ความคิดเห็นที่ 1 สาเหตุเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนที่ถูกมองว่า ยังยากจนอยู่ไม่สมควรมีประชาธิปไตยต่างก็มองเห็น เมื่อพรรคเพื่อไทยยกเอา เอานโยบาย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียง จึงได้พากันเลือกพรรคเพื่อไทยด้วยเสียงเกินครึ่งให้สามารถตั้งรัฐบาลได้และต้องการให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน นอกเหนือจากนโยบายอื่นๆ รัฐบาลได้ทำตามสัญญาเช่นกันโดยได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญและผ่านขั้นตอนตามวาระจนเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายของรัฐสภา แต่ด้วยกับดักที่อีกฝั่งของอำนาจวางไว้และการตีความของกฎหมาย แบบที่วงการนิติศาสตร์ของไทยแทบจะมุดแผ่นดินด้วยความอับอาย แต่อีกฝั่งก็มิได้นำพาวินิจฉัยแบบวางยาไว้ให้ฝั่งรัฐบาลที่ต้องการรักษาอำนาจไม่กล้าขยับ และปล่อยเวลาจนล่วงสมัยประชุมโดยผู้นำของรัฐบาลและเพื่อไทยอย่างนายกยิ่งลักษณ์ไม่เคยให้ความเห็นชี้นำว่า จะเดินไปทางใด เพียงโยนความรับผิดชอบให้รัฐสภา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 07:11:47 A:223.204.208.110 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ในเมื่อสังคมและรัฐบาลเองก็เห็นถึงปัญหาของอำนาจแฝงเร้นที่มีอยู่ในธรรมนูญปกครองประเทศ ทำไม นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่แสดงบทบาทนำ ในฐานะผู้นำของประเทศว่าจะผลักดันเรื่องไปทางไหนให้ชัดเจน ในเมื่อมองเห็นปัญหาอยู่ หรือติดปัญหาอะไรที่ทำไม่ได้ทำไมไม่มาชี้แจงให้ประชาชนผู้สนับสนุนท่านให้เข้าใจ หากเป็นปัญหาที่การเมืองแก้ไม่ได้ มวลชนแก้ให้ได้หรือไม่ทำไมไม่บอกกับประชาชน หากเป็นปัญหาที่ถึงตายก็พูดไม่ได้ก็ออกมาสื่อให้ประชาชนรู้ เราจะได้ทำใจ หรือการแก้รัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การแตกหักก็ควรจะชี้แจงและบอกสังคมว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร ไม่ใช่อมพะนำอย่างที่ผ่านมา จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 07:13:04 A:223.204.208.110 X:

ความคิดเห็นที่ 3 เนื่องในวาระวันรัฐธรรมนูญ ในฐานะประชาชนคนหนึ่งอยากเห็นผู้นำรัฐบาลออกมานำสังคมแก้ปัญหารัฐธรรมนูญ ไม่ใช่โยนให้เพียงเป็นความรับผิดชอบของรัฐสภา เพราะเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาก็คือเสียงของรัฐบาลที่มีอยู่ 300 เสียง ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อวันข้างหน้าของประเทศ เพื่อนิติรัฐ นิติธรรมที่ไม่ใช่เพียงลมปาก จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 07:13:47 A:223.204.208.110 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ารัฐบาลไม่แก้ หรือร่างใหม่ ในอนาคตไม่มีรัฐบาลใหนที่บริหารงานได้สะดวกแน่นอน องค์กรอิสระต่างๆที่ตั้งมา ส่วนใหญ่เน้นเรื่องทุจริตของนักการเมืองซึ่งดูแล้วเป็นเจตนาที่ดี แต่จริงๆแล้วมีอำนาจล้นฟ้าและมีที่มาจากที่เดียวกัน(ลองหาดูนะครับว่าลเวนแล้วสรรหามาจากใหน) จนกลายเป็นว่ามีอำนาจหน้าที่ครอบงำจักรวาล(ไม่ใช่แตค่ประเทศแล้วมั้ง) ยิ่งใหญ่กว่าตัวแทนประชาชนซึ่งหมายความได้ว่า มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ สามารถชี้แนะให้รัฐบาลหรือฝ่ายนิติบัญญัติให้เดินไปในทางที่คนไม่กี่คนวางไว้ให้ ถึงเวลาแล้วครับที่จะแก้พิษจากต้นไม้พิษ เพื่อชาติจะได้เจริญ เพื่ออนาคตที่ดีลูกหลานของเราครับ มาดูเงินค่าตองแทนองค์กรอิสระต่างๆ ดูว่า 1 ปีเราใช้เงินภาษีให้คนพวกนี้เท่าใหร่กัน จากคุณ : โฟโต้แมน007 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 07:50:48 A:223.204.238.51 X:

ความคิดเห็นที่ 5 รวมนะครับว่า 1 ปีเราต้องจ่ายเท่าใหร่ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 1 คน กับ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 ตน ประธานกรรมการการเลือกตั้ง 1 คนกับ กรรมการการเลือกตั้ง 3 คน ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 คน ผู้ตรวจการแผ่นดิน  2 คน ประธาน ป.ป.ช.  1 คน กับ กรรมการป.ป.ช. 8 คน ประธานการตรวจเงินแผ่นดิน 1 คน กับกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 9 คน เบ็ดเสร็จแล้ว 1 ปี รัฐต้องจ่ายเงินให้บุคคลเหล่านี้ เท่ากับ 503,185,200 บาท นี่ยังไม่รวมสวัสดิการต่างๆเช่นรถยนต์ประจำตำแหน่ง  และผู้ช่วยต่างอีกนะครับ รถยนต์ประกอบไปด้วย ศาลรัฐธรรมนูญ 13 คัน  แบ่งเป็นครั้งแรกประจำตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญและรถประจำตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  จำนวน 3 คัน ในราคา 9.5 ล้านบาท จากห้างหุ้นส่วนจำกัด พันทวี ออโต้ มาสเตอร์ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2548   ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2548   ประจำตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (รถยนต์LEXURES300) จำนวน 10 คัน ราคา 30 ล้านบาท จากบริษัท เล็กซ์ซัส กรุงเทพ จำกัด ยังมีรถตู้ยี่ห้อ Volkswagen รุ่น Caravelle 2.5 TDI แบบ 11 ที่นั่ง สีบรอนซ์เงิน (8E8E) จำนวน 3 คัน  โดย 2 คันแรก  ราคา 5,980,000 บาท เมื่อวันที่  27 ก.พ. 2549 จาก บริษัท ยนตรกิจอินเตอร์เซลส์ จำกัด (ตระกูลลีนุตพงษ์ เจ้าของ)  และ ซื้อเพิ่มอีก 1 คัน เมื่อวันที่  7 มิ.ย. 2549  ราคา 2,990,000 บาท  จากบริษัทเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จากการตรวจสอบพบว่า  จัดซื้อยี่ห้อ Mercedes Benz  5 คัน แบ่งเป็นจัดซื้อ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2552  1 คัน  ราคา 3,690,000 บาท  จากบริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด  จัดซื้อเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2552  จำนวน 4 คัน ราคา  13,198,000 บาท (ข้อมูลจากการชี้แจงของกรรมการสิทธิมนุษยชน) จาก บริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป จำกัด อีก 2 คัน ยี่ห้อ BMW ราคา 3,250,000 บาท จากบริษัท มิลเลนเนียม  จำกัด เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2552   และ ยี่ห้อ Toyota Vellire 2.4  ราคา 3,299,500 บาท  จาก บริษัท TSL Auto Corporatiom จำกัด (ที เอส แอล ออโต้ คอร์ปอเรชั่น)  เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2552   รวม 7 คัน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงปี 2547 มีการจัดซื้อ 3 คัน เป็นรถตู้ ยี่ห้อ VOLKSWAGEN CARAVELLE 5  ราคารวม 9,570,000 บาทจาก บริษัท ยนตรกิจอินเตอร์เซลส์ จำกัด  เมื่อ 30 ก.ค. 2547 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดซื้อในช่วงเดียวกัน  จำนวน 2 คัน ราคารวม 7,300,000 บาท จาก บริษัท เบนซ์ บีเคเค กรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่  18 มี.ค. 2547 สำหรับ ศาลปกครอง  ยี่ห้อ Mercedes - Benz  จำนวน 2 คัน ราคารวม  5,880,000 บาท จาก บริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2549 นอกจากนี้ยังซื้อรถยนต์ประจำตำแหน่งในระดับราคาลรองลงมาอีก 7 คัน ได้แก่ ยี่ห้อVOLKSWAGEN  รุ่นพาสสาทโฮลายน์ จำนวน 1 คัน เป็นเงิน 1,450,000 บาท จากบริษัท ยนตรกิจอินเตอร์เซลส์ จำกัด เมื่อวันที่  8 ม.ค. 2544 รถยนต์ประจำตำแหน่ง ยี่ห้อนิสสันเซฟิโร่ รุ่น 2.0L (EXE) จำนวน 3 คัน ราคา   3,294,000 บาท จากบริษัท สยามกลการและนิสสันเซลส์ จำกัด เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2544, ยี่ห้อ โตโยต้า camry 2.oe  จำนวน 2 คัน ราคา 2,310,000 บาท  จาก บริษัท เจริญไทยมอเตอร์เซลส์ จำกัด เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2546  และยี่ห้อนิสสัน เซฟิโร่ ราคา 1,200,000 บาท  จาก บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เมื่อวันที่  1 ก.ค. 2546     จากข้อมูลเท่ากับ เลกซ์ซัส , Mercedes Benz และ Volkswagen  ได้รับความนิยมมากสุด ดีลเลอร์ที่ได้รับการจัดซื้อมากสุดคือ  บริษัท เบนซ์ บีเคเค วิภาวดี จำกัด จากศาลปกครอง , กกต. และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวม 5 องค์กรกว่า 100 ล้านบาท ที่มา   มติชน แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 55 07:56:06 จากคุณ : โฟโต้แมน007 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 07:55:26 A:223.204.238.51 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ผมถามคุณโฟโต้แมน007 ว่า ตกลงการมีองค์กรอิสระดีมั้ย ปัญหาที่คิดว่ามีตอนนี้ เป็นเพราะการมีองค์กรอิสระ หรือเป็นเพราะบุคคลที่มาเป็นองค์กรอิสระ ที่คิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม จึงทำอะไรก็ขัดแย้งกับรัฐบาลตลอด โดยส่วนตัวผมคิดว่า องค์กรอิสระทุกอัน มีการกำหนดหน้าที่ให้เป็นผู้ตรวจสอบ มีอำนาจในขอบเขตจำกัด ในแต่ละภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ ซึ่งการมีองค์กรตรวจสอบ มีประโยชน์กับประเทศโดยภาพรวมมากกว่าไม่มี ซึ่งถ้าเป็นปัญหาจากตัวบุคคล ก็ควรจะแก้ไขวิธีการคัดเลือก ไม่ใช่ใช้การยกเลิกองค์กรอิสระต่าง ๆ เพราะถ้าวันใด ที่ได้องค์กรอิสระที่มีความเป็นกลาง ที่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ในสังคม ก็จะมีประโยชน์กับประเทศมากกว่า การไม่มีองค์กรอิสระแน่นอน จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 09:25:12 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 7 องค์กรอิสระ เป็นของดีครับประเทศอารยะต่างมีองค์กรอิสระกันทั้งนั้น แต่...เห็นกันอยู่ว่า อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต และการสรรหามาจากที่เดียวกัน ประเทศ อารยะ ไม่มีข้อครหาเรื่ององค์กรอิสระมากมัก แต่ประเทศหนึ่ง เห็นกันอยู่ครับว่า แหวกแนวหนักหนาขนาดใหน จากคุณ : โฟโต้แมน007 เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 09:52:42 A:223.204.238.51 X:

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยว่า องค์กรอิสระ จำเป็นต้องมีไว้เพื่อ ทำหน้าที่ตรวจสอบ   มีประโยชน์ แก่ประเทศ ดีกว่า ไม่มีการตรวจสอบ ตามที่คุณ Lpg_Horse ว่า   หากไม่มีการตรวจสอบ  ความเสียหาย ที่เกิดขึ้น ยิ่งกว่า จำนวนเงิน ที่อ้างอิงมากมายหลายเท่านัก   จากคุณ : วอน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 11:55:26 A:125.27.247.148 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่มีใครว่าไม่ให้มีองค์กรอิสระหรอกครับ แต่ควรมีที่มาที่โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชน และสามารถที่จะตรวจสอบได้โดยประชาชน หรือสภาผู้แทน ไม่ใช่อิสระไปจากทุกสิ่งอย่างที่เป็นอยู่ และทำทุกอย่างเพื่อผู้มีอำนาจที่คัดสรรตนมา ทำตัวเป็นตัวถ่วงการพัฒนาประชาธิปไตยและการเมือง จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 12:00:55 A:223.204.208.110 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงเวลาที่ประชาชนจะต้องตั้งคำถามกับท่านนายกแล้ว ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ว่า ทิศทางในการแก้รัฐธรรมนูญ ผู้บริหารสูงสุดจะแสดงจุดยืนอยู่ที่ใด ไม่อาจทอดธุระหรือผลักภาระให้เป็นของฝ่ายนิติบัญญัติแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะรัฐธรรมนูญเป็นปัญหาในการบริหารประเทศ รัฐจะทำอะไรหน่อยก็ถูกขัดขวางตามกลไกผ่านองค์กรอิสระที่ไม่อิสระ ในเมื่อเห็นปัญหาแต่ไม่กำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา จะตอบคำถามกับประชาชนว่าอย่างไร จากคุณ : ถือแถน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 12:05:43 A:223.204.208.110 X: