ความคิดเห็นที่ 1 ยกฟ้องครับท่าน จากคุณ : จุ้งแช่ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 04:08:18 A:27.55.11.120 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ายกฟ้อง ก็จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานอันใหม่ที่น่ากลัวมาก แล้วจะตายกันอีกเท่าไหร่ จากคุณ : Moodle เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 06:23:58 A:118.173.0.243 X:

ความคิดเห็นที่ 4 พรบ.ฉุกเฉิน  ให้อำนาจผู้ลงนามและผู้ดำเนินการฆ่าคนโดยไม่มีความผิดได้ด้วยหรือ จากคุณ : สาละวิน เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 06:28:12 A:171.6.229.64 X:

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ความรู้สึกของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี   ก็น่าจะมีความห่วงใย สวัสดิภาพของประชาชน ไม่ใช่ดูอำนาจและกฏหมาย  ชีวิตคน น่าจะสำคัญกว่า  เมื่อเกิดการสูญเสียชิวิต  ก็น่าจะหยุดเมื่อคนคิดเลวๆ  ทำเลวๆ  คงไม่คิดว่ามันจะสร้างความเลวร้าย  กับตนเองและผู้อื่น  ถ้าเป็นผม สั่งประหารอย่างไม่มีเมตตา  เพราะเจตนาไม่ดีตั้งแต่ต้น จากคุณ : คนเวียงจันทร์ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 07:17:54 A:101.51.84.70 X:

ความคิดเห็นที่ 6 คนทำอาจทราบแล้วว่าผลจะออกอย่างไร จะด้วยอะไรก็ช่างเช่นเดียวกับคดี กล้ายาง หวยบดิน เจตนาต้องการอย่างไรก็ทราบ คุยกันก่อนไม่หนี ยอมติดคุก ผลสุดท้ายก็รอด ทักษิณทำไมหนีก่อนก็เพราะทราบล่วงหน้าเช่นกัน อย่างไรเสียก็ผิดเขา 98ศพก็เช่นเดียวกัน คงไม่มีใครต้องการให้เด็กตนเองตายต่อหน้าทั้งที่มีโอกาสช่วย งานนี้สบายคอยดู  เหมือนกรรมการบอล ก็มันเป่าจุดโทษไปแล้วทำไง ถ้าเป็นกรรมการเทนนิส อีกอย่าง แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 55 07:30:39 จากคุณ : คนผ่านเวบ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 07:29:47 A:1.2.148.255 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ผมมองไม่ออกว่า อภิสิทธิ์ สุเทพ จะหนีความผิดได้อย่างไร สั่งการให้ทหารใช้กำลังอาวุธสงครามพร้อมกระสุนจริง เข้าสลายการชุมนุม มันเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าต้องมีคนตาย ยิ่งใช้พลซุ่มยิง ยิงผู้ชุมนุม จบเขาเจ็บตายเป็นเบือ หนีความผิดไม่พ้นหรอก ผมอยากให้อภิสิทธิ์ สุเทพ ติดคุก เพราะ ถ้าต่อไปศาลตัดสินว่า ผู้นำประเทศ เมื่อประกาศ พรบ ฉุกเฉิน ถือว่าทำตามหน้าที่ แล้ว สามารถใช้กำลังทหารติดอาวุธ และ พลซุ่มยิง สลายการชุมนุมได้ ต่อไป ผู้นำไทย ในอนาคต แม้แต่นายกยิ่งลักษณ์ ก็สามารถสั่งทหารยิงผู้ชุมนุม เสื้อสีอื่นได้เหมือนกัน มันจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องสำหรับผู้นำไทยในยุคสมัยต่อๆ ไป จากคุณ : มิตรภาพอาบยาพิษ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:08:17 A:27.145.82.31 X:

ความคิดเห็นที่ 8 คุณจุ้งแซ่ ครับ การที่จะยกฟ้อง ก็หมายถึง คดีไม่มีมูล แต่จากข้อมูลหลักฐานและการพิจารณาชี้การตาย สามารถมองเห็นได้ว่า คดีมีมูล (ข้อบังคับคดี) รวมทั้งเป็นการแสดงความยุติธรรม ของฝ่ายตุลาการ น่าจะมีการสอบสวนและพิจารณาความผิดตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ว่าจะออกมาในรูปใดก็ตาม เป็นเพียงการเอาความจริงมาตีความเท่านั้น แต่การลงอาญาเท่านั้นที่จะไม่มีบังเกิดขึ้นเพราะไม่มีกฏหมายรองรับ ครับ จากความคาดคะเน น่าจะมีคำพิพากษาที่ชี้ถึงลักษณะความผิด ตามนิติกฏหมายอาญาแต่ไม่อยู่ในสิทธิอำนาจให้พิพากษาลงอาญาตามกำหนด ครับ อย่างการดองคดีของ รบ. ที่ผ่านมาน่าจะสังเกตุได้ว่า มิใช่การปิดบังความรับผิดชอบที่ไม่ต้องรับอยู่โดยปริยายอยู่แล้ว หรือ ฯลฯ แต่เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง กับ รบ.ปัจจุบัน โดยการถูกชี้บอกว่าเป็นการกระทำผิดที่อยู่ในขอบเขตุสิทธิอำนาจของ รธน.๕๐ โดยไม่ต้องถูกลงอาญา (เป็นความชอบธรรมตาม รธน.) ได้อีกด้วย ครับ คุณ Moodie ครับ หลายคนที่เห็นการสร้างบรรทัดฐานที่น่ากลัวมาตั้งแต่ ที่มาของ รธน.๕๐ กันอยู่แล้ว อันเป็นเหตุผล ที่ทาง คณะราษฏร์ ได้เรียกร้องให้ ขจัดผลพวงเหล่านี้ออกไปโดยการปรับปรุงแก้ใข รธน. ใงครับ ฉนั้นก็ไม่ควรแปลกใจ สำหรับกลุ่มบุคคล ที่ต่างพยายามที่จะต่อต้าน การแก้ใข รธน.๕๐ อย่างสุดชีวิต ความน่ากลัวในการยกฟ้อง เป็นเสมือนเกล็ดฝุ่นเท่านั้น ถ้าจะเทียบกับ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใน รธน.๕๐ ครับ คุณสาละวิน ครับ  พรบ.ฉุกเฉิน  เป็นสิทธิอำนาจโดยชอบธรรมในการ บริหารราชการในสถานะการณ์ที่ไม่อยู่ในความปรกติ (ฉุกเฉิน) ส่วนกระบวนการยุติธรรม ก็เป็นสิทธิอำนาจในการพิจารณาลงอาญากับผู้กระทำผิด โดยระบุไว้ใน รธน.๕๐ อย่างชัดเจนและก็ไม่ขัดต่อกัน ในเมื่อผู้ต้องหาได้มีการกระทำผิด ตามนิติกฏหมายอาญา ศาลสามารถใช้สิทธิอำนาจตาม รธน.๕๐ ในการให้ลงอาญาจนถึง ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ตามนิติกฏหมายอาญาในฐานะ ผู้บงการ โดยเล็งเห็นผลได้ ฉนั้นเมื่อ รธน.๕๐ มอบสิทธิอำนาจ (พรบ.ฉุกเฉิน) ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ศาลสามารถ ลงอาญา กับผู้ต้องหาได้ ครับ จากคุณ : พลายทมิฬ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:13:52 A:84.191.50.86 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ถึงต้องสนับสนุนเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศรีบลงนามรับรอง ICC โดยเร็วครับ จากคุณ : นพ (Namtao08) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 08:17:58 A:58.8.86.248 X:

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ คนเวียงจันทร์ ครับ ก็เพราะ ความห่วงใย สวัสดิภาพของประชาชน หรือเรียกกันว่า เพื่อความสงบเรียบร้อย มักจะเป็นเหตุผล ในการกระทำต่างๆ รวมทั้งการก่อเปิดสงคราม ของผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย “ก็เพราะเป็น มอบ มิใช่ ผู้ชุมนุมเรียกร้อง” หรือ ไม่ใช่การชุมนุมโดยสันติอหิงสา ตามบทบัญญัติ รธน.๕๐ จึงเป็นผลให้ต้อง ประกาศใช้ การบริหารราชการในสถานะการณ์ฉุกเฉิน ที่มีผลร้ายแรง ขึ้นมา ครับ การแถลงการว่าเป็นไปตามมาตราฐานสากล ก็น่าจะหมายถึง การเอาแบบอย่างมาจาก อเมริกา ที่ได้สิทธิอำนาจ หรือความชอบธรรมจาก UNO ที่สามารถบุกทลาย อีรัก ใงครับ     คุณ คนผ่านเวบ ครับ ปัญหาสำคัญมิใช่ อยู่ที่ความจริงหรือขอบข่าย ของความเสียหาย ที่ทุกฝ่าย รู้ซึ้งมาตั้งแต่ต้น แต่เพราะเป็นกรณี “ตัดนิ้วเสียจากตัว” ในสายตาของผู้มีอำนาจ ทำให้บังเกิดสิ่งต่างๆ อย่างที่เห็นครับ อันก็เหมือนกับว่า ไม่มีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะพยายามบิดเบือน ความจริง แต่ที่ไม่นำเอาความจริงมาเปิดเผย ก็เพื่อมิให้มีการเสียหายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น หรือเลี่ยงได้ นั่นเอง ตราบใดที่ผู้สูญเสียมีความหวังก็สามารถรอคอยและลดความเคียดแค้นไปในตัว กว่าคดีจะจบสิ้น ก็ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปีในวันนั้น จะมีปฎิกริยายอมรับได้ แตกต่างจากเมื่อสองปีที่ผ่านมา อย่างแน่นอนถูกใหมครับ (ทำใม คุณอภิสิทธิ์ ถึงแถลงว่า อีก ๑๐ ปีจะถอนตัวจากการเมือง? พอเข้าใจใหมครับ) คุณ มิตรภาพอาบยาพิษ ครับ ความจริงก็คือ มีการกระทำผิด ทั้งในแง่นิติกฏหมายอาญา และจรรยธรรม การเป็นมนุษย์ และก็คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ส่วนในกระบวนยุติธรรมที่บังเกิดขึ้น รวมทั้งความจำเป็นที่ต้องใช้เวลายาวนาน เป็นเพียงการแยกแยะตีความในแง่ของกฏหมายเท่านั้น ฉนั้นไม่มีเหตุผลใด กับการหลบหนี แต่ตรงกันข้ามเป็นการช่วยบ่อนทำลาย เหตุผลและผลที่ได้จากการกระทำ เร็วขึ้นกว่ากำหนดการต่างหาก ครับ มาตราการอันหนึ่งที่จะทำให้ สถานะการณ์ เข้าสู่ความเรียบร้อย และปรองดอง ก็คือ การประวิงเวลา ของผู้ร่วมรู้เห็นทุกฝ่าย ครับ หลายคน ก็คิดอย่างผมและคุณ ที่ต้องการให้ผู้กระทำผิดต้องโทษ (ติดคุก) เพียงแต่ไม่สามารถให้ความหวังเป็นความจริงได้ เพราะความจริงก็คือ ไม่มีกฏหมายหรือสิทธิอำนาจรองรับการลงอาญา ของ ปทท. ในขณะนี้ครับ และการแก้ใขก็คือ การลงนามยอมรับเขตุอำนาจศาลสากล รวมทั้ง แก้ใข ผลพวงของ คมช. ให้พ้นจาก ระบบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยทันทีครับ จากคุณ : พลายทมิฬ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:13:25 A:84.191.47.8 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ได้อ่านความเห็นของ จขกท คุณพลายทมิฬมานานเหมือนกัน ธรรมดาของคนที่ไม่รู้ข้อ กม อย่างลึกซึ้งอย่างผมและคนอีกส่วนหนึ่ง จริงอยู่ การประกาศ พรบ ฉุกเฉิน เป็นอำนาจ รบ ขณะนั้น ที่ผมเข้าใจ คือ รธน คือ กม สูงสุด ไม่ว่าจะมี กม หรือการกระทำใดๆที่ขัดกับ รธน ถือว่ากระทำไม่ได้ กรณีที่มีการอนุมัติให้กองกำลังทหารนับหมื่นนายพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายแรงทุกชนิด เคลื่อนพลเข้ากรุงเทพเพียงเพือสลายการชุมนุมของคนกลุ่มหนึ่ง เหมือนกับจะไปทำศึกสงครามเต็มรูปแบบกับอริราชศัตรู เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ รวมทั้งการใช้พลซุ่มยิง ดักยิง แอบยิงผู้คนล้มตายไปหลายคน แต่ละนัด เจาะหัว เจาะหน้าผาก เข้าจุดสำคัญที่สามารถทำให้ตายทันที แต่ละคนที่ตาย มีหลักฐานหรือไม่ ว่าพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายหรือมีอาวุธอยู่ในมือ ในเมื่อการปฏิบัติของกองกำลังนี้ ซึ่งผมไม่อยากจะเรียกว่าทหาร กระดากปาก กระดากใจ ได้รับคำสั่งจากใครก็ตามแต่ ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนอย่างมากมาย ไม่มีข้อ กม ใดๆเลยหรือที่จะชี้บ่งว่า เรื่องแบบนี้ ทำไม่ได้ เออ ถ้าเสื้อแดงติดอาวุธที่ทัดเทียมก็ว่าไปอย่าง แต่นี้ ดักยิง แอบยิงเหมือนเข้าป่าล่าสัตว์ที่ไม่มีทางสู้ ที่พูดเปรียบเทียบอย่างนี้ เพียงแต่อยากให้เห็นภาพความโหดร้ายที่กระทำกับคนที่ไม่มีทางสู้ ขอความเห็นด้วยครับ จากคุณ : Trunnion เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 09:45:36 A:171.7.139.235 X:

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ พลายทมิฬ แจกแจงได้ดีมาก และเมีความเป็นไปได้ถ้าว่ากันตามตัวหนังสือ ที่ผมกลัวก็คือคนที่ไม่เข้าใจหรือคนยอมรับไม่ได้นี่สิ แล้วถ้ามีคนแสดงออกมากๆ เราคงได้เห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่แน่ๆเลยครับ หวังไว้ว่าคงไม่มีการสูญเสียอีกครับ จากคุณ : เลียบเมือง เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 16:41:49 A:146.23.250.105 X:

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ Trunnion ครับ ผมไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาให้ คห. ใน รดน. มานานพอสมควรอยู่แล้วครับ ขอบใจที่ติดตามอ่านครับ ลักษณะของการรู้ผิดชอบชั่วดี เป็นสามัญสำนึกที่เราทุกคนยึดมั่น แต่ด้วยผลประโยชน์ทำให้บางคน นำเอาสามัญสำนึกที่มีอยู่ ไปซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง โดยยึดว่า ตราบใดที่นิติกฏหมาย หรือ รธน. ไม่ถือเป็นความผิด หรือไม่ถูกต้องลงอาญา ก็จะยืนยันในความดีความชอบของตนเอง ครับ จากข้อสังเกตุของคุณ “กรณีที่มีการอนุมัติให้กองกำลังทหารนับหมื่นนายพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ร้ายแรงทุกชนิดเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพเพียงเพือสลายการชุมนุมของคนกลุ่มหนึ่ง เหมือนกับจะไปทำศึกสงครามเต็มรูปแบบกับอริราชศัตรู เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นหรือไม่” พรบ.ฉุกเฉิน ให้สิทธิอำนาจในการบริหารราชการในสถานะการณ์ฉุกเฉิน และไม่ได้กำหนดถึง ขอบข่ายการปฏิบัติการ ของ จนท.