ความคิดเห็นที่ 1 อันนี้เป็นข้อมูลจากสถานีรถไฟเชียงใหม่ ข้อมูลอาจจะเก่าไปหน่อย แต่คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพได้ จากตัวเลขผู้โดยสารต่อปี ที่โดยสารรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ มี 200,000 คน ต่อปี หรือถ้าเอา 365 ไปหาร จะได้วันละ ประมาณ 550 คน (เข้าใจว่าน่าจะเป็นการนับที่เฉพาะที่ขึ้นรถไฟล่องใต้ ไม่น่ารวมที่มากับขาขึ้นจากกรุงเทพมา) ในขณะที่มีจำนวนเที่ยวรถไฟอยู่ประมาณ 2500 ขบวน(ขาเดียว)ต่อปี หรือตกประมาณวันละ 7 ขบวนต่อวัน หรือพูดง่าย ๆ ว่า มีรถไฟออกจากเชียงใหม่ วันละ 7 ขบวน เมื่อเอาไปหารกับจำนวนผู้โดยสาร ก็จะได้ว่า ขบวนนึง (น่าจะหลายโบกี้) จะมีผู้โดยสารนั่งอยู่ 80 คน แล้วถ้าดูจากสถิติ จะเห็นว่า จำนวนผู้โดยสารก็ลดลงเรื่อย ๆ ก็ไม่รู้ว่า แบบนี้ การรถไฟจะอยู่ไปได้อย่างไร จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:21:55 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ผมฟังประภัทธ์พูดช่องเนชั่นเมื่อเช้า ไม่มีรถไฟประเทศไหนในดลกมีกำไร.. ถ้าคิดแต่เรื่อง กำไร-ขาดทุน(เม็ดเงิน) ---------------------------- ทำไมไม่คิดเรื่องสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะ(การใช้รถน้อยลง/น้ำมันน้อยลง/นำเข้าน้อยลง/) การช่วยปชช.รายได้ต่ำ(ที่ต้องบริการต่ำกว่าต้นทุน)และอีกหลายอย่าง(ผมจำไม่ได้)  เข้าไปด้วย ถ้ารวมๆพวกนี้ ที่รถไฟ เข้ามาซับไว้  จะเห้นว่า  ขาดทุนไม่มาก   ตอนนี้ กำลังเร่ง ปรับปรุง ขยายรางและอื่นๆอย่างเร่งด่วน(ประมาณนี้ป จากคุณ : แตงโมรังสิต เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:48:28 A:124.121.204.203 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่า ผดส. ของรถไฟมีเยอะนะครับ ทุกวันนี้คุณลองไปซื้อตั๋วตู้นอนสิ (ไปเชียงใหม่นะ) ถ้าคุณไม่จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นี่แทบจะไม่เหลือแล้วครับ ถ้าเหลือๆแต่เตียงบน ซึ่งมันปีนลำบาก+ไม่เห็นวิวอะไรเลย ชั้น1 นี่เต็มทุกเที่ยวนะครับ ส่วนทีตัวเลขที่คุณว่ามันน้อยลง ไม่ใช่เพราะไม่มี ผดส. แต่ขบวนรถมันต้องเลิกวิ่ง เช่น หัวลากไม่พอ เกิดอุบัติเหตุตู้โบกี้เสียหาย (ตกราง เชียงใหม่ล่าสุดตู้นอนก็พังไปหลายโบกี้) หัวลากเก่ากำลังตกกลายเป็นต้องพหุ(ใช้2หัวลากขึ้นเนินขึ้นเขา)ฯลฯ สรุปคือ รถไฟทุกวันนี้ ถึงไม่ตรงเวลาก็ยังขายได้ มี Demand แต่ที่การรถไฟจะไม่รอด เพราะการบริหารจัดการเท่านั้น ที่ทำให้กำไรไม่มี ไม่มีเงินไปซ่อมบำรุง หรือจัดซื้อหัวลาก หรือปรับปรุงตู้ รวมถึงแม้แต่ทาง(ราง) ทำให้การปรับปรุงซ่อมแซมต่างๆล่าช้า เพราะต้องรองบ(ไม่มีกำไรให้ใช้ ก็ต้องรอบงบรัฐบาลอย่างเดียว) ถ้า รฟท มีการบริหารจัดการให้มีกำไร เงินกำไรก็จะนำมาปรับปรุงต่างๆที่ว่าไปแล้ว รฟท ก็จะดีขึ้นครับ ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าไม่ใช่พนักงาน รฟท ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ผมว่ากลไกการบริหารของ รฟท นั่นแหละ ที่ชุดรั้งองค์กร ซึ่งองค์กรต้องปรับโครงสร้างให้เป็นไปตามสถานะการณ์ปัจจุบัน กลไกที่บริหารอยู่ตอนนี้ของ รฟท มันใช้กฎหมายตั้งแต่กี่ปีที่แล้วเนี่ย (ที่ผม Search อากู๋ดูก็เจอ พระราชบัญญัติ การรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494) 61 ปีมาแล้ว!!!!!!! แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 16:55:30 จากคุณ : ไม่ออกนาม เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:53:32 A:203.121.162.77 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ปฎิรูป จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:54:24 A:58.64.107.191 X:

ความคิดเห็นที่ 5 คือผมดูตัวเลขแล้วมันหดหู่ ก็รู้ว่าผู้โดยสารน้อย แต่ไม่คิดว่ามันจะน้อยขนาดนี้ ยิ่งถ้าหากเราคิดช่วงหน้าเทศกาล ที่รถไฟเต็มทุกขบวนเข้าไป น่าจะไม่ต่ำกว่าขบวนนึง หลายร้อยคน วันนึงสัก 3000 คน ปีนึงก็สิบกว่าวัน รวมแล้วน่าจะสัก 50,000 คน หมายความว่า ในอีก 340 วัน จะมีผู้โดยสารรวม 150,000 คน เหลือวันนึง 440 คนเอง ตลอดเส้นทาง มีพนักงานการรถไฟทำงานกี่คน แล้วแนวโน้มก็เห็นว่า ลดลงเรื่อย ๆ ด้วย จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:55:39 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ารถไฟดี คนก็จะหันมาใช้รถไฟมากขึ้น เหมือนต่างประเทศ ในยุโรปหรือญี่ปุ่น ข้อดีของรถไฟมีมากมาย แม้จะไม่เร็วเท่าเครื่องบิน แต่ก็ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องไปถึงก่อนเวลานานๆ ราคาที่ถูกกว่า ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงสามารถไปถึงเชียงใหม่ได้ในเวลา 3 - 4 ชั่วโมง ทำไมคนจะไม่มีใช้ ที่ตอนนี้คนใช้น้อยก็เพราะรถไฟไทยล้าสมัยที่สุดในโลก มีนโยบายถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง สกปรก เก่า ไม่มีความน่านั่ง แล้วใครจะมาขึ้น จากคุณ : conia เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 16:58:23 A:61.90.46.230 X:

ความคิดเห็นที่ 7 คุณไม่ออกนามครับ ประเด็นนี้แหละที่ยิ่งน่าสนใจ เพราะช่วงหน้าเทศกาล ผู้โดยสารเยอะมาก ยิ่งทำให้ค่าเฉลี่ยในวันทั่ว ๆ ไป ต่ำลงไปอีก ไม่แน่ว่าอีกหน่อยรถไฟอาจจะต้องเดินรถเฉพาะหน้าเทศกาลก็ได้ เพราะวันธรรมดาเดินรถแล้วไม่คุ้มค่า ผู้โดยสารน้อยเกินไป หรือลดจำนวนขบวนต่อวันลงไปอีก ก็เหมือนกับตัดรายได้ลงเรื่อย ๆ เพราะค่าใช้จ่ายของการรถไฟแทบจะลดอะไรไม่ได้ พนักงานประจำรายทางก็เยอะแยะ ถ้าลดขบวน ก็ต้องจ้างเท่าเดิม เพราะเป็นการทำงานเฉพาะจุด จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:02:21 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ลุยๆ อย่าแค่มาขายฝันละกัน ขอให้สร้างไวๆครับ จากคุณ : bigbasna_survey41 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:04:08 A:115.87.225.97 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องเคยเดินทางครับ ในช่วงนี้ผมจะไปเชียงใหม่ ก็ไปรถบัส เพราะ หลายบริษัทให้เลือก มันสะดวกสบาย เดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง เบาะนวดไฟฟ้า  เกมส์ หุฟัง ทีวีจอเล็ก ให้เลือก หลับสบายกับนครชัยแอร์ แล้วลองเทียบรถไฟครับ  มันคนละเรื่อง  ลมโกรกหัวบาน ม่านไม่ซัก นอนไม่ลง คันเนื้อตัวตลอดการเดินทาง แต่ถ้าไปเชียงใหม่ 3 ชั่วโมง โดยรถไฟความเร็วสูง  คนเดินทางก็กลับไปนั่งรถไฟ แล้วรถทัวร์ก็จะน้อยลง การจราจรก็จัไม่ติดขัด   เอาเถอะน่า มันไม่ขาดทุนหรอก  ลองให้เขาทำดู  อย่าคิดมาก จากคุณ : ไตรทศ เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:14:14 A:203.114.124.90 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ส้มขอเห็นแย้งกับคุณ แอลพีจีนะคะ เพราะคูณแอลพีจีใช้ลูกค้า การรถไฟมาคิด ซึ่งส้มคิดว่าไม่ถูกต้องนัก การที่มีรถไฟความเร็วสูง น่าจะมีกลุ่มเป้าหมายอื่น คิดง่ายๆจากราคาก่อน หากคิดที่ กม.ละ2บาท กทม.-เชียงใหม่(ประมาณ700กม.) ค่าโดยสาร1400 บาท ราคาน้องๆเครื่องบิน ราคาพอๆกับรถไฟชั้น1ปรับอากาศ ราคาของรถทัวร์VIP ก็ประมาณ700 เพราะฉะนั้น กลุ่มเป้าหมายคือ 1.ลูกค้ารถทัวร์เก่าที่ต้องการเวลาเดินทางน้อยลงยอมจ่ายมากขึ้น 2.ลูกค้าเครื่องบินที่ลำบากในเรื่องตั๋วและการเดินทางจากสนามบิน(ราคาเกือบเท่าตั๋วเครื่องบิน ฮา) 3.ลูกค้ารถไฟ เฉพาะพวกที่ใช้ชั้น1และรถนอนชั้น2 ยอมเพิ่มเงินเพื่อแลกกับความเร็ว ส่วนลูกค้ารถไฟเก่าโดยเฉพาะชั้น3 อย่างไรก็คงไม่มานั่งรถไฟความเร็วสูงแน่นนอนค่ะ จากคุณ : kangsom เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:14:53 A:124.120.183.175 X:

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วไม่คิดว่าผดส. รถทัวร์ เครื่องบินเขาจะเปลี่ยนใจมานั่งรถไฟบ้างหรือครับ จากคุณ : Serial_Nuber เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:16:40 A:171.7.115.211 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่า ผมยังไม่ได้เริ่มคุยรถไฟความเร็วสูงเลยครับ แค่ไปค้นแล้วเห็นตัวเลขผู้โดยสารรถไฟในปัจจุบัน แล้วมันหดหู่แค่นั้นครับ เรื่องรถไฟความเร็วสูง ผมคิดว่าจะหาข้อมูลก่อน ถ้าได้การศึกษาความเป็นไปได้โครงการมาเลยก็จะดีมาก เพราะเห็นข้อมูลเรื่องค่าโดยสารวันนี้กับเมื่อปีก่อนที่ออกมา วันนี้แพงขึ้นเกือบ 50% ซึ่งก็คงทำให้ความเป็นไปได้ของโครงการมีความเป็นไปได้มากขึ้น จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:05:51 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 13 พัฒนาชะทีเถอะนะการรถไฟ ประเทศอื่นเขามีรถไฟความเร็วสูงมาตั้งนานแล้ว ลงมือเลยอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาถึงแม้จะช้ากว่าประเทศอื่นก็เอาวะ จากคุณ : cruahy (cruahy) เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:10:04 A:220.244.111.10 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ผมคิดว่ารายได้หลัก กฟท. มาจากค่าเช่าที่มากกว่ามังครับ จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:11:10 A:58.11.101.177 X:

ความคิดเห็นที่ 15 #12 งั้นส้มคงเข้าใจผิดเอง ขอโทษด้วยล่ะกันค่ะ เพราะเห็นคุณแอลพีจี พูดถึงรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่บรรทัดแรก จากคุณ : kangsom เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:11:36 A:124.120.183.175 X:

ความคิดเห็นที่ 16 บ่อยครั้งปัญหาเกิดจากการเข้าออกไม่ตรงเวลานะครับ เมื่อเข้าออกไม่ตรงกับเวลาที่นัดหมายก็ทำให้วางแผนการเดินทางไม่ได้ ธุระปะปังพังหมดหล่ะครับ คนแก่ที่บ้านผมเค้ายังเป็นแฟนรถไฟเหนียวแน่น แต่เค้ามีเวลานี่ครับ ข้าราชการเกษียณไปเยี่ยมญาติพี่น้อง เวลาผมไปรับเที่ยวเช้าเข้า 8โมง เข้าชานชาลาจริงสิบโมงกว่า ไปส่งทีรถออกทุ่มนึง  ล้อหมุนออกชานชาลาจริง 3 ทุ่ม.. โห แล้วอย่างเราๆ ถ้าหากเร่งๆมีธุระไปกลับวันหรือสองวัน คงต้องขอบายละครับ จากคุณ : blue vespa เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:46:38 A:223.204.27.76 X:

ความคิดเห็นที่ 17 คห.15 พอดีผมแค่คิดอยู่ครับ คุณส้ม ก่อนตั้งกระทู้อยากเตรียมตัวก่อน แต่พอเห็นข้อมูลตัวเลขผู้ัโดยสารรถไฟปัจจุบัน มันน้อยเกินคาด ก็เลยอยากคุยถึงอนาคตการรถไฟก่อน เรื่องการไม่ตรงเวลาของรถไฟ ปัญหาหลักก็คือ ยังไม่มีรางคู่ เวลารถจะวิ่งสวนกันก็เลยต้องรอกัน ดังนั้นพอเกิดเหตุอะไรสักหน่อย ก็ต้องรอกันนาน และพอรอนาน เกิดรถที่มีความสำคัญกว่าตามหลังมาใกล้ ก็ต้องปล่อยแซงไปก่อนอีก ดังนั้นรถไฟธรรมดาของไทย จึงไม่มีโอกาสตรงเวลาได้เลยมั้ง ทั้ง ๆ ที่รถไฟมีสิทธิสูงกว่า รถยนต์ ในการใช้ทางตัด (รถไฟมาต้องให้รถไฟไปก่อน) จริง ๆ แล้วไ่ม่น่าจะมีเหตุให้ช้า แต่ยังไงก็ต้องเสียเวลา ดังนั้นคนจะนั่งรถไฟ ต้องทำใจ ในตั๋วระบุว่าถึง 6.00 น. ก็ต้องเผื่อว่าอาจจะถึง 9.00 น. และก็ต้องเผื่อใจอีกว่า อาจจะถึงหลังเที่ยง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 18:55:17 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 18 อย่าลืมพื้นที่ให้เช่าตามแต่ละสถานีด้วยครับ เงินทั้งนั้น เอากำไรค่าเช่ามาโปะค่าโดยสารก็ช่วยให้ขาดทุนน้อยลง ถ้ารถไฟความเร็วสูงเป็นที่นิยม ค่าเช่าก็แพงขึ้นเพราะลูกค้าเยอะ จุดคุ้มทุนก็เร็วขึ้น ค่าโดยสารก็ลดลง จากคุณ : ความเชื่อเฉพาะบุคคล เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 19:23:19 A:223.205.247.140 X:

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นแล้วไม่อยากอ่านทุกๆๆความเห็นนะ ก็รู้ๆๆกันอยู่ สร้างอะำไรก็สร้างได้ทั้งนั้น ยกเ้ว้นรถไฟ ถ้าไม่กล้าพอ ก็อย่าเสียง.. เดียว ค่ารถยนต์แต่ละยีีห้อ ต่างๆ จะโกรธ เอาได้นะ จากคุณ : เพราพังงา เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 23:02:46 A:14.207.205.132 X:

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเพิ่งประสบมา พ่อแม่ผมเดินทางมาเยี่ยม เมื่อวันที่ 5 ด้วยขบวนรถไฟที่ 170 จากยะลา- กทม  หัวขบวนมาเสียที่สถานีปากท่อ ตั้งแต่ สาย จนกว่าจะเอาหัวจักรสำรองมาลากก็ปาไปบ่าย 2 ผมตัดสินใจขับรถไฟรอที่ ศาลายา เพราะไม่อยากให้นั่งแช่อยู่อีก สรุปแล้ว ระยะทางจาก พัทลุง - กทม = 900 กม อยู่บนขบวนรถ 1 วันเต็มๆ -*- ผมไปยืนรอ นั่งรอที่ ศาลายา อดคิดไม่ได้ว่า เวลาเกิดปัญหาแบบนี้ ดูกลายเป็นเรื่องปกติวิสัย ของการรถไฟไปซะแล้ว ดูไม่ได้เป็นเรื่องร้อนใจอะไรเลย ถึงเวลาก็รับเงินเดือน โบนัส ไม่ถูกใจก็นักกันขนคนไปทิ้งซะดื้อๆ อนาจรถไฟไทย จากคุณ : ตะกรุดเงิน เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 55 16:08:29 A:124.121.124.4 X: