 |
ผมสงสัยว่า จขกท.เอาภาพในคห.ที่ 1 มาทำไม
ตัดมาไม่ครบเพื่อแสดงภาพให้เห็นว่า ประหยัดเงินไปได้ สองแสนกว่าบาท
หรือต้องการให้คนอื่นคิดต่อว่า 15% เป็นเงิน 255,000 บาท
แบบนี้บริษัทต้องจ่ายเงินเพิ่มเท่าไหร่
ค่าจ้างจ่ายเพิ่มไปคนละ 85 บาท วันนึงก็ 8,500 บาท ทั้งปี ก็ 1,700,000 บาท
แล้วยังต้องจ่ายประกันสังคม ถ้าอัตราปกติ (ตอนนี้มีลดอยู่ ปีหน้าก็เห็นว่าจะลด แต่ไม่รู้ว่าลดเป็นเท่าไหร่แน่) ในส่วนของนายจ้างก็ 5% ก็อีก 85,000 บาท
แล้วยังมีเรื่องกองทุนเงินทดแทนอีก ถ้าเป็นโรงงานอาจจะประมาณ 1% ก็อีก 17,000 บาท
เอาแค่ที่ต้องจ่ายให้ประกันสังคมก็พอ จะเห็นว่า มันไม่ได้ประหยัดไป สองแสนกว่าบาท แต่มันเป็นเรื่องชัดเจนอยู่แล้วว่า ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 1,800,000 บาท หักที่ประหยัดไปได้ สองแสนกว่า บาท
สรุปก็คือ ต้องจ่ายเพิ่ม 1,500,000 บาท
สมมติว่า เป็นโรงงานขนาดเล็ก ใช้เครื่องจักรไม่มาก ใช้แรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ ค่าแรงคิดเป็นประมาณ 50% ของต้นทุนการผลิต
การเพิ่มค่าแรงขึ้นอีก 30% ก็เหมือนกับว่า เพิ่มต้นทุนไปอีก 15%
มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แบบตัดแปะยกตัวอย่างแน่ ๆ
แล้วผมไม่เชื่อว่า เนื้อหาเต็มของบทความที่ยกตัวอย่าง จะแสดงแบบที่จขกท.จะให้เข้าใจ
อาจจะพูดในแง่ การลดภาระภาษีจริง แต่คงไม่สื่อไปว่า บริษัทจะอยู่ได้ เพราะหลังจากค่าแรงเพิ่มล้านกว่า ได้ลดภาษีมาสองแสนกว่า การอยู่ได้หรือไม่ได้ คงไม่ใช่แค่นี้แน่ ๆ
| จากคุณ |
:
Lpg_Horse 
|
| เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 55 07:04:58
A:110.171.132.154 X:
|
|
|
|
|
ค่าแรง 300 ทำพิษจริงหรือ sme เจ๊งจริงหรือ โรงงานย้ายไปประเทศเพื่อนบ้านจริงหรือ
