ถือเป็นก้าวย่างฤดูแข่งขันเลือกตั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิป้ตย์กำลังเตรียมตัวเผชิญในอีกราว 60 วันข้างหน้า
การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.
ซึ่งโดยรูปการณ์ หากไม่กล่าวถึงสมัยจำลอง ศรีเมือง คนของพรรค ปชป.ครอบครองตำแหน่งนี้มาอย่างผูกขาดหลายสมัยต่อเนื่อง
กระทั่งมาถึงยุคคุณชายสุขุมพันธุ์ ที่กำลังจะหมดวาระลง อาการร้อนๆหนาวๆของ ปชป. จึงส่อแววปรากฏอย่างปิดไม่มิด เพราะผลงานของผู้ว่า กทม ล่าสุด ไม่ก่อความประทับใจมากนักต่อคนกรุง หนำซ้ำยังมีปรากฏการณ์นำประเทศขายหน้าระดับโลกจากความล้มเหลวของบางกอกอารีน่า สร้างไม่เสร็จทันต่อการแข่งขันแมชท์สำคัญที่ไทยเป็นเจ้าภาพชิงแชมป์โลกฟุตซอล.....ที่เพิ่งจบไปหมาดๆแบบทุลักทุเล
ที่น่าหนักใจไปกว่านั้น คือแคนดิเดตจากเพื่อไทยที่จะส่งลงชิง ตามกระแส มีสองตัวเลือก คือ พล.ต.อ พงศพัศ และคุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ ซึ่งถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงและผลงานต่อสาธาณะอยู่ในชั้นพระกาฬยอมสยบทั้งคู่
หาก ปชป.ไม่หนักใจ ถือว่าผิกปกติวิสัยอยู่ไม่น้อย
แต่นั่นเป็นปัญหาของพรรคเก่าแก่อนุรักษ์นิยมที่ครองใจคนกรุงมายาวนาน
สำหรับพรรคเพื่อไทย ต้องตัดสินใจส่งใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ลงเป็นคู่ชิง ค่อนข้างแน่
ในฐานะคนเสื้อแดงคนหนึ่งที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ถ้าผมมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ผมจะเสนอ...
คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ !
เหตุผลประกอบเท่าที่สำนึกบอกได้คือ ตบะและบารมีของคุณหญิงหน่อยค่อนข้างฉายแวววาว และดูขลังกว่าท่านพงศพัศ
อาจเนื่องเพราะคุณหญิงหน่อยมีประสบการณ์ทางการเมืองมาก รู้ปัญหากรุงเทพฯแล้วอย่างปรุโปร่ง หากผสานแนวคิดแบบทันสมัยของเพื่อไทยเข้าไปด้วยย่อมเปิดโอกาสให้กรุงเทพฯพลิกสู่โฉมใหม่ แปลกแยกไปกว่าแนวคิดแบบเดิมๆของพรรค ปชป
กรุงเทพฯจะได้ทันสมัย และเป็นมหานครที่น่าอยู่มากกว่านี้
ส่วนท่านพงศพัศ ท่านควรก้าวต่อไปสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่มีรอรับท่านแล้วอย่างมั่นคง (ตราบที่เพื่อไทยยังครองอำนาจ) ให้ท่านก้าวไปสู่จุดยอดของสายนี้ก่อนที่จะมารับงานใหญ่ทางการเมืองมากยิ่งขึ้นในโอกาสต่อไป
ไม่มีคำว่าสายสำหรับคนเก่ง คนดี อย่างท่านพงศพัศ
ที่สำคัญคือ ยุคนี้สตรีครองเมือง....มีนายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรีคนแรกในประวัติศาตร์ได้ ก็คงไม่ยากอะไรหากจะมีผู้ว่า กทม. เป็นสตรีคนแรกมาจากการเลือกตั้งได้เช่นกัน
เท่ดีนะผมว่า !