สถานะของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ทำนองเดียวกับสถานะของ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็ทำนองเดียวกับสถานะของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
คือหมดสภาพ
คำว่าหมดสภาพในที่นี้เป็นบทสรุปในเชิงยุทธศาสตร์ อาจจะไม่ส่งผลสะเทือน
ในลักษณะฉับพลันทันใด
แต่ก็ยากที่จะฟื้นคืนได้ในเร็ววัน
คำว่าหมดสภาพในที่นี้มิได้หมายถึงตัวตน มิได้หมายถึงตำแหน่ง
หากแต่กินความถึงสภาพในฐานะนำ
เป็นการนำทางการเมือง
คนคนหนึ่งซึ่งเคยมีสถานะเป็นผู้นำ เมื่อเผชิญปัญหาอันส่งผลให้หมดสภาพ
ความหมายโดยพื้นฐานเท่ากับเป็นการสูญเสีย
นั่นก็คือ สูญเสียการนำ
หากยึดตามหนังสือ ศัพท์รัฐศาสตร์ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ
พ.ศ.2536 พลิกไปยังหน้า 210 ตรงคำว่า การครองความเป็นใหญ่ และหน้า
214 ตรงคำว่าการใช้อำนาจครอบงำ
ก็จะพบคำว่า HEGEMONY
หากมองในทางยุทธศาสตร์ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร สูญเสียการครองความ
เป็นใหญ่ สูญเสียการใช้อำนาจครอบงำเมื่อใด
ตอบว่า 1 เมื่อประสบกับปัญหาอุทกภัยปลายปี 2554
ตอบว่า 1 เมื่อประสบกับปัญหาไม่สามารถสร้างสนามฟุตบอลที่หนองจอก
ได้ทันและเป็นที่ยอมรับของฟีฟ่า
นั่นเท่ากับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้สูญเสียการนำไปแล้วโดยพื้นฐาน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อาจยังดำรงอยู่ในสถานะผู้ว่าฯ กทม. ในทางนิตินัย
แต่ในทางการเมืองสังคมได้ค่อยๆ ปฏิเสธบทบาทไปแล้วเป็นลำดับ
ถามว่าแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เล่าได้สูญเสียสถานะนำไปตั้งแต่เมื่อใด
ตอบว่า 1 สูญเสียไปตั้งแต่สถาน การณ์สลายการชุมนุมในเดือนเมษายน
พฤษภาคม 2553 แล้ว
เห็นได้จากความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
ขณะเดียวกัน คำตอบ 1 สัมผัสได้อย่างเป็นจริงนับแต่ผลการสอบของ
กระทรวงกลาโหม ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารอันเป็น
เท็จในการเข้ารับ ราชการทหารในสังกัดโรงเรียนนายร้อย จปร.
ทันทีที่มีคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็สูญโญ
กล่าวสำหรับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ สังคมสามารถรับรู้และตัดสิน
ได้รวดเร็วยิ่งกว่ากรณีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร หลายเท่า
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อาจแลดูองอาจเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
ณ สนามม้า นางเลิ้ง
แต่พลันที่มีการเสนอแนวทาง แช่เข็ง ปิดประเทศเป็นเวลา 5 ปีก็ได้สร้าง
ความหวาดผวาเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
หวาดผวาเพราะเป็นข้อเสนอประเภทไดโนซอรัส
และยิ่งมีการเผยแพร่แนวทางแช่แข็ง ปิดประเทศ ออกไปกว้างขวางมาก
เพียงใด ยิ่งทำให้การชุมนุมใหญ่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เป็นความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ มากเพียงนั้น
การจัดกองกำลังตำรวจ 112 กองร้อยดำเนินไปในลักษณะตั้งรับม็อบที่คุยโว
ว่าอย่างต่ำต้อง 1 แสน อย่างสูงต้อง 1 ล้าน
ผลก็คือ มีมวลชนมาไม่ถึง 20,000 คน
ผลก็คือ แทนที่การชุมนุมจะไหลจากลานพระบรมรูปทรงม้า ผ่านสะพาน
มัฆวานรังสรรค์ไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และไปเต็มท้องสนามหลวง ด้วย
ระยะเวลา 2 วันกับ 1 คืน กลับกลายเป็นเวลา 17.30 น. ก็ประกาศยุติการชุมนุม
อันเท่ากับตอกฝาโลงให้กับ พล.อ. บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์
ยากเป็นอย่างยิ่งที่เมื่อสูญเสียการนำไปแล้วจะสามารถพลิกฟื้น
หวนกลับมาชูธงนำได้อย่างองอาจ
ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
บริพัตร ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะสภาพที่เคยครอง
อำนาจได้จบสิ้น สภาพที่ครองการนำได้ยุติ
ที่เหลือให้เห็นก็เป็นแต่เพียง "ซาก"
http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01011255§ionid=0116&selday=2012-12-01
บอกสั้นๆ ว่า "เห็นด้วย" ส่วนใครอยากจะโพสต์โต้แย้ง ก็เชิญได้ตามสบาย
เพราะ พี่..ก็อยากเห็นการโต้แย้ง ว่าอะไรที่เขามองคนละมุมกับเรา ...
แบบ "คุณวอน" ที่ไม่ค่อยจะเห็นด้วย กับ "มติชน" แต่เวลาโพสต์
ผู้จัดการ หรือ แนวหน้า ไม่ค่อยจะมีความเห็นเพิ่มเติม ไม่อยากเชื่อนะว่า
พี่ท่านจะชอบ แบบ เปรียบนายกฯหญิง กับ "ผีขนุน" แต่เห็นเฉยๆ