รัฐ (ศอฉ) การกำหนด ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะยังไม่เคยมีการตีความอย่างแน่ชัด ทำให้ไม่ทราบ หรือชี้ชัดได้ว่า ได้ว่า “สมควรต่อเหตุหรือไม่เช่นใด” อันหมายถึงว่า การมองในฐานะ มนุษย์ และ ในแง่ของกฎหมายอาญาทั้งในไทย และสากล เห็นพร้องกันว่า เป็นการกระทำผิดต่อมนุษย์ชาติ (คนไทย) อย่างร้ายแรง ไม่เพียงแต่ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและเล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ครับ แต่เพราะเป็นการกระทำที่ได้รับสิทธิอำนาจอันชอบธรรม (พรก.ฉุกเฉิน) และคุ้มครองจาก รธน.๕๐ เป็นเหตุที่ต้องก้มหน้ายอมรับว่า ไม่ใช่การกระทำผิดตามกฏหมาย และ รธน. นั่นเองครับ ปทท. มิใช่อาจถูกแช่แข็งจาก กลุ่ม เสธ อ้าย แต่ถูกแช่แข็งโดย คมช. ด้วย รธน.๕๐ มาตั้งแต่การประกาศใช้แล้วครับ ตามปรกติ จนท.ทหาร สามารถหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของผู้บังคับบัญชาได้ อันเป็นหลักปฎิบัติทั้งในไทยและสากล ครับ ในเมื่อเป็นคำสั่ง ที่มีสิทธิอำนาจรับรอง (พรก.ฉุกเฉิน) จะเอาอะไรไปโต้แย้ง นอกจากจำต้องปฎิบัติตามคำสั่งและหน้าที่เท่านั้น ครับ ขนาดองศ์กรสิทธิมนุษย์ชน ก็ยังไม่เคยทักท้วงการ บริหารราชการในสถานะการฉุกเฉิน ว่าไม่ชอบด้วยมนุษย์ธรรม แม้แต่น้อย ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ถึงแม้จะด้วยความรันทดใจแต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำสั่งได้ ครับ การที่ผู้ต้องหาได้ออกอภิปราย แสดงความห่วงใย กับ จนท.ทหาร ถึงแม้ว่าหลายคนจะเห็นถึง ความมีน้ำใจต่อผู้ต้องปฎิบัติตามคำสั่ง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มองในแง่กฏหมายคือการวางลู่ทางเพื่อยืนหยัดว่า เป็นการกระทำโดยชอบธรรมและสมเหตุสมผล (พรก.ฉุกเฉิน)โดยเมื่อ จนท.ทหาร ผู้ปฏิบัติการไม่ถูกดำเนินคดี ก็จะทำให้บังเกิดเป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีให้กับตัวเอง ครับ ไม่จำเป็นที่ผู้ชุมนุม ผมขอย้ำ “ไม่ใช่มอบ” จะมีอาวุธ หรือกองกำลังที่จะก่อการร้าย หรือต่อสู้ เพราะการตัดสินใจ ออกประกาศใช้ “พรก.ฉุกเฉิน” ขึ้นอยู่กับดุลย์พินิจ (ความเชื่อ) ของ นายก ของ ครม. และของผู้อำนวยการ ศอฉ. เท่านั้น สิ่งที่บังเกิดเป็นภาพของความเศล้าสลดและเจ็บแค้นประทับอยู่ในใจ เสมือนถูกมัดแล้วถูกทุบตี กับมนุษย์ที่ถูกกระทำและได้มีส่วนรับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการที่ไม่สามารถหยุดยั้งหรือกล่าวโทษกับผู้กระทำได้ ด้วยครับ คุณ เลียบเมือง ครับ การอยู่ในลักษณะเช่นนี้ ก็อย่างที่คุณ ให้เป็น คห. คือ “และเมีความเป็นไปได้ถ้าว่ากันตามตัวหนังสือ” แต่เมื่อเราทุกคน มีความเป็นอยู่ภายใต้ รธน.๕๐ ก็ไม่มีทางอื่นใดให้เลือก ไม่ว่า จะรับได้หรือไม่ เพราะถ้ายิ่งดิ้นรนเรียกร้อง ก็จะเป็นโทษให้กับตัวเองตามบัญญัติ รธน. และกฏหมายอาญา ครับ จากคุณ : พลายทมิฬ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 55 21:50:56 A:80.137.248.200 X: