 |
{[..สัมภาษณ์..]] "ซี"สุขอยู่โลกมายา วงการขัดเกลาความดิบ!
|
|
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ โดยสุวัฒน์ ฉัตรสง่า : 16 ธันวาคม 2555
ขณะที่ละคร "ดุจตะวันดั่งภูผา" ออกอากาศเรียกเรตติ้งทางช่อง 7 พระเอกหนุ่ม "ซี"ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ก็เยี่ยมหน้ามาที่ "ข่าวสด" เพื่อกราบขออโหสิกรรมลาอุปสมบทที่จะมีขึ้นวันที่ 18 ธ.ค. ที่วัดแก้วฟ้าจุฬามณี กรุงเทพฯ
เลยขอสัมภาษณ์พระเอกหนุ่มถึงชีวิตทุกวันนี้ที่ยังยืนหยัดอยู่วงการมายาได้นานถึง 10 ปีเต็ม รวมถึงเรื่องราวรักกับสาว "เอมี่ กลิ่นประทุม"
ชีวิตในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ซี - "ผมทำงานในวงการบันเทิงมา 10 ปีเต็ม มีความสุขตลอด ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในโรงเรียน ทั้งเรื่องงาน การใช้ชีวิต ความรัก วงการบันเทิงสอนและให้อะไรผมหลายอย่าง เดินมาถึงจุดนี้มีความภาคภูมิใจที่เติบโตมาพร้อมๆ กับวงการ ภาคภูมิใจในเส้นทางเดินที่ผมเลือกเส้นทาง ที่ดีมาตลอด"
"วันนี้เหมือนเป็นอีกก้าวที่ประสบความสำเร็จทางด้านจิตใจและได้บอกบุญพี่ๆ นักข่าวว่าผมจะบวชเรียน 10 ปีที่รู้จักกันมันมีความหมาย ไม่ใช่แค่พี่ทำงาน แล้วผมทำงานเป็นนักแสดงแล้วเราไม่รู้จักกัน มันมีอะไรมากกว่านั้น ผมเดินทางมาถึงจุดนี้ภูมิใจและดีใจที่ได้เจอคนที่ดีๆ ในวงการบันเทิง"
จากตัวประกอบในละคร "สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย" เคยคิดไหมจะก้าวเป็นพระเอกแถวหน้า
ซี - "ไม่เคยคิดและไม่ได้คาดหวังด้วย ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 2 ที่เอแบค ช่วงแรกที่เข้าวงการผมไม่ได้มีความรักในงานด้วยซ้ำ ยังไม่เคารพเพื่อนร่วมงานเท่าไหร่ มองงานแสดงเป็นงานอดิเรก ทำเล่นๆ สนุกๆ ไปวันๆ ไม่จริงจัง กระทั่งได้ถูกเจียระไนและล้างสีออกจนเหลือความเป็นตัวตน ความเป็นอัตลักษณ์ในตัวผมจริงๆ"
"ผมโชคดีได้เจอบุคคลที่เป็นศิลปิน เป็นผู้ให้จริงๆ โดยไม่มีกั๊ก ผมได้อะไรจากเขามาเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็น พี่ตั้ว-ศรัณยู, พี่เปิ้ล-หัทยา, พี่เติ้ล-ตะวัน, พี่ป๋อ-ณัฐวุฒิ หรือผู้ใหญ่อย่าง คุณแดง-สุรางค์, พี่หลุยส์-สยาม, พี่ลอร์ด-สยม ทุกคนให้โอกาส ถือเป็นอาจารย์สอนผมทั้งในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตในวงการ"
ช่วงแรกๆ รักในงานแสดงเลยหรือยัง
ซี - "ขอเรียกว่าชอบดีกว่า แต่ได้เห็นว่าคนเราไม่สามารถเกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบได้ในทุกเรื่อง อย่างเรื่องงานแสดงเพราะมันเป็นงานศิลปะ ผมไม่ได้มีศิลปะในใจสักเท่าไหร่นัก แต่ผมเชื่อว่าทุกคนถ้าตัดคำว่าอคติทิ้งไปและเปิดใจ กับมัน ไม่ว่าอะไรก็ตามบนโลกใบนี้คุณสามารถทำได้ จะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง"
"ผมเริ่มชอบงานแสดงหลังจากมาเล่นละครเรื่องที่สอง "หลังคาแดง" เริ่มรู้สึกเคารพผู้ร่วมงาน เริ่มทำงานด้วยการตัดคำว่าเห็นแก่ตัวออกไป ไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็ตัวกูของกู จะไม่ให้คิวเพราะต้องไปทำนั่นทำนี่ เมื่อก่อนจะเป็นแบบนั้นเลย จากประสบ การณ์ในการร่วมงานกับคนอื่นทำให้สอนผมไปในตัว ให้ผมปรับตัวในการทำงานและคิดถึงคนอื่นบ้าง"
ถ้าให้เปรียบเส้นทางการทำงานในวงการบันเทิงตลอด 10 ปี สามารถเปรียบได้กับอะไร
ซี - "วงการบันเทิงคือใบปริญญาชีวิตของผม ช่วยขัดเกลาความดิบ ความเห็นแก่ตัวในตัวผมให้เหลียวมองคนอื่น มันช่วยทำให้ผมใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างถูกต้อง ทำให้ผมรู้จักให้เกียรติคนอื่นครับ"
แสดงว่าช่วงแรกอาจทำตัวงี่เง่า
ซี - "พูดตรงๆ เห็นแก่ตัว เพราะคิดว่าไม่สำคัญ จะมองว่าต้องเรียนหนังสือ ต้องสอบนะ มาถ่ายละครจนอ่านหนังสือไม่ทันแล้ว ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าขอไม่ให้คิว ถามว่าอ่านหนังสือไม่ทันเป็นความผิดของกองถ่ายหรือเปล่า ไม่ใช่นะ เป็นความผิดผมเอง เมื่อเลือกจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็ต้องทำทั้งสองอย่างให้ดี จะไปประกาศไม่ได้ว่าเรียนเกรดไม่ดีเพราะทำงาน ถ้ารู้ว่าเรียนไม่ดีก็เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง"
คิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดใช่หรือเปล่าที่ทำงานในวงการบันเทิงนาน 10 ปีเต็ม
ซี - "ผมไม่เคยเสียใจกับการที่ได้ก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง การเดินทางของผมในเส้นทางนี้เรียบๆ ไม่หวือหวา งานอาจจะไม่เปรี้ยงมากมาย แต่ก็มีงานต่อเนื่อง มันอยู่ที่ตัวผมเอง ไม่ว่าผมจะทำอะไร ไม่ว่าคุณจะมีบทบาทอะไรในสังคม ไม่ต้องเป็นนักแสดงหรอก อาชีพอื่นที่คุณเป็นถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณมีความสุขกับสิ่งที่ทำหรือเปล่า สุขและทุกข์อยู่ที่ใจผมเอง ถ้ารู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่มีความสุขมันมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ คุณหยุดทำ หรือจะทำต่อไป"
"การที่ผมทำชีวิตของผมด้วยความมั่นใจและด้วยความเคารพเพื่อนร่วมงาน ผมได้ความรัก ได้ชื่อเสียง ได้เงินทอง มีความสุข ส่วนจะเปรี้ยงหรือเปล่าแล้วแต่คนจะคิด ผมเคารพและรักในงานของผมทุกชิ้นครับ"
กังวลไหมที่ตอนนี้พระเอกใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย
ซี - "เฉยๆ มากเลย เป็นเรื่องปกติมาก เป็นธรรมดาของวงการบันเทิง ในเมื่อผมก้าวเข้ามาวงการบันเทิงได้ แล้วทำไมคนอื่นจะก้าวเข้ามาไม่ได้ คนอื่นทำหน้าที่ของเขา ผมก็ยังทำหน้าที่ของผม ทุกวันนี้ยังทำงานในวงการบันเทิงและทำต่อไปอย่างมีความสุข ไม่เคยน้อยใจว่าตัวเองไม่ดังแบบสุดๆ"
"ผมเป็นตัวเองตั้งแต่เข้าวงการ ถ้าผมไม่มีความสุข ง่ายๆ เลยคือไม่ทำ ถ้าผู้จัดละครอยากให้ผมเล่นก็ยินดี แต่ถ้าไม่อยากให้ผมเล่นก็ไม่ว่าอะไรแล้วแต่เขา ทุกวันนี้ผมยังคงทำหน้าที่ของผมอยู่อย่างมีความสุข"
ได้ยินว่าช่อง 7 เรียกนักแสดงไปต่อสัญญา
ซี - "ครับ แต่ผมยังไม่มีโอกาสเข้าไป ตอนนี้ขอพุ่งสมาธิเรื่องบวชเรียนก่อน อย่างไรผมก็ยังทำงานอยู่ที่ช่อง 7 เพราะถ้าผมจะไปคงไปนานแล้ว แต่ช่อง 7 ให้ผมเยอะมาก ต้องบอกเลยว่าช่อง 7 เลี้ยงผมมา ผมคงไม่ไปไหนหรอกครับ หน้าอย่างนี้จะไปไหนได้ (หัวเราะ) เขาให้ต่อสัญญาผมก็ต่อครับ"
มาตอนนี้ดูเหมือนซีเริ่มมองอนาคตแล้ว เห็นลงทุนทำธุรกิจต่างๆ นอกเหนือจากงานในวงการ
ซี - "เรื่องธุรกิจเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงานในวงการ ตรงนี้คือการใช้ความรู้ที่เรียนมาทำ ผมทำธุรกิจเพื่ออนาคต ฉะนั้นจะแยกกัน ตอนนี้ผมทำร้านอาหารไวน์โซไซตี้ ที่ จ.อุดร ธานี ร่วมกับพี่บ๊วย-เชษฐวุฒิ ส่วนที่กรุงเทพฯ ทำเฮลท์มี ฟิตเนส และจะเปิดสาขาต่อไป จะมีเวียร์-ศุกลวัฒน์ และพี่บ๊วยหุ้นด้วย"
"จริงๆ ผมมองเรื่องอนาคตมานานแล้ว ผมแยกระหว่างการทำงานในวงการกับการทำงานในชีวิตส่วนตัว จะไม่นำมารวมกัน แต่ แน่นอนว่าผมยังคงใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงบ้างเพื่อเป็นคอนเน็กชั่นสำหรับการทำธุรกิจส่วนตัว แต่จะค่อนข้างแยกกันแบบชัดเจน"
"เรื่องของอนาคตจริงๆ ผมเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นทำงานผมจะสร้างรากฐานตัวเองให้มากขึ้นก็ต้องเอาเงินต่อเงินไปเรื่อยๆ ครับ"
จากคุณ |
:
Tigrini
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 55 21:28:28
|
|
|
|  |