เรารู้จักแต่คำพูดว่าเสียงส่วนใหญ่ แต่เราไม่ยอมรับกับผู้ได้เสียงส่วนใหญ่ กติกาบ้านเมืองมันจึงวุ่นวายขนาดฆ่ากันตาย ถึงแม้ตายพร้อมกันแต่คนละสีก็ไม่อยากฝังข้างๆกัน เพราะเกิดจากการปลุกระดมของคนที่ไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่นี่แหละ ยัดเยียดให้เกิดความเกลียดชังกับพวกตรงข้าม เพราะคิดว่าเมื่อคนเราเกลียดฝั่งตรงกันข้ามซะแล้วก็เหมือนกับการเพิ่มจำนวนของฝ่ายตัวเอง ถ้าใช้ความจริง เหตุผล ในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามก็ถือเป็นปกติ แต่นี่กุเรื่องใส่ร้ายกันจนมีพวกหลงเชื่อคำลวง ทำให้โกรธ มีชีวิตอยู่ได้เพราะมีแต่ความเกลียดเป็นลมหายใจ
กลุ่มคนพวกนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศมาก เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกันแต่เกลียดกันแต่จำเป็นต้องอยู่บ้านเดียวกัน ประเดี๋ยวเดียวครอบค้รัวนั้นก็ลุกเป็นไฟ
ถ้าทั้งหมดทั้งมวลเรายอมรับเสียงส่วนใหญ่กัน ถ้าเกิดพรรคนั้นทำไม่ดี ทำเลว ผู้คนทั้งหลายในประเทศเขาเห็น เขาพิจารณาเป็น เมื่อเขาไม่ยอมรับเขาก็ถอนตัวออกไป พรรคนั้นก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อย ก็ต้องยอมรับกติกาให้พรรคเสียงส่วนใหญ่ปกครองประเทศ
แต่นี่สู้ไม่ไหว รอก็ไม่ไหวเพราะดูว่านานเกิน เล่นเอากลุ่มคนจัดตั้งหลายๆกลุ่มมาก่อให้เกิดความวุ่นวาย สร้างวลีบ้าๆปัญญาอ่อนว่าให้ยอมรับและทำตามเสียงข้างน้อยบ้าง เผด็จการรัฐสภาบ้าง รวมกันกับทุกม็อบซึ่งสร้างความเกลียดจนลุกโพลง จะล้มเสียงข้างมาก ล้มรัฐบาลที่ถูกต้องตามกติกาอย่างเดียว
ตอนนี้ผลพวงของความโกรธเกลียดได้ออกดอกออกผลแล้ว พวกเราท่านค่อยๆนึกดูว่าพวกใด ฝ่ายใด ที่อาศัยการใส่ร้ายทำให้เกิดความเกลียดเป็นวิธีหลัก ไม่ต้องบอกว่าพวกตัวเองดียังไง ทำงานดียังไง อาศัยแต่บอกว่าคนฝั่งตรงข้ามเลวอย่างไรและการอ้างเบื้องสูงมาเป็นวิธีกำจัดฝ่ายตรงข้ามผมถือว่าเป็นการเมืองหรือกลุ่มคนจัดตั้ง องค์กรอิสระ ฯเหล่านี้เป็นผู้ที่เลวยิ่งกว่าความเลวทั้งปวง แล้วเขาจะรับผิดชอบหรือแก้ไขได้หรือ ไม่มีทางครับ เหมือนคนจุดไฟป่ามันง่าย แต่ดับมันยาก บางที่เป็นปียังดับไม่ได้ ฉันใดฉันนั้น
การแก้ไขมันยากครับเพราะยังมีพวกไม่อยากให้แก้ไขอยู่ แต่ถ้าเมื่อใดที่มีความยุติธรรม เมื่อใดที่มีปัญญา พร้อมๆกันก็ถึงจะแก้ไขความแตกแยกของชาติ บ้านเมืองได้ครับ
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 09:51:50
แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 23:38:44
แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 23:30:57
แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 55 23:27:47