เวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ทุ่มเทให้กับโครงการรับนำข้าว สะท้อนให้
เห็นบทบาทและความหมายของนโยบายนี้อย่างเด่นชัด
ประหนึ่งว่า เพื่อต้องการเน้นให้เห็นว่านโยบายประกันราคาข้าว-ดีกว่า
ประหนึ่งว่า เพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่านโยบายประกันราคาข้าวเป็น
การช่วยเหลือเกษตรกรทำนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประหนึ่งว่า นโยบายจำนำข้าวนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นและเป็น
ช่องทางทำมาหากิน
หมายถึงการสมคบกันระหว่างรัฐบาลกับเจ้าของโรงสี กับ
นักการเมือง โดยแย่งส่วนแบ่งมาจากเม็ดเงินช่วยเหลือชาวนา
หมายถึงการแย่งชิงว่าใครเป็นห่วงชาวนามากกว่ากัน
ขณะที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์มีเจ้าของโรงสีส่วนหนึ่ง
ประสานกับผู้ส่งออกส่วนหนึ่งเป็นกองเชียร์ นโยบายของ
พรรคเพื่อไทยมีชาวนาและโรงสีส่วนหนึ่งเป็นกองเชียร์
ส่วนที่ขาดหายไปของพรรคเพื่อไทย คือ ผู้ส่งออก
ส่วนที่ขาดหายไปของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ชาวนา ซึ่งเป็น
กลุ่มทางสังคมซึ่งมีปริมาณสูงเป็นอย่างมากในชนบทประเทศไทย
นี่คือความน่าหวาดเสียวของพรรคประชาธิปัตย์
มีความจำเป็นต้องมองนโยบายของพรรคเพื่อไทยอย่างเห็นองค์รวม
นั่นก็คือ เห็นความสัมพันธ์ของแต่ละนโยบายประกอบส่วนเข้าเป็นเอกภาพ
นโยบายจำนำข้าวอาจมีเป้าหมายอยู่ที่เกษตรกรทำนา หรือ "ชาวนา"
ขณะเดียวกัน นโยบายการปรับอัตราเงินเดือนระดับปริญญาตรี
ให้ได้ 15,000 บาทต่อเดือนมุ่งไปยังคนชั้นกลาง
และที่ไม่ควรมองข้าม คือ การปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน
และที่ไม่ควรมองข้าม คือ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาสตรี โดยวาง
เป้าหมายในลักษณะเดียวกันกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
เหมือนกับว่านโยบายเหล่านี้ยึดกุมหลัก "ประชานิยม"
เหมือนกับว่านโยบายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อยึดกุมคะแนนเสียง
และความนิยมจากคนชั้นกลางทั้งในเมืองและชนบท
ชนบท ก็คือ ชาวนา
เมือง ก็คือ แรงงานไร้ฝีมือ 300 บาทต่อวัน แรงงานฝีมือ
ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไปเดือนละ 15,000 บาทโดยพื้นฐาน
ไม่ว่าเมืองหรือชนบท ครอบคลุมคนชั้นกลางระดับกลางและระดับล่างหมดสิ้น
สะท้อนความโน้มเอียงไปทาง "ซ้าย"
ยิ่งหากนำเอานโยบายจำนำข้าวไปสัมพันธ์กับนโยบาย 30 บาท
รักษาทุกโรค อันเสนอขึ้นมาภายหลังการเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544
ยิ่งประจักษ์ในลักษณะยึดโยง
1 สะท้อนอย่างเป็นรูปธรรมว่า พรรคเพื่อไทย คือความต่อเนื่อง
จากพรรคพลังประชาชนคือความต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทย
ตอกย้ำความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยระหว่างปี 2544-2549
ขณะเดียวกัน 1 สะท้อนอย่างเป็นรูปธรรมว่าพรรคเพื่อไทย
ดำรงความมุ่งหมายในการสานต่อนโยบายประชานิยม
ที่สำคัญคือ การยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของรากหญ้า
มิได้เป็นรากหญ้าอย่างที่ภาษาสังคมนิยมเรียกว่าชนชั้นกรรมาชีพ
หากแต่เป็นรากหญ้าอย่างที่ภาษาการตลาดเรียกว่าชนชั้นกลาง
ระดับล่าง ระดับกลาง อันถือว่าเป็นผู้บริโภค และมีปริมาณเป็นด้าน
หลักในสังคม
เป้าหมายมิได้เพื่อปลดแอกอย่างที่อุดมการณ์สังคมนิยมเรียกขาน
แต่เป้าหมายเพื่อสร้างรายได้และก่อให้เกิดการใช้จ่ายในกลุ่มผู้
บริโภคอย่างจริงจัง อันเท่ากับเป็นการกลไกให้เกิดการหมุนเวียนของเงิน
นี่ย่อมเป็นเป้าหมายของทุน เป็นเทคนิคของทุนนิยม
คะแนนไว้วางใจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มาสูงถึง
308 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรสะท้อนอะไร
1 สะท้อนจำนวนที่เหนือกว่า 159 เสียง ซึ่งไม่ไว้วางใจ ขณะเดียวกัน
1 สะท้อนถึงการเอนเอียงจากพรรคการเมืองอื่นซึ่งรวมถึงบางส่วน
ของพรรคฝ่ายค้านอย่างเด่นชัดเป็นรูปธรรม
นี่ย่อมบ่งบอกผลการเลือกตั้งในปี 2558 อย่างแหลมคมยิ่ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354251419&grpid=&catid=12&subcatid=1200