็นผู้ชายรักครอบครัวเป็นนักกีฬาเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ มันต้องมีอะไรให้สังคมด่าบ้าง ก็พยายามหาทางปฏิบัติประพฤติตัวให้ฟ้าได้เห็นบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะเอาตัวเราไปเร็ว ก็ออกไปกินเหล้าบ้าง แต่เราไม่ไปแบบมีผู้หญิงอื่นไม่เอาไม่ไปจีบใคร แล้วก็ทำคลิปล้อชาวบ้านให้เขาด่าเล่นบ้าง"จูน : พี่เปิ้ลไม่เปลี่ยนเขาดิบยังไงตอนเป็นแฟนตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น แต่เราสิเปลี่ยนคือพูดมากขึ้นเหมือนเรามีลูกก็บ่นมาก เขาชอบบอกเมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ แต่เขายังปาร์ตี้กินเหล้าตลอดเที่ยวเหมือนเดิมเอนเทอร์เทนสังสรรค์ ซึ่งจูนก็ไม่ห้ามเพราะสังคมเขาต้องคุยงาน จะให้เขามากินข้าวเย็นที่บ้านมาอยู่กับเรากับลูกนอน 2 ทุ่มไม่มี ส่วนมากเขาจะกลับบ้าน 4-5 ทุ่มเที่ยงคืน เราก็ดูลูกไป แต่ก็มีโทร.ไปหาแต่ไม่ได้โทร.จิก แต่ถ้าจะนอนจะโทร.ถามเขาว่าอยู่ไหนเราจะนอนแล้ว พอเขาบอกมาก็จบ คือเขากล่อมหนูตั้งแต่เป็นแฟนจนหนูชินว่าถ้าทำแบบนี้ถ้าโทร. จิกจะเลิกเพราะเขาไม่ชอบเลย แต่เขาก็จะโทร.บอกเราเป็นระยะว่าเขาไปกินเหล้าที่นี่นะเพื่อให้เราสบายใจ แล้วเขาก็ไม่เคยทำให้เราไม่ไว้ใจไง เราก็เลยไม่รู้จะเอาความรู้สึกตรงไหนไปไม่ไว้ใจเขา แหม...แล้วเขาเป็นดาราถ้าทำอะไรไม่ดีเดี๋ยวข่าวก็มาใช่มั้ย" บทบาทความเป็นพ่อก็ไม่ได้ทำให้เปิ้ลเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปิ้ล : ก็ไม่เปลี่ยน เช้ามารีบแต่งตัวออกมาทำงาน ตกเย็นก็ไปเฝ้าร้านอาหารไปดูร้าน แต่เราจะตื่นเช้าหน่อยปกติตื่น 10 โมงเช้า ก็จะตื่น 8 โมงเพื่อมาเล่นกับลูก 1 ชั่วโมง แล้วไปทำงาน แต่วันไหนไม่ยุ่งมากทุ่ม 2 ทุ่มก็จะกลับมาเล่นกับลูกแล้วมาดูร้าน พูดง่ายๆ ลดเวลาตัวเองวันละ 1 ชั่วโมงเล่นกับลูกเล่านิทานให้เขาฟัง แต่ไม่ได้เลี้ยงเลย เพราะจูนกับแม่ยายประคบประหงมของเขามาก เรามีหน้าที่เล่นอย่างเดียวพาเขาไปว่ายน้ำเพราะเวลาเราไม่ได้มีมาก เราบอกจูนแต่แรกเลยว่าจูนกับแม่เลี้ยงไปนะ ส่วนเราจะหาเงินให้เขามากที่สุดก่อนเราตายแค่นั้นคือหน้าที่ของเรา" จูน : เราแบ่งบทบาทกันชัดเจนแล้วว่าจูนเลี้ยงลูกนะ พี่ไม่ทำนะ เพราะพี่ทำงานเหนื่อยแล้ว แต่เขาก็ไม่ถึงกับไม่ดูเลยก็ช่วยดูบ้าง บางทีเรายุ่งเขาก็ช่วยอุ้มหรือช่วยอาบน้ำให้ออกัส แต่หลักๆ พอลูกร้องต้องเป็นเราก่อน แต่เขาจะเล่นกับลูกเอนเทอร์เทนเล่านิทานทำกิจกรรมซึ่งเขาจะมีแพลนของเขาแล้ว เพราะวันหนึ่งพี่เปิ้ลเจอลูกวันละชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น" เปิ้ล : บางคนก็บอกว่าเรามีเวลาให้ลูกน้อย แต่ถ้าเป็นเสาร์-อาทิตย์เราจะกระเตงเขาไปด้วยไปเล่นเจ็ตสกีก็พาไป หรือไปเขาใหญให้เขาเรียนรู้เดินบนหญ้าให้เขารู้จักธรรมชาติ โตขึ้นมาเขาจะได้เป็นเด็กที่มีความเป็นธรรมชาติสูง อยู่ในสังคมไม่ตอแหล ไม่เสแสร้งแต่ต้องจริงใจ เป็นเด็กน่ารักของทุกคน ทุกวันนี้ออกัสเป็นเด็กไม่ใช่หน้าตาดีมากนะ แต่เวลาไปห้างฯ มีแต่คนมาขอถ่ายรูปเขาโดยที่ยังไม่เห็นเรานะ เหมือนเขามีเสน่ห์อะไรไม่รู้ คนเดินผ่านเขาก็ยิ้มให้ ยิ่งตอนนี้ขวบครึ่งกำลังฉอเลาะ และเริ่มมีอะไรแปลกๆ มาให้เราดุทุกวัน" จูน : พี่เปิ้ลจะรักลูกคนโตมากแค่ลูกเรียกปะป๋าแค่นั้นแหละแทบจะวิ่งมากอดลูก ส่วนคนเล็กก็รัก แต่เขายังเล็กไง และเขาจะภูมิใจมากเพราะผมเยอะ" เปิ้ล : ลูกชายออกมาหล่อเฉยเลย ผมดกเหมือนจูนเป๊ะเลย กู้หน้าพ่อได้มาก ผิดกับออกัสผมไม่มีเหมือนพ่อเลย แล้วเราอยากได้ลูกสาวอยู่แล้วส่วนจูนอยากได้ลูกชายเลยพอดี" มองและวางรากฐานอนาคตให้ลูกไว้ยังไง เปิ้ล : เมื่อก่อนไม่เคยมองใช้ไปเรื่อย ทุกวันนี้ก็ยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายและบางทีก็เอนเทอร์เทนตัวเองด้วย ซื้อรถแพงๆ กินอาหารแพงๆ ไปเที่ยวที่แพงๆ คือเรามีเก็บเอาไว้ให้ลูกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ใช้ของเรา เราบันเทิงตัวเราเยอะ เพราะเราจะอยู่ถึง 20 ปีหรือเปล่า เพราะฉะนั้นใน 20 ปีนี้เราต้องรักษาดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรงจะได้อยู่ได้นานและใช้ชีวิตกับเวลาที่เหลือให้สนุกที่สุด และทำงานเก็บเงินให้ลูกมากที่สุด อย่างน้อยเราต้องหาเงินสดให้เขาคนละ 10 ล้านก่อนตาย แต่ตอนนี้ยังไม่มี ซื้อของหมดซื้อโน่นซื้อนี่เก็บไว้และลงทุนร้านอาหาร ซึ่งพอเราตายอย่างน้อยจูนจะได้มีกิจการดูแล เราวางที่ทำกินให้เขาแล้ว เพราะเราไม่มีฐานเงินที่เยอะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะมีให้เขาคืออาชีพให้เขาเลี้ยงตัวเองได้" การใช้ชีวิตคู่ไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่ที่ทะเลาะกันส่วนมากจะเป็นเรื่องลูก เปิ้ล : จูนกับแม่เขาจะเลี้ยงลูกประคบประหงมมาก แต่เราจะบอกให้เขาทำอะไรเองให้เขาเรียนรู้เอง เขาจะล้มก็ปล่อยให้ล้มไป ลงบันไดก็ให้เขาลงเองแต่เราต้องอยู่ในระดับที่เราคิดว่ารับได้" จูน : เราทะเลาะกันหลายทีเพราะลูก ตอนนั้นออกัสยังเล็กอายุแค่ขวบกว่าเริ่มเดินได้เราต้องระวัง แต่พี่เปิ้ลบอกอย่าไปจูงปล่อยให้เขาเดินเองเขาล้มจะได้รู้ว่าเจ็บ เราก็จะบ้าเหรอเด็กยังไม่มีความจำหรอกว่าอันนี้เจ็บแล้วจะไม่ทำเราต้องดูเขาเรื่อยๆ แต่พี่เปิ้ลปล่อยให้ชนให้ล้มอย่าจับมันไม่ใช่ พี่คิดดูเตารีดยายเผลอวางไว้ แต่ก็ไม่ได้ร้อนแล้วล่ะ ออกัสกำลังจะไปจับ เราก็ตะโกนเสียงหลงเลยออกัสอย่าจับ พี่เปิ้ลบอกให้เขาจับถ้าร้อนจะได้เข็ดมันไม่ใช่ เขาเป็นอย่างนี้ไงก็เลยทะเลาะกันบ่อย เป็นเรื่องลูกเรื่องส่วนตัวไม่มีเลย แต่ไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราว เขาก็ต้องยอมเพราะเราเป็นคนเลี้ยงยังไงก็ต้องยอมให้เรา" เห็นว่าออกัสเคยตกจากเตียงจนเกือบกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เปิ้ล : เราเคยคิดนะ ถ้ามีลูกจะเลี้ยงแบบเด็กฝรั่ง เขาอยากทำอะไรก็ทำก็ปล่อย ปรากฏไม่ได้ต้องดูทุกวินาที เขาเล่นผ้าม่านเราอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หันมาอีกทีทำไมลูกตาเหลือกวะ สายผ้าม่านไปรัดคอดิ้นพล่านๆ เราก็ตายแล้ว ก็เลยต้องดูตลอดแต่ก็โดนจนได้ ขนาดมีพี่เลี้ยงมีแม่บ้านเขาก็ดันตกลงมาจากเตียงเสียงดังมากพุ่งหลาวมาเลยเหมือนแม่เลย แม่กระโดดตึกลูกกระโดดเตียง เหมือนก้อนหินอยู่ระดับหน้าอกแล้วหล่นลงมาคิดดูว่าแรงแค่ไหน หมอเช็กกะโหลกดูอาการ 48 ชั่งโมง หมอบอกเลยถ้าเกิดออกัสอ้วกหรือเริ่มซึมไม่พูดนั่นหมายความว่าออกัสจะต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา โอ้...ไม่เป็นอันทำอะไรเลย แล้วตอนนั้นต้องไปเที่ยวเชียงใหม่กันด้วยเพราะดันจองตั๋วแล้วก็ต้องไป คือหมอบอกไปได้ แต่เราต้องดูอาการและถ้ามีอะไรก็ให้เข้าโรงพยาบาลได้เลย เรานั่งลุ้นดูอาการลูกปรากฏว่า 24 ชั่วโมงผ่านไปและพอ 48 ชั่วโมงผ่านไป ลูกอ้วกไหม ลูกซึมไหม พอไม่เป็นอะไรเราเฮเลยพาไปดูหมีแพนด้า ถือว่าโชคดีมาก แต่จากเหตุการณ์นี้เราต้องดูเขาทุกวินาทีเดินตามทุกก้าว" ถ้าเลือกได้เปิ้ลอยากเป็นพ่อแบบไหน เปิ้ล : อยากเป็นพ่อที่มีความสุขในโลกซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นอยู่นะ ทำงานน้อยๆ ใช้ชีวิตเยอะๆ เราอยากทำงานให้มันพอดีแล้วก็ใช้ชีวิตให้สนุกที่สุด งานชิ้นไหนไม่สนุกต่อไปนี้ไม่ทำอีกแล้ว เพราะมันฝืนนอกจากได้เงินเยอะจริงๆ แล้วเอาไปใส่ให้ลูกโอเค. แต่ถ้าทั่วไปอันไหนไม่สนุกไม่ทำ บางคนอาจจะฉันต้องเหนื่อยเพื่อลูกไม่เอาแต่ชีวิตเราต้องแฮปปี้ ต้องสบายต้องสนุกพาจูนไปเที่ยวไปดูหนังไปต่างประเทศพาลูกๆ ไปสวนสนุก เราอยู่กับจูนอยู่กับ ออกัส และ ออร์ก้า แล้วเรามีความสุขมากขึ้นและได้เงินมากขึ้นเพราะชีวิตเรามีความสุขเท่ากับวัตถุดิบเราเยอะ เพราะเราขายความสุขเราขายอารมณ์ที่นั่นคืออาชีพเรา พอเรามีความสุขอารมณ์เราก็ดีทุกวัน เพราะฉะนั้นเรามีของขายเต็มเลย เราไปไหนใครก็ซื้อ ทำหนังแต่ละเรื่องทำแล้วมีความสุขคนก็ดู ทุกวันนี้เราเราแฮปปี้กับชีวิตมาก เวลาขับรถแล้วรถติดบนทางด่วนบางทีน้ำตาไหลเลยนะ พอมองลงไปพระอาทิตย์กำลังตกแสงสวยเพลงในรถก็เพราะ ทำไมชีวิตเราสมบรูณ์แบบนี้ เป็นพระเอกหนังด้วย ทำงานทุกอย่างประสบความสำเร็จ เล่นกีฬาร่างกายก็โอเค. คิดว่าตัวเองเป็นพ่อเพอร์เฟกต์ เพราะเราไม่มีเมียน้อย เราไม่ทำให้ครอบครัวมีปัญหาเลย แค่ไม่ทำให้ครอบครัวมีปัญหา แต่ทำให้ครอบครัวยิ้มได้ มีเงินซื้อของให้ลูกแค่นี้ก็เพอร์เฟกต์แล้ว และเวลาที่เราเล่นกับลูกแล้วเขาหัวเราะเราก็มีความสุข ทำไมเราถึงสมบรูณ์แบบนี้ก็ร้องไห้ พอร้องไห้เสร็จปาดน้ำตา ไม่เราต้องเลวบ้างหามุมเลวบ้างเพราะกลัวตายเร็วเหมือนพ่อ อันนี้เราคิดแบบนี้จริงๆ ไม่ได้มุกนะ" มุมมองในการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุข เปิ้ล : สร้างความเคารพให้เกิดขึ้นในครอบครัว เมื่อไหร่ที่เราเคารพเขาเราก็จะไม่ทำไม่ดีกับเขา เมื่อไหร่ที่เราสร้างให้เขาเคารพเราเขาก็จะไม่กล้าโทร.จิกเราหรือมาเช็กมือถือของเรา เพราะมันเกิดความศรัทธาและเชื่อถือกันและกันเมื่อนั้นจะเกิดความวางใจกัน จูน : หนูคิดว่าชีวิตคู่ใครบอกไม่ปรับเลย หนูว่าไม่จริงอย่างพี่เปิ้ลเขาบอกไม่ปรับไม่เปลี่ยน หนูว่าไม่จริงเขาเปลี่ยนแต่เปลี่ยนไม่รู้ตัว เหมือนหนูบอกว่าไม่เปลี่ยนหนูเป็นแบบนี้นะเป็นตัวของตัวเอง แต่เราก็เปลี่ยนโดยไม่รู้ตัว ไม่มีหรอกคู่ไหนที่ไม่เปลี่ยนเลย มันต้องมีนิดๆ หน่อยๆ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ อย่างหนูอยู่กับพี่เปิ้ล ซึ่งเราเด็กก็จริงแต่เวลาเขาผิดหรืออะไรซึ่งเขาโตแล้ว เราก็ต้องทำเป็นไม่เห็นบ้างในบางเรื่องต้องปล่อยบ้างถึงอยู่ด้วยกันได้ ที่สำคัญชีวิตคู่ต้องไม่โกหก ถ้าโกหกเดี๋ยวมาอีกเยอะ และต้องอยู่ด้วยกันด้วยความรักและความเข้าใจ แล้วพี่เปิ้ลมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวดีมาก ตอนเป็นแฟนเราก็ไม่เคยคิดถึงขั้นวางแผนอยากได้พ่อบ้านมาดูแลเรา แต่พอแต่งงานแล้ว เราได้เกินที่เราคิดอีก เราพอแล้ว ได้ดีกว่าที่เราคิดแล้วเหมือนได้พ่อได้สามีได้เพื่อนในเวลาเดียวกัน (หัวเราะร่วน)" :: อ่านต่อในฉบับ :: |
|