คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12 มติชน 10 ธันวาคม 2555
คดีสลายการชุมนุมทางการเมืองห้วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 มีผู้ล้มตาย
บาดเจ็บจำนวนมาก ก้าวมาถึงขั้นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน มีมติแจ้งข้อหาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ
เทือกสุบรรณ ผู้รับผิดชอบสูงสุดของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
(ศอฉ.) และผู้อำนวยการ ศอฉ.มีการนัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้ง
ข้อหาวันที่ 12 ธันวาคม
แม้ทั้งสองดูไม่เต็มใจนัก มองเป็นเรื่องการเมือง เป็นกระบวนการมุ่งเอาผิด เพื่อการ
ต่อรองทางการเมือง หรือแม้แต่จูงใจให้ร่วมผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม แต่ก็ให้
ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมเข้าพบพนักงานสอบสวน
เนื่องจากมั่นใจสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และดำเนินการอย่างตรงไป
ตรงมา เพียงแต่ติดภารกิจขอเลื่อนนัดหมายออกไป 1 วัน เท่านั้น
จะด้วยเหตุผลทางการเมือง ในทางกฎหมายมิอาจหลบเลี่ยงได้ หรือมั่นใจในความ
บริสุทธิ์อย่างแท้จริงหรือไม่ก็ตาม การยินยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนี้ ถือเป็นเรื่อง
ดีที่จะได้พิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาลในลำดับต่อไป
ยิ่งมั่นใจว่า มิได้กระทำความผิดแต่ประการใดเลย ก็ยิ่งมองไม่เห็นเหตุผลการปฏิเสธ
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
"...ผมและนายสุเทพ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับบ้านเมืองเพื่อนำบ้านเมือง
กลับเข้าสู่ภาวะปกติ...นโยบายที่เรามอบให้ปฏิบัติชัดเจนคือ ไม่มีการสลายการชุมนุม
และในคำสั่งบ่งชัดว่า ให้ปฏิบัติโดยหลีกเลี่ยงการเสี่ยงให้เกิดความสูญเสียชีวิตประชาชน"
อภิสิทธิ์เน้นย้ำว่า ได้สั่งการอย่างชัดเจนให้ปฏิบัติโดยหลีกเลี่ยงการเสี่ยงให้เกิดความ
สูญเสียชีวิตประชาชน
แต่ข้อเท็จจริงอันเป็นที่ประจักษ์ชัดยิ่งก็คือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนที่แน่นอนหนึ่ง ผู้พิการ
และบาดเจ็บอีกหลายพันคน
ในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น มีอย่างน้อย 2 ราย เกิดจากถูกกระสุนของทหารที่เข้าปฏิบัติการ
ตามคำสั่งของ ศอฉ.
ฉะนั้นจำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ
อาจคล้ายกับที่เมธี ครองแก้ว ที่ปรึกษา ป.ป.ช.กล่าวไว้อย่างชัดเจนกรณีการตั้งอนุ
กรรมการไต่สวนบุญทรง เตริยาภิรมย์ ในปมประเด็นการทุจริตจำนำข้าว ว่าในทางทฤษฎี
สามาถเอาผิดถึงนายกรัฐมนตรีได้
ทางทฤษฎีนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพียงแต่ข้อเท็จจริงอาจมอบหมาย มอบอำนาจ
อย่างชัดเจนให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง จึงต้องมาดูว่ามีส่วนรับผิดชอบแค่ไหน หรือมอบ
หมายเพื่อตัดตอนเท่านั้น หากแต่ยัง ปากว่าตาขยิบ
หากมองอย่างเปรียบเทียบแบบนี้ อาจเป็นภาพชัดขึ้นว่า แม้แต่เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้นำ
สูงสุดยังอาจต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ แล้วกับคดี 99 ศพ มีผู้คนถูกสังหารกลางเมือง
จำนวนมาก ผู้นำฝ่ายบริหารสูงสุดของประเทศไม่ต้องรับผิดชอบกระนั้นหรือ
เรื่องนโยบายนั้น ไม่มีรัฐบาลใดหรอกประกาศ สั่งการให้ทุจริตคอร์รัปชั่น สั่งการยิง
ประชาชน ทุกรัฐบาลล้วนแต่สั่งการตรงกันข้าม มิให้มีการทุจริตคดโกง เลี่ยงอย่าให้
เกิดความสูญเสียชีวิต
ผลเสียหายร้ายแรงจากการดำเนินการตามนโยบาย และการสั่งการนั้นต่างหาก ต้องมี
ผู้รับผิดชอบ หากเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น การสังหารหมู่ประชาชน
ไม่ระดับใดก็ระดับหนึ่ง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355122715&grpid=&catid=01&subcatid=0100
เออ.... มันคงไม่มีคนตายหรอกนะคะ ...ถ้ารัฐบาลไม่มีการใช้กระสุนจริง ...
และถึงจะมีคนตาย นายกฯก็คงไม่ต้องรับผิดชอบ ...เพราะมันไม่ได้เกิดจาก
การสั่งการของรัฐบาล ....