การเมืองแกล้งอภิสิทธิ์?

การเมืองแกล้งอภิสิทธิ์?

การเมืองแกล้งอภิสิทธิ์? : ว่ายทวนอารมณ์ โดยใบตองแห้ง


              ดีเอสไอตั้งข้อหาอภิสิทธิ์ สุเทพ ฆ่าคนตายโดยเจตนา จากคดีนายพัน คำกอง ซึ่งศาลชี้ว่าตายเพราะกระสุนที่ยิงมาจากทหาร ถามว่าเป็นเกมการเมืองหรือเปล่า

              เป็นสิครับ แม้ถึงที่สุดแล้ว อภิสิทธิ์ สุเทพ ต้องรับผิดต่อชีวิตคน 99 คน แต่การตั้งข้อหานี้เร็วและข้ามขั้นเกินไป เผลอๆ จะทำให้อภิสิทธิ์ สุเทพ หลุดบ่วงด้วยซ้ำ

              เพราะถ้าว่ากันตามขั้นตอน ดีเอสไอจะต้องตั้งข้อหาทหารที่อยู่ตรงนั้นก่อน ทหารก็ต้องสู้ว่าปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีความผิด แต่ถ้าทำเกินกว่าเหตุ ก็มีความผิดอยู่ดี

              ปัญหาคือกรณีนายพัน คำกอง กับ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ซึ่งเสียชีวิตจากกระสุนทหารที่ยิงรถตู้ พร้อมคนขับบาดเจ็บสาหัสนั้น อภิสิทธิ์ สุเทพ อาจอ้างได้ว่าทหารทำเกินกว่าเหตุ เพราะคำสั่ง ศอฉ.ให้ใช้กระสุนจริงเท่าที่จำเป็น กรณีที่ต้องยิงรถก็สั่งไว้แล้วว่าให้ยิงล้อ ไม่ใช่ซัลโวไม่นับ โดนทั้งคนขับและคนที่อยู่แถวนั้น

              อย่างไรก็ดี ถ้าดูหลายกรณีที่มีผู้เสียชีวิต จะพบว่ามีการ “ทำเกินกว่าเหตุ” จนเกินเหตุ ไม่ต้องดูที่ไหน ดูจากรายงาน คอป.ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเสื้อแดงนั่นแหละ

              คอป.ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตหลายรายด้วยกระสุนที่ยิงมาจากทางทหาร ทั้งที่พวกเขาไม่มีอาวุธ เช่น นายชาติชาย ซาเหลา ที่ถนนพระราม 4  นายชาญณรงค์ พลศรีลา นายกิตติพันธ์ ขันทอง นายบุญทิ้ง ปานศิลา นายสมาพันธ์ ศรีเทพ นายอำพล ชื่นสี นายอุทัย อรอินทร์ นายธันวา วงศ์ศิริ น.ส.สัญธนา สรรพศรี นายมนูญ ท่าลาด ที่ถนนราชปรารภ ในวันที่ 14-15 พฤษภาคม นายถวิล คามูล นายนรินทร์ ศรีชมพู นายธนโชติ ชุ่มเย็น ชายไม่ทราบชื่อ และนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพอิตาลี ที่ถนนราชดำริ ในวันที่ 19 พฤษภาคม

              นี่มาจากการพิสูจน์วิถีกระสุนโดยผู้^^วชาญทั้งไทยและต่างประเทศ ประกอบคำให้การพยาน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสื่อมวลชน ล้วนยืนยันว่ากระสุนมาจากทหาร

              รายงาน คอป.ข้อ 2.6 การใช้กำลังและอาวุธในการควบคุมฝูงชนและการสลายการชุมนุม ก็ระบุว่ามีการปฏิบัติที่แตกต่างจากมาตรฐานและกฎการใช้กำลัง แต่น่าเสียดาย คอป.ไม่ชี้ชัดว่าผิดที่ผู้ปฏิบัติหรือคำสั่ง ศอฉ.

              คอป.เพียงกล่าวว่า เมื่อ ศอฉ.มอบหมายภารกิจแล้ว ก็ไม่ได้ติดตามตรวจสอบประเมินผล นอกจากฟังรายงานตามลำดับชั้น ทั้งที่มีระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ข่าวกรองที่เจ้าหน้าที่ได้รับก็ไม่ตรงกับความจริง อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือวิตกกังวลเกินควร เช่น การแจ้งจำนวน “ชายชุดดำ” เกินจริงเป็นอย่างมาก

              ฉะนั้นตามขั้นตอน ดีเอสไอควรดำเนินคดีกับทหารผู้ปฏิบัติเป็นกรณีไป ซึ่งอาจพบว่าแม้ทหารทำเกินเหตุ แต่คำสั่ง ศอฉ.ก็โน้มนำให้เกิดการปฏิบัติเช่นนั้น เช่น คำสั่งอนุญาตให้ผู้บังคับหน่วยตัดสินใจข้ามขั้นตอนในการสลายฝูงชน จากการใช้แก๊สน้ำตา กระบอง หรือกระสุนยาง ไปสู่การใช้กระสุนจริง หรือคำสั่งที่ให้ยิงได้ตั้งแต่เข่าลงมา จะบอกว่าเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ใครยิงเหนือเข่าต้องรับผิดติดคุกเอง คงไม่ใช่

              พูดง่ายๆ ว่าถ้าออกคำสั่งรัดกุม แล้วมีความผิดพลาด มีคนตาย 4-5 คน ก็คงโทษผู้ออกคำสั่งไม่ได้ แต่นี่มีคนตายเกือบ 100 คน จะอ้างว่าผู้ออกคำสั่งไม่เล็งเห็นผลได้อย่างไร นี่ต้องไปต่อสู้กันในศาล

              แต่แน่นอน รัฐบาลไม่กล้าแตะทหาร ซึ่งแสดงอาการฮึ่มๆ หลังผู้บังคับหน่วยหลายรายถูกสอบสวน เพราะถ้าดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ทหารก็ต้องเข้าปิ้งไปด้วย ในสถานการณ์ที่ม็อบแช่แข็งยังคุกคามเรียกหารัฐประหาร มีหรือรัฐบาลจะกล้า

              การข้ามขั้นไปเอาผิดเฉพาะอภิสิทธิ์ สุเทพ จึงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับมวลชนเสื้อแดง เพียงเป็นเรื่องน่ายินดีของพรรคเพื่อไทย เพราะถึงที่สุดแล้ว ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยย่อมต้องการให้มีการไต่สวนความจริงให้กระจ่าง ให้เกิดความยุติธรรมตามกระบวนการ

              นี่ยังเป็นเรื่องน่าสะท้อนใจว่า ภายใต้ความขัดแย้ง 2 ขั้ว ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่เดินตามกระบวนการ และไม่ได้รับความเชื่อถือ ไม่ใช่เฉพาะ คอป.หรือดีเอสไอ ยุคธาริต เพ็งดิษฐ์ “นกสองชีวิต” แต่รวมถึงอัยการและศาล กระบวนการยุติธรรมของเราเละไปหมดแล้ว

              ให้อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาสอบสวนดีกว่าครับ เพราะสิ่งที่เราต้องการที่สุดตอนนี้คือ คนกลาง

...................


คมชัดลึกออนไลน์

จากคุณ	: น้ำมิตร
เขียนเมื่อ	: วันรัฐธรรมนูญ 55 09:19:40 A:58.11.115.165 X:

bookmark

เก็บเข้าคลังกระทู้

ส่งต่อกระทู้

พิมพ์

หน้าหลัก

กระทู้ก่อนหน้า

กระทู้ถัดไป