ความคิดเห็นที่ 1 การขายของแบบจีทูจี คือขายตรงกับรัฐบาลผู้ซื้อ ตามหลักแล้ว รัฐบาลผู้ซื้อสั่งซื้อมา เปิด แอลซี ในนามรัฐบาลมา รัฐบาลไทย ก็ไปจ้างเอกชนไทย ทำหน้าที่ขนสินค้าลงเรือ ให้กับประเทศผู้ซื้อไป ก็จบ เหมือนกับว่า คุณลมธรรมซื้อสินค้าจากผม โอนเงินมา ผมก็โทรไปเรียกเอาสินค้าไปให้ไปรษณีย์ เป็นคนเอาไปให้คุณลมธรรม แต่ที่รัฐบาลบอกว่าจะทำ คือ หลังจากที่เซ็นสัญญาซื้อขาย ได้รับแอลซีแล้ว ทางรัฐบาลผู้ซื้อ จะมารับของเองที่หน้าคลัง โดยคนซื้อจะขนของเองจนลงเรือ เช่นหลังจากคุณลมธรรมโอนเงินให้ผมเสร็จ คุณลมธรรมก็ไปไหว้วานเพื่อน ให้เป็นคนมารับของให้ คนขายมีหน้าที่แค่ส่งมอบของให้คนมารับก็พอ แต่ที่รัฐบาลทำจริง ๆ ก็คือ เมื่อมีการทำสัญญาเสร็จ มีคนมาขอรับของ บอกว่า เป็นคนของรัฐบาลผู้ซื้อมารับของ ก็ให้ไป โดยรับชำระเงินด้วยเช็คในประเทศ เช่นคุณลมธรรมโทรมาสั่งสินค้าจากผม แล้วบอกว่านาย ก. จะเป็นคนมาเอา แล้วนาย ก. ก็เอาเช็ค ของนาย ข. มาจ่ายค่าสินค้า เสร็จแล้วพอเอาของไปแล้ว ก็อาจจะเอาไปไหนก็ได้ อาจจะไม่ไปส่งให้คุณลมธรรม ซึ่งดูแล้ว เหมือนกับว่า คุณลมธรรมให้ยืมชื่อเฉย ๆ ซึ่งจริง ๆ ถ้าดูแล้วก็ไม่เป็นไร สินค้าซื้อขาย มีคนซื้อ ขายไป ได้เงินมา ก็จบ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า พอบอกเป็นการขายรัฐต่อรัฐ อาจจะมีการตกลงเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง (ที่รัฐบาลบอกว่าบอกไม่ได้) แต่สุดท้าย กลับไม่ได้ส่งไปยังประเทศผู้ซื้อนั้น ๆ จริง (ตรงนี้รัฐบาลต้องตอบให้ได้ ว่าที่บอกว่า ปีนี้ขายไปยังประเทศคู่ค้าในสัญญารัฐต่อรัฐแล้ว ล้านกว่าตัน ส่งไปจริงแล้วหรือไม่ เพราะจากตัวเลขการส่งออก ของกรมศุลกากร รวมยอดทั้งหมดของ 4 ประเทศ ยังไม่เท่ากับจำนวนที่รัฐบาลบอกว่าส่งออกไป) อย่างผมขายของให้คุณลมธรรม อาจจะคิดว่าเป็นลูกค้าประจำ หรือไม่ก็คาดหวังว่าจะได้ค้าขายกันอีกในอนาคต ก็เลยคิดให้ในราคาพิเศษ ซึ่งราคานี้ ผมกะขายให้คุณลมธรรมคนเดียว พอเป็นแบบนี้ ผมก็เสียหาย แต่เป็นในลักษณะของรัฐแล้ว ยิ่งเสียหายกว่า เพราะแทนที่สินค้าก้อนนั้นจะส่งออกไป คือลดปริมาณสินค้าในประเทศลง กลับไม่ได้ออกไปจริง ยังวนเวียนอยู่ในประเทศ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 07:04:09 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ตามความเห็นผม... การขายข้าว แบบ g to g อาจจะไม่ได้ขายข้าวด้วยเงิน....แต่ตีมูลค่าเป็นเงินก็ได้.. แล้วแต่ตกลงกัน...เงื่อนไขต่าง ๆ จึงไม่จำเป็นต้องมองไปที่ราคา...เพราะถ้าเราคิดว่า ได้ราคาส่วนหนึ่งแล้ว ผลประโยชน์ส่วนหนึ่ง ถ้าคุ้มค่าแล้ว...ก็ทำข้อตกลงไ้ด้.. อย่างสมัยทักสิน..ก็เอาสินค้าเกษตรไปแลกกับอาวุธ...แทบจะเป็น barter system ในตัวผลประโยชน์ที่ต้องตีเป็นมูลค่าแล้ว..อย่างไรก็ต้องมีโปรกเกอร์... สำหรับ คห1 เป็นการค้าแบบเส้นตรงคือ...บอก 15000 ก็จ่ายมา 15000 ถือว่าจบ การขาย...แต่ผลประโยชน์เบื้องหลัง...ผมว่าเขาคุยกันในที่ลับมากกว่านะผมว่า.. จากคุณ : bang_rud เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 09:27:21 A:101.108.28.76 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ารัฐบาล แก้ข้อกล่าวหาได้ผมก็ ยินดีกับชาวนาครับ ........แต่ถ้าไม่.....ก็เลิก จากคุณ : อันเดร (a_nizuka) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 13:43:56 A:125.26.51.172 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณ lpg horse ชัดเจน ถามต่อครับ  ส่วนที่งงคือ คนซื้อ แบบ สวมสิทธิ นี้ จะเอา ข้าวไป ทำอะไรครับ ที่ฝ่ายค้านบอก เอาไปเวียนเทียน ไม่เข้าใจขบวนการ กับการประเมินความเสียหายของรัฐ คิดจากอะไรครับ จากคุณ : ลมธรรม (ลมธรรม) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 13:57:39 A:124.121.113.171 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ตรงนี้คงต้องดูก่อนว่า รัฐบาลขาย G to G ในราคาเท่าไหร่แน่ เมื่อรัฐบาลไม่บอก ก็คงเดาได้ลำบากอยู่ สมมติวันนี้ราคาตลาดอยู่ที่ 17,000 บาท รัฐบาลขาย G to G 15,000 บาท ก็มี 2,000 บาท เป็นส่วนต่าง ถ้ารัฐมนตรีได้สัก 300-500 บาท คนสวมสิทธิ ได้ 300-500 บาท แล้วไปขายโรงสีที่ราคา 16,000 บาท โรงสีได้ส่วนต่าง 1,000 บาท มันก็เป็นไปได้ในการทำ แต่ถ้าหากผลต่างน้อยมาก ไม่พอแบ่ง อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำทำไม แต่จุดเรื่องทุจริต ผมว่าที่รัฐบาลต้องชี้แจงมากที่สุดก็คือ บอกว่าขายไปต่างประเทศ แล้วทำไมข้าวไม่ออกไป กลับยังค้างอยู่ในประเทศอยู่ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 17:47:20 A:110.171.132.154 X: