คอลัมน์ มติชน 6 ธันวาคม 2555
ไม่ว่าจะโดยหลักการหรือด้วยเหตุผลทางการเมืองรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
และพรรคร่วมมีความจำเป็นต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ลุล่วง
คำถามนอกจากแก้อะไรแล้ว
ก็คือเมื่อไหร่?
3 ธันวาคม คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติม
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 แถลงว่า คณะทำงานมีข้อสรุป 4 ประเด็น คือ
1.ต้องลงมติร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ที่ค้างอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญ
กำหนดให้ลงมติวาระ 3 ใน 15 วันหลังจากลงมติวาระ 2 ไม่เช่นนั้น
จะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
2.เริ่มต้นรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ตั้งแต่
วันที่ 10 ธันวาคม
3.กรณีประชามติ หลังการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จจะต้องถามความเห็น
ของประชาชนอยู่แล้วว่าต้องการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จึงสอด
คล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
4.กรณีการแก้ไขรายมาตรานั้น เป็นอำนาจของรัฐสภาที่จะทำได้
แต่ให้ลงมติวาระที่ 3 ก่อน
ทันควัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาล
อย่าสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่โดยการเดินหน้าลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติม
รัฐธรรมนูญ วาระ 3
เพราะหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมี คำวินิจฉัย สังคมรู้สึกว่ามีทางออก ไม่เห็น
เหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะทำให้กลับมา ขัดแย้งกันอีก ผลการสำรวจความเห็น
ของประชาชนก็สะท้อนออกมาแล้วว่ารัฐบาลควรจะชะลอการลงมติร่างแก้ไข
เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
"ประเด็นวินิจฉัยของศาลมี 4 ประเด็น ความเห็นของศาลในประเด็นที่สอง
บ่งบอกว่าหากเดินหน้าต่อไปก็จะเกิดการเผชิญหน้ากันต่อไปอีก หาก
รัฐบาลเดินหน้าลงมติวาระ 3 ในสภาคงมีการโต้แย้งกันรุนแรง และ อาจจะ
ต้องมีการนำเรื่องกลับไปสู่ศาล รวมทั้งเกิดการเผชิญหน้าในสังคมด้วย"
สอดรับกันทันที
คนหน้าเดิมอย่าง กลุ่ม 40 ส.ว. โดย นายสมชาย แสวงการ และ นายประสาร
มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา เปิดแถลงคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกทาง
ด้วยเหตุผลว่าเป็นการกระทำขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ตามมาด้วยคำเตือนแกมขู่
"ดังนั้น อยากเตือนเพื่อน ส.ว. และ ส.ส. หากจะลงมติในวาระ 3 จะสุ่มเสี่ยง
ต่อการกระทำขัดต่อคำสั่งของศาล อาจส่งผลต่อการยุบพรรคและพ้นจาก
สมาชิกภาพได้"
และนายประสารตอกย้ำเป้าเดิมที่เพ่งมาตลอดว่า
"หากมีการแก้มาตรา 309 ก็จะมีผลให้คดีของอดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในการ
พิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
(คตส.) ต้องถูกยกเลิกไปด้วย"
แม้จะมีกองหนุนอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ หนึ่งในแกนนำคน
เสื้อแดง ที่ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นปัญหา ถ้าไม่รีบแก้ประเทศก็
จะยิ่งวุ่นวาย
ที่มีข่าวว่าล็อบบี้ ส.ว.เลือกตั้ง ให้มา สนับสนุน ก็ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
เพราะคนที่มาจากการเลือกตั้งต้องทำงานเพื่อประชาชนอยู่แล้ว ไม่เหมือน
กับ ส.ว.ลากตั้ง ที่เป็นพวกเสียประโยชน์
และที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความขัดแย้ง
รอบใหม่ ตนไม่เห็นด้วย เพราะถึงไม่มีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ บางพรรคที่แพ้
เลือกตั้งบ่อยๆ ก็หาข้ออ้างมาล้มรัฐบาลอยู่แล้ว
ก็มองข้าม "เสียงต่าง" ที่ปรากฏขึ้นภายในพรรคเองไม่ได้
เสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็คืออยากให้นำเรื่องนี้เข้า
ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง เพราะเรื่อง ที่สร้างความขัดแย้งต้องค่อยๆ
พิจารณา เพื่อให้เกิดการตกผลึก โดยที่ประชาชนเข้าใจ และยอมรับได้
"รัฐบาลจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่สิ่งไหนนำไปสู่ความขัดแย้ง ไม่ควรทำ
"อยากให้รัฐบาลมีเวลาในการทำงานไม่ใช่ใช้เวลาไปกับการดูแลการชุมนุมต่างๆ"
เห็นไหมเล่าว่า รัฐธรรมนูญ 2550 นั้น ทั้งมากด้วยฤทธิ์เดช และปัญหา
แค่หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ก็เห็นเค้าลางปั่นป่วนแล้ว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354763969&grpid=01&catid=&subcatid=
"อภิสิทธิ์" เตือนโหวต รธน.วาระ 3 พาขัดแย้ง ดักคอ "ยิ่งลักษณ์" อย่าลอยตัว
วันนี้ (6 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำ
ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การที่รัฐบาล
พยายามเร่งผลักดันลงมติการแก้ไขในวาระ 3 นั้น รัฐบาลทราบดีอยู่แล้ว ว่า
เรื่องนี้จะเป็นปมที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม ซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง
ดำเนินการ เพราะเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์กับเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น
และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะ
ปัดความรับผิดชอบให้เป็นเรื่องของสภาฯไม่ได้ เพราะเป็นผู้บริหารราชการ
แผ่นดินโดยตรง หากเกิดอะไรขึ้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
นายอภิสิทธิ์ ยังระบุเพิ่มเติมว่ารัฐบาลควรจะให้ความสนใจแก้ปัญหาเรื่องอื่น
เช่น โครงการรับจำนำข้าว การแก้ปัญหาความรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้
การขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ที่จะเป็นปัจจัยส่งผลให้ค่า
ครองชีพในประเทศสูงขึ้น รวมไปถึงการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ใน
ประเทศที่มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นและก่อการร้าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ
และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องเข้า
มาดูแล และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ร่วมกัน แต่ขณะ
นี้รัฐบาลกลับยังไม่ส่งสัญญาณเพื่อแก้ไขเรื่องดังกล่าวเลย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354766225&grpid=&catid=01&subcatid=0100
หึ หึ..เอามายืนยันยันนะคะ ที่เขาบอกว่าแตะปุ๊บ ป่วนปั๊บนะ ...ใช่เลย
comment บันทัดเดียวนะ ... มีอะไรป่ะ ????
อิทธิฤทธิ์รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ 2550 แตะปุ๊บ-ป่วนปั๊บ ...มติชนออนไลน์
