ความคิดเห็นที่ 1 ก็ขอตั้งโจทย์แบบนี้ จะดูเฉพาะการได้รับบำนาญชราภาพ ซึ่งตามกฎหมายจะบอกว่า ต้องเป็นคนที่จ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน (15 ปี) จะมีสิทธิได้รับเงินบำนาญ 20% ต่อเดือนของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย และได้เพิ่มอีก 1.5% ต่อการจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้น 1 ปี โดยขอยกตัวอย่าง คน ๆ หนึ่ง ที่ได้รับเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท ตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน (อายุ 25 ปี) จนกระทั่งเกษียณอายุ (55 ปี) เพื่อจะได้เงินสมทบต่อเดือนคงที่ทุกเดือน ที่จ่าย (30 ปี) ที่จ่ายอยู่ 5% แต่เป็นส่วนกองทุนสงเคราะห์บุตรและชราภาพ 3% เมื่อรวมสองฝ่ายจะได้ 6% (ในส่วนของที่รัฐบาลสมทบ คิดเป็นเงินที่จ่ายเรื่องสงเคราะห์บุตร แล้วยก 6% นี้ให้เก็บไว้จ่ายเป็นบำนาญ) 6% ของ 15,000 บาท ก็คือเดือนละ 900 บาท ปีนึง 10,800 บาท จ่ายเป็นเงิน 30 ปี ก็จะได้เงิน 324,000 บาท เมื่อรวมผลตอบแทน(ดอกเบี้ย) ก็น่าจะได้ประมาณ 400,000 บาท จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 16:36:19 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 2 คนที่ทำงาน 30 ปี จะมีสิทธิได้เงินบำนาญชราภาพ เป็นเงิน 20+(1.5*10) =35% ของเงินเดือน 15,000 บาท ก็คือจะได้เงินบำนาญเดือนละ 5,250 บาท ไปตลอดชีวิต เงิน 400,000 บาท ก็จะแบ่งจ่ายคืนได้ 76 เดือน หรือ 6 ปีกว่า ก็ไม่แน่ใจว่า ผู้ประกันตน จะอยู่รับเงินบำนาญเฉลี่ยได้กี่เดือน ก็ไม่รู้ว่า ถ้าถึงปี 87 ตอนนั้น ถ้าเงินไม่พอจ่าย จะเกิดอะไรขึ้น แค่นี้แหละครับ ชี้ประเด็นไว้ก็พอ ขนาดจ่ายเงินเรื่อย ๆ ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย ถ้ารัฐบาลติดใจ เห็นเงินกองทุนมีเยอะ หาเรื่องแจกเงินจากกองทุนอยู่เรื่อย ๆ ก็ยิ่งเร่งให้กองทุนล้มละลายเร็วขึ้น ตอนนี้มีเงินแปดแสนล้าน ปีนึงมีเงินเข้าประมาณแสนล้าน ก็ไม่น้อย แต่ถ้าต้องคืนเงินบำนาญเดือนนึงหลายหมื่นล้าน  ไม่รู้ว่า ตอนนั้นจะเป็นยังไง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 16:43:24 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 3 มันเป็นเรื่องใน32ปีข้างหน้า วันนี้ยังไม่เริ่มจ่ายเลยซักบาท เพราะกองทุนเพิ่งตั้งมา อายุยังไม่ถึง15ปี ที่จะได้รับเงินบำนาน ถ้าวันนี้ล้วงมาใช้แบบนี้โดยไม่ใส่เข้าไป(ไม่ว่าจะด้วยทางตรงหรือทางอ้อม) ก็แน่นอนว่าจะมีปัญหา แต่เรากำลังพูดเรื่อง 32ปีข้างหน้า คุยกันคงไม่ได้ข้อสรุปแน่คับ..กระทู้ไม่ผิดนะ แต่ผมคิดว่าสรุปไวไปนิดนึง จากคุณ : เข้ามาคุย เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 16:55:49 A:61.47.116.26 X:

ความคิดเห็นที่ 4 เขาประมาณการจ่ายคืนกรณีทุกคน อยู่รับบำนาญเมืีออายุ 55 ครับ แต่ปีแรกที่จ่ายบำนาญคืนกลับมีผู้มายื่นรับเงินตัวนี้ไม่ถึงครึ่งของทั้งหมด เงินก้อนนี้มีระยะเวลาครับว่าสามารถขื่นเรื่องได้ถึงเมื่อไร เมื่อครบกำหนด เงินจะตกเป็นของประกันสังคมทันที จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 16:56:08 A:27.55.3.30 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ขอรายละเอียดที่ว่า ปี 2587 กองทุนจะติดลบหน่อย เพราะผู้ประกันตนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เงินที่เก็บเข้ากองทุนก็โตขึ้นเรื่อยๆ ดูอย่างปีปัจจุบันมี 9.4 แสนล้าน พอปี 2577 เพิ่มเป็น 4.59 ล้านๆบาท แต่พอมาปี 2587 กลายเป็นติดลบขณะที่ผู้ประกันตนเพิ่มขึ้น 324,000 บาท เมื่อรวมผลตอบแทน(ดอกเบี้ย) ก็น่าจะได้ประมาณ 400,000 บาท จากเงินที่สะสมทุกเดือน เป็นเวลา 30 ปี ได้เงินค้น 324000 รวมผลตอบแทนแล้วมากกว่า 400000 มากครับ ลองคิดดูใหม่ นี่ยังไม่รวมว่าบำนานก็ทะยอยจ่ายเป็นเดือนๆ อีกเช่นกัน กว่าจะจ่ายหมดจากต้น 324000 หลายสิบปีครับ (ตายก่อนแหงแก๋) จากคุณ : กู๋เอง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 16:57:18 A:125.25.21.251 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณข้อมูลความรู้ครับผม จากคุณ : อาโก หนองจอก เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 17:18:27 A:203.209.53.18 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณหลายความเห็นนะครับ ตอนแรกผมก็กะจะคำนวณให้ละเอียดก่อนโพส แต่เห็นว่า เนื้อหาของข่าว เป็นในแง่ของการที่รัฐบาลพยายามลดการส่งเงินสมทบด้วยเหตุผลต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ปีนี้ ก็ลด ปีหน้าจะลดอีก ก็ทำให้กองทุนมีเงินเข้าน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ตอนนี้ดูไม่เห็น แต่ในความเป็นจริง มันจะมีปัญหาแน่นอน ผมก็เลยลองยกตัวอย่างเอาคนที่น่าจะเป็นลักษณะของคนส่วนใหญ่ คือจ่ายประกันสังคมประมาณ 30 ปี แล้วหลังจากอายุครบ 55 ปี รับเงินบำนาญ ก็น่าจะอยู่ไปถึงอายุเฉลี่ยของคนไทย คือเกิน 70 ปี ก็ขอตอบคุณกู๋เอง นะครับ ยอมรับว่าตะกี้ตอนตั้งกระทู้ ไม่ได้คิดให้ละเอียด ตอนนี้ลองคิดให้ละเอียดอีกหน่อย แต่คงต้องดูตัวเลขเงินสมทบจากรัฐบาลจริง ๆ ด้วย ว่าจ่ายอยู่เท่าไหร่ และเงินกองนี้ ถูกจ่ายไปให้การสงเคราะห์บุตรเท่าไหร่ คิดเป็นกี่ % ของกองทุนนี้ แต่เอาเป็นว่าคิดตามสมมติฐานที่ผมตั้งเอาไว้ก่อน ก็จะได้ตามตารางนี้ คือถ้าต้องจ่ายบำนาญเกิน 12 ปี (ถึงอายุ 67 ปี) ก็น่าจะเริ่มขาดทุน โดยผมใช้ผลตอบแทนไว้ที่ 4% ก็ไม่แน่ใจว่า ตอนนี้กองทุนประกันสังคม หาผลตอบแทนได้เท่าไหร่ เพราะกองทุนนี้เป็นกองทุนใหญ่มาก การลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย(เพราะนโยบายกองทุนเป็นแบบนั้น) จะสามารถหาผลตอบแทนที่ดีให้กับเงินทั้งก้อนได้หรือไม่ สำหรับประเด็นที่บอกคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ อันนี้ต้องยอมรับว่า คนเพิ่มขึ้นจริง แต่ถ้าหากการคืนเงินบำนาญชราภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ เงินกองทุนก็จะเข้าสู่การติดลบแน่นอน เพราะการจ่ายเงินบำนาญ จะมากกว่าการสมทบประมาณ 5-6 เท่า หรือถ้าหากมีคนจ่ายเงิน 10 ล้านคน แต่มีคนรับบำนาญ 2 ล้านคน ก็อาจจะทำให้เงินกองทุนเป็นลบได้ ก็เป็นว่าผมคำนวณแบบนี้แล้วกันครับ มันคงไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ เพราะตัวแปรเยอะ แต่แค่อยากฝากรัฐบาลคิดให้ละเอียดก่อน ที่จะลดการส่งเงินสมทบอยู่เรื่อย ๆ มันจะทำให้คนที่เก็บเงินไว้ใช้ยามชรา  อาจจะมีปัญหาได้ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 17:36:21 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ยากจัง ทู้แปะรูปอย่างเดียวไม่มีหรอ จากคุณ : ตัวกลมแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 17:45:35 A:115.87.54.246 X:

ความคิดเห็นที่ 9 รัฐบาล (ประกันสังคม) เขาคิดละเอียดิยู่แล้วครับ แค่ จขกท ลองคำนวนจริงๆจังๆ จาก 400000 ยังกลายเป็น 6 แสนกว่าได้เลย นี่ถ้าเอาดอกเบี้ยเงินกู้มาใช้แทนดอกเบี้ยเงินฝาก ฟรือปรับให้เแป็น 5 6 7 เปอร์เซนต์ มันจะยืดไปอีกกี่ปี ปัจจุบันฝากเผื่อเรียกออมสินก้ะ 3 % กว่าแล้ว แล้วลองไปเทียบกับค่าเฉลี่ยอายุคนไทย ผมว่าไม่ต่างกันครับ จากคุณ : กู๋เอง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 18:26:24 A:180.180.186.15 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า รัฐบาลลดการส่งเงินสมทบลง ก็ทำให้ยอดเงินต้นลดลง กับอีกอย่างคือ ผมคิดว่าทั้ง 6% เก็บไว้ใช้สำหรับชราภาพ แต่จริง ๆ มีต้องจ่ายสงเคราะห์บุตรด้วย ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลจ่ายน้อยกว่า 3% (เพราะทั้งหมดรัฐบาลจ่าย 2.75% เป็น 4 กรณีแรกไป 1.5% แล้ว) ดังนั้น ถ้าเงินต้นไม่ใช่ 10,800 บาทอีก ก็ยิ่งมีต้นเงินน้อยลงไปอีก สรุปก็คือ ก่อนที่รัฐบาลจะลดการส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม ช่วยผู้ประกอบการกับคนทำงาน ต้องคิดให้ดีก่อน ที่จะนำปัญหาไปสู่อนาคตครับ แล้วเรื่องผลตอบแทน ยังไงมันใช้อัตราเงินกู้มาคิดไม่ได้หรอกครับ เพราะว่ากองทุนนี้บอกว่า ต้องลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ ก็คงฝากเงินได้อย่างเดียว ดังนั้นตัวเลข 4% ผมคิดว่าเหมาะสมกับการคำนวณแล้วแหละครับ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 18:38:05 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 11 พวกเงินประกันเป็นเงินหมุน ปรกติ การฝากประกัน เพื่อนำเงินไปลงทุน แล้วจ่ายเป็นดอกเบี้ย และหรือเอาดอกเบี่ยมาจ่าย แต่ของหน่วยงานรบ. อาจจะต่างกัน แต่ความเหมือนคือ ไม่มีการนำเงินแช่แข็งกินดอกแน่นอน เมื่อถึงวันต้องจ่ายเงินคืนจริงๆ ณวันนั้นจะมีเงินเข้า ที่มาจากผู้จ่ายเบี้ยรายใหม่ ฉนั้น ถ้ายังบังคับจ่ายเบี้ยประกันกันอยู่แบบนี้ จะไม่มีวันเจ๊งหรอกนะ แต่ดอกเบี้ย อาจจะน้อยลง แต่ประกันสังคมไทย ไม่จ่ายดอก มีแต่กินเบี้ยฟรีอยู่แล้ว เพราะอย่างเรา ที่จ่ายไป ก็ อาจจะไม่ได้ไปเอาคืนหรอก ถ้าพอมีจะกิน ก็คงไม่ได้ไปเอา อีกอย่าง จะขอรับได้ ต้องลงทะเบียนอะไรมากมายเลย และต้องลงภายในอายุกี่ปีๆนี้ด้วย วันก่อนได้ยินคนชรามือใหม่คุยกัน เรื่องเจ๊งอาจจะไม่ แต่ถ้าบอกว่ามีการขาดทุน หรือหนี้สูญ น่าจะเป็นไปได้ ขาดทุนคือ เอาไปลงทุนแล้ว ได้ดอกไม่คุ้ม แต่การจ่ายหลังเกษียณ มันไม่มีปัญหาเกือบจะแน่นอน จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 18:41:13 A:171.101.126.124 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ผมคิดว่า ประโยคนี้ควรจบแค่นี้ครับ ถ้าเอาไปคำนวนต่อมันจะยิ่งเพิ่มเออเรอร์ เหมือนตอนแรกที่คุณว่าได้ผลตอบแทน 4 แสน พอลองคำนวนจริงๆ กลายเป็น กว่า 6 แสน เออเรอร์ไป กว่า 50 % เลยนะนั่น นี่มาว่ากองทุนความเสี่ยงต่ำต้องเอาเงินฝากกินดอกอีกแล้ว จากคุณ : กู๋เอง เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 19:22:47 A:180.180.187.184 X:

ความคิดเห็นที่ 13 คือการประกันสังคมมั้งครับ ที่ผมคิด ตัวเลขการนำมาคิดถัวเฉลี่ยเป็นอย่างไร ผมก็ไม่รู้นะครับ แต่ ถ้าสมมุตินาย ก ส่งไม่ถึง 30 ปี ดันมาตายตอน 50เศษๆ ก็ได้ค่าชาปณกิจเท่านั้นมั้ง ประมาณว่า นะ คนนั้นก็ต้องยก ไอ้ 3 แสนกว่าๆให้ชาวบ้านไปตามระเบียบ จึงน่าจะเป็นคำตอบที่น่าจะตอบได้ว่ากองทุนยังอยู่ แต่ ไอ้การประกาศลดเงินส่ง นั้น ผมก็ว่า น่าจะมีประชาสัมพันธ์ให้รู้มากกว่านี้ เพราะข่าวลือเรื่อยๆ ว่าผู้บริหารองค์กรนี้ ดูงานเมืองนอกบ่อยๆ น่ะ อาจีเงื่อนงำอะไร ที่พอลดอัตราการส่งได้บ้าง จากคุณ : Mbit เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 22:49:32 A:49.49.201.144 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ขออภัยตอบดึกไปหน่อย ขอตอบคุณกู๋เอง อีกนิดนะครับ เพราะเรื่องการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ผมไม่ได้เพิ่มประเด็น แต่ผมได้พิมพ์ไปแล้ว ในคห.ที่ทำตาราง สำหรับคห.13 คือที่ผมพูด ผมพยายามพูดในแง่คน ๆ หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ ใน 10 ล้านคน จะมีพฤติกรรมการเป็นผู้ประกันตนแบบนี้ คือจ่ายเงินสมทบประมาณ 30 ปี และพออายุ 55 ปี ก็รับเงินบำนาญไปจนตาย ซึ่งถ้าหากมันเป็นการสมทบ และรับเงินตามปกติ ผมก็ว่า มันน่าจะเป็นไปตามสูตร เพราะมีคนที่ตายก่อนบ้าง ทำให้การจ่ายเงินบำนาญ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร กองทุนน่าจะมีเงินสำรองพอหมุนได้ไปเรื่อย ๆ แต่พอรัฐบาลเล่นลดเงินสมทบเข้ากองทุนนี้ ไม่ถึงฝ่ายละ 3% ตามที่กำหนดไว้ตอนแรก ก็ทำให้ขนาดกองทุนน่าจะมีปัญหาแล้ว (อันนี้ผมยอมรับว่า ตอนต้นกระทู้ อาจจะมั่วตัวเลขไปหน่อย ) แต่ก็ยังอาศัยการหมุนเงิน ก็น่าจะผ่านไปได้ แต่พอมาปีนี้ รัฐบาลมีการลดการจ่ายเงินประกันสังคมของผู้ประกันตน และปีหน้าจะลดให้ผู้ประกอบการอีก ก็ทำให้เงินเข้ากองทุนน้อยลง ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ถ้ารัฐบาลถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ปีหน้าลดได้ ปีต่อไปอาจจะลดอีก รับรองถึงจุดนึงก็ต้องมีปัญหาใหญ่แน่ ๆ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 00:08:24 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 15  ผมขอเปรียบเทียบกองทุนประกันสังคมกับของข้าราชการซึ่งคิดว่าลักษณะคล้ายกันมากของ กบข มีผลประกอบการตามรูปแนบ ค่าเฉลี่ย น่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 8 % กองทุนประกันสังคมมีเงินมากครับจนครั้งหนึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่าข้าราชการในหน่วยงานนี้ใช้เงินไปดูงาน (เที่ยว) ต่างประเทศกันเป็นว่าเล่น และการลดการเก็บเงินสมทบ เขาคงไม่ได้ทำตามอำเภอใจแนอน มันต้องมีข้อมูลสนับสนุนว่าลดได้แค่ไหนและนานเท่าไหร่ ถ้าข่าวว่ากองทุนจะมีปัญหาออกมาจากผู้เกี่ยวข้องหรือข้าราชการในหน่