ความล้มเหลวขององค์การพิทักษ์สยามนำโดย เสธ.อ้าย ในการระดมมวลชน
ออกมาขับไล่รัฐบาลวันเสาร์ 24 พฤศจิกายน ไม่ใช่เป็นเพราะมีคนมาร่วมน้อย
แต่โดนตำรวจตั้งด่านสกัดหลายชั้นในต่างจังหวัดจนเข้าเมืองหลวงไม่ได้
ความสำเร็จในการสกัดกั้นมวลชนเป็นความสำเร็จ เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ
ในการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรตำรวจ ทั้งในการวางแผน การสั่งงาน ความเป็น
น้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม้ถูกมองว่าละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ
เป็นปัญหาหรือไม่ ช่วงการสกัดกั้นไม่ใช่ประเด็นน่าห่วง เมื่อกุมอำนาจรัฐไว้ได้
เด็ดขาด ตำรวจย่อมจัดการได้ เพราะเป็นฝ่ายรับคำร้อง การแจ้งความ การทำ
สำนวนเอง จัดการความหนักเบา หรือเป่าให้ไม่เหลือความเข้มข้น
การระดมตำรวจจากต่างหวัดเข้ามากว่า 2 หมื่นคน ตามคำประกาศของ
สิงห์เหลิม ว่าจะมีกองกำลังรวม 5 หมื่นคน ถือว่าเป็นความสำเร็จภายใน
เวลาอันรวดเร็ว การจัดการที่มีประสิทธิภาพ ไม่แยแสเสียงบ่นของประชาชน
นี่เป็นไปตามคำพูด ไม่คำนึงถึงวิธีการ ผลสำเร็จเป็นตัวชี้วัด สะท้อนให้เห็น
ความผยองของอำนาจตำรวจ คงได้สร้างความสยองให้ผู้นำกองทัพ ซึ่งถูก
ตีเส้นให้อยู่ในหน่วยบัญชาการจนหมดสภาพ กระดิกตัวช่วย เสธ.อ้าย ไม่ได้
<
<
<
แม้จะไม่ใช่การ รัฐประหาร อย่างที่เป็น coup detat โดยกองทัพเหมือน
ในอดีต รูปแบบการวางกำลังตำรวจในทำเนียบรัฐบาล ปิดกั้นหน้ากองบัญชาการ
ทหารในพื้นที่ต่อเนื่องกับบริเวณถนนราชดำเนิน เช่นกองพลที่ 1 กองบัญชาการ
กองทัพภาคที่ 1 และกองบัญชาการกองทัพบก เป็นตัวชี้ชัดเจน
นี่เป็น stage of siege คือการควบคุมอำนาจ กลไกรัฐ เพียงแต่ว่าเป็นการกระทำ
โดยฝ่ายเดียวกัน เพื่อประสิทธิภาพ หวังผลในความสำเร็จเด็ดขาด
กำลังตำรวจพร้อมจะแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ถ้าเห็นการเคลื่อนไหวของ
กองกำลังที่ถูกมองว่าเป็นปฏิปักษ์ หรือการทำรัฐประหารโดยกองทัพ! ดังนั้นเรื่อง
ของการ นัดแล้วไม่มา ตามเสียงร่ำลือ เพราะมีความเสี่ยงสูง
การลังเลในการตัดสินใจ 5-6 ครั้ง รีๆ รอๆ จนไม่เคลื่อนไหว เพราะประเมินแล้วว่า
ทำไม่ได้ เมื่อมวลชนไม่ออกมาหลายแสนคนตามที่หวังไว้! เมื่อไร้เงื่อนไข ตำรวจ
วางกำลังไว้รัดกุม ย่อมต้องเลิกล้มแผน มาตามนัดไม่ได้
การโอดครวญของ เสธ.อ้าย ต่อเพื่อนทหารรุ่นน้อง ย่อมมีพื้นฐาน!
การเคลื่อนกำลังตำรวจทำให้ได้เห็นความพร้อมทุกด้านในการจัดการม็อบต่อต้าน
หรือขับไล่รัฐบาล เพราะได้ตำรวจทุกระดับ ทั้งในท้องถิ่นออกไป จัดการ ละเมิด
สิทธิ์ คุกคาม ข่มขู่ เจ้าของรถบัส รถตู้ แกนนำมวลชน
<
<
<
การรบจบเพียงฉากเดียว สงครามภาคสนามยังเพิ่งเริ่ม แต่ละฝ่ายต้องประเมิน
วางลูกล่อลูกชนกันใหม่ ครั้งต่อไปจะรุนแรง ถึงเลือดตกยางออกมากว่า
วันที่ 24 พฤศจิกายน ย่อมขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อม และเดิมพันชิงเมือง
กองกำลังสีกากีคงไม่แสดงการประนีประนอม เมื่อถูกปั่นหัว เป่าหูให้มีแนวคิด
เชิงปฏิปักษ์ต่อประชาชน ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นกองกำลังพิทักษ์ทรราช
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000146314
อย่างเคยค่ะ ....ตามอ่านเต็มๆจากlink
เอามาฝากคุณมุสตาฟา ...ที่ร่ำร้องจะอ่าน ..โสภณ...nonแดง หลายคนคงชอบ
ก็แปลกดีนะ เมื่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากเสียงข้างมาก กลายเป็น
ทรราช และ "โสภณ" ก็เสียดาย เสียอกเสียใจ ที่ทหารไม่มาตามนัด
ยามที่ใครๆ ก็ชื่นชมตำรวจ โสภณ..บอกตำรวจเป็นกองกำลังพิทักษ์ทรราช
วุ๊ย ...อยากให้เกิด ...รัฐประหารใจจะขาด ...ทำไมไม่เกิดว้าาาาา ....