นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงสิ่งที่พนักงานสอบสวน DSI จนท.ตำรวจ และอัยการเห็นตรงกันตามที่นายธาริต แถลงวานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และยืนยันว่าพวกเราทำงานกันในขณะนั้นมีเป้าหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นหน้าที่
ตอนนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาครับ ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายครับ แล้วก็หลังจากที่ผมได้ทราบข่าว ก็คุยกับคุณสุเทพ คุณสุเทพก็ได้โทรศัพท์ไปนัดหมายเรียบร้อยครับ ก็จะเรียกหมายเรียกมาที่พรรค
นายธาริต อ้างว่าการดำเนินคดีกับคุณสุเทพ และคุณอภิสิทธิ์นั้นเป็นความเท่าเทียมกันเพราะว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็ถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงเช่นกัน คุณอภิสิทธิ์มองมุมนี้อย่างไร
ผมไม่อยากเสียเวลาจะต้องมาตอบโต้คุณธาริต เราก็ทำหน้าที่ของเรา แล้วก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เพียงแต่สรุปง่ายๆ ว่าการที่จะบอกว่ามีปัญหาความขัดแย้งขึ้นระหว่าง ๒ ฝ่าย ถ้าดำเนินคดีกับฝ่ายหนึ่งแล้ว ก็ต้องดำเนินคดีกับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ก็เป็นตรรกะที่แปลกมาก ต่อไปนี้ถ้าสมมติว่ามีใครจะมาทำร้ายคุณ คุณอาจจะป้องกันตัว ดำเนินคดีกับคนที่จะมาทำร้ายคุณ แล้วก็บอกว่าเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม คุณเป็นคู่กรณี ก็ดำเนินคดีกับคุณด้วย ก็จะเป็นตรรกะที่แปลกมาก
ส่วนรายละเอียดในเรื่องคดีนั้น ผมก็เอาสั้นๆ นะครับว่า สถานการณ์ขณะนั้นเกิดการชุมนุมซึ่งศาลวินิจฉัยแล้วว่าเกินขอบเขตรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน รัฐบาลขณะนั้นไม่ได้เข้าไปสลายการชุมนุม ตั้งด่าน กรณีของ คุณพัน คำกองนั้น เมื่อทหารเริ่มตั้งด่าน ปรากฎว่ามีรถตู้พยายามฝ่าด่านเข้ามา ก็เกิดการยิงกัน เพื่อสกัดรถตู้ แล้วก็คุณพัน คำกอง ก็บังเอิญอยู่ในบริเวณนั้นแล้ววิ่งออกมาดู แล้วก็เสียชีวิตจากการยิงเข้าใส่รถตู้ จากตรงนี้ก็มาตั้งข้อหาผมกับคุณสุเทพ ก็คือว่าฆ่าคนโดยเจตนา โดยเล็งเห็นผล ผมว่าไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้ครับ
ถ้าถามว่า ในยามที่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ พยายามรักษาความสงบของบ้านเมือง ในขณะที่สถานการณ์รุนแรงบานปลาย เกิดเพลิงไหม้ในกทม. หลายจุด แต่สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์ทำหน้าที่รักษาบ้านเมืองเอาไว้ได้ และสุดท้ายพ้นจากตำแหน่งแล้วมาถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย หนังสือพิมพ์บางฉบับถึงขนาดเอาหัวข่าวต่างประเทศมาว่าเรื่องนี้ลือไปทั้งโลก คุณอภิสิทธิ์รู้สึกอย่างไรต่อประเด็นนี้
อย่างที่บอก มันไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ผมยืนยันว่าพวกเราทำงานกันในขณะนั้นมีเป้าหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นหน้าที่ ถ้าพวกผมไม่ทำหน้าที่ ผมว่าก็อาจจะต้องเจอข้อหาละเว้นเหมือนกัน แล้วก็การทำหน้าที่ของผมทุกอย่างก็ได้สั่งการให้ยึดมั่นปฏิบัติตามกฎหมายแล้วก็ไม่เคยตัดสินใจในลักษณะที่มีเป้าหมายในการที่จะทำให้เกิดการสูญเสีย เมื่อมีการสูญเสียขึ้น พวกผมก็ยอมรับให้มีการสอบข้อเท็จจริงศึกษา รวมไปจนถึงการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่ว่าความพยายามในการสร้างกระแสกดดันอะไรต่างๆ เราก็รับทราบมาโดยตลอด แล้วก็ เป้าหมายตรงนี้ก็เพื่อจะต่อรองในเรื่องของนิรโทษกรรม ก็ยืนยันนะครับ ผมกับคุณสุเทพ ไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว ไม่มีประเด็นไหนที่เราจะเอาไปต่อรองด้วย เดินหน้าต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมครับ
ได้หาทางหนีทีไร แถวพม่า กัมพูชา ไว้แล้วบ้างหรือไม่
ไม่หรอกครับ ผมไม่ไปไหนหรอกครับ นอกจากมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศสุดสัปดาห์นี้เท่านั้นเอง แล้วก็จะกลับมาสัปดาห์หน้า แล้วก็สำหรับมติชน ข่าวสด ก็ต้องปล่อยเขาไปเถอะครับ ผมเห็นเขาทำอะไรที่เลวร้ายกว่านี้เยอะ อย่างเช่นเมื่อวานนี้นะครับ ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ แต่ว่าถามว่าสังคมโลกรู้มั้ย ผมก็คิดว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผมก็เดินทางไปต่างประเทศ ต่างประเทศเขารู้ดีครับว่าอะไรเกิดขึ้นครับ
คุณอภิสิทธิ์เพิ่งโดนเรื่องถอดยศ แล้วมาโดนตั้งข้อหาเพิ่มด้วย ในขณะที่คุณอภิสิทธิ์ยืนหยัดมาตลอดว่ามีความเชื่อในระบอบรัฐสภา แต่ถามจริงๆ ว่าทุกวันนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ คุณอภิสิทธิ์ยังเชื่อในระบอบรัฐสภาอยู่หรือไม่ และจะต่อสู้ในสภาต่อไปหรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องของระบบสภานะครับ มันเกิดจากฝ่ายบริหาร ผมยังยืนยันนะครับว่าระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาต้องเดินหน้าต่อ แต่สิ่งที่เราเห็นขณะนี้คือคนที่ได้อำนาจไปแล้วนั้น ลุแก่อำนาจแล้วก็ใช้กลไกของฝ่ายต่างๆ เข้ามาคุกคาม เพื่อประโยชน์ของกลุ่ม ก็ต้องต่อสู้กันต่อไปครับ
ตามที่ DSI นัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ ๑๒ ธ.ค. โดยวันนี้ตัวแทนพนักงานสอบสวนคงจะมาที่พรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่
ครับ ก็ตามความเข้าใจของผมก็จะเอา ไม่ทราบว่าหมายเรียก หรือจดหมายเชิญ หรืออะไรนะครับ แล้วแต่คุณธาริตจะเรียกเอา ก็จะมายื่นให้ผม กับคุณสุเทพครับ
แล้วการที่แจ้งว่าให้ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ ๑๒ ธค. นั้น จะเป็นไปตามกำหนดนี้หรือไม่ หรือว่าจะต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
ผมคงจะต้องดูสถานการณ์นิดนึงเพราะว่ากำหนดการเดินทางไปต่างประเทศผมเดิมนั้นกลับมาวันที่ ๑๒ นะครับ ก็จะถามว่าอย่างไร เพราะว่าพวกผมไม่มีเจตนาจะไปถ่วงเวลา หรือไปหลบหลีกอะไรอยู่แล้ว แม้ว่าจะมองว่าเป็นเรื่องที่ทำขึ้นมา เพื่อกลั่นแกล้งหรืออะไรก็ถือว่าต้องเดินตามกระบวนการ แล้วก็ทุกอย่างก็ต้องไปจบลงที่กระบวนการยุติธรรม แต่จบอย่างไร พวกผมก็ยอมรับ เพราะนี่คือจุดยืดของพวกผม
%%Update มาร์ค ย้ำชัด คดีพัน คำกอง "พวกเราทำงานกันในขณะนั้นมีเป้าหมายในการรักษาความสงบเรียบร้อย และเป็นหน้าที่ "
