ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุคส่วนตัว หัวข้อ "บนเส้นทางไปสู่ชุมชนนคร"
ถึงกรณีการตีความ บทอาเศียรวาท ที่ตีพิมพ์ในมติชน ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม
2555 กระทั่งเกิดกระแสความคิดเห็นต่างๆ ในสังคมอินเตอร์เนต โดย
ดร.เกษียร กล่าวถึง นิยายปรัชญาการเมืองเรื่อง "การิทัตผจญภัย" ตอนหนึ่ง
ถึงลักษณะของชุมชนนคร ที่เจตนาของผู้พูดผู้แต่ง ไม่สำคัญเท่าการตีความ
ของผู้อ่านที่พร้อมจะตัดสินวินิจฉัยตามนั้น มีใจความดังนี้
...
"บนเส้นทางไปสู่ชุมชนนคร"
(จวกยับ มติชน อาเศียรวาทกำกวม-ไม่เหมาะสม แจงวุ่นยันเปรียบเทียบ
ฟ้าสว่าง กับ ฟ้าครึ้ม, ผู้จัดการออนไลน์, http://web.parliament.go.th
/news/news_detail.php?prid=355679)
ข่าวคราววันสองวันนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนหนึ่งของนิยายปรัชญาการเมือง
เรื่องการิทัตผจญภัย.....
การิทัตตั้งข้อสังเกตหลังจากออกจากประโยชน์นคร (ซึ่งเน้นหลักประโยชน์
สุขสูงสุดของคนจำนวนมากที่สุด) มาแล้วไปได้กลิ่น อาหารนานาชาติบน
ท้องถนนชุมชนนครว่า ประโยชน์นครนั้นปลอดกลิ่น เพราะทำแต่อาหารบำรุง
สุขภาพแต่กลิ่นรสไม่เอาไหน เช่น สลัดผักเซเลรี่และขนมปังโฮลวีต
ทว่าหากดูจากประสบการณ์ที่เขาเผชิญต่อมาในชุมชนนครอันเต็มไปด้วย
เอกลักษณ์ชุมชนหลายหลากมากมาย แต่ละเอกลักษณ์ก็ถือหลัก "ของใคร
ของมัน" และ "เคารพกันและกัน" และ "ห้ามก้าวร้าวล่วงเกิน" แต่ละชุมชน
คอยหวาดระแวงตลอดเวลาว่าใครจะมาดูหมิ่นเอกลักษณ์ของตัว รวมทั้งถือ
สาเรื่องลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขนาด "ริบเอกลักษณ์ทางสังคมและร่างกายกัน"
เลยแล้ว
ก็คงต้องสรุปว่าชุมชนนครนั้นปลอดเสียง ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากสนทนา
ปราศรัยกับใครมากความ มิพักต้องพูดถึงการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกลัว
จะผิด "ประมวลกฎการพูด" หรือไปก้าวร้าวล่วงเกินลบหลู่ดูหมิ่นเอกลักษณ์
ใครเข้าโดยไม่เจตนา
และในชุมชนนครนั้น เจตนาของผู้พูดผู้แต่งไม่สำคัญ ยึดเอาการตีความ
ของผู้อ่านผู้ฟังเป็นสรณะ แล้วตัดสินวินิจฉัยตามนั้นเลย!
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354822500&grpid=03&catid=&subcatid=
เพื่อไม่ให้ตก trend ขอเรื่อง "อาเศียรวาท" อีกสักที
อย่างนี้จะเรียกว่า คนต่อต้าน "โหนเจ้า" ไหม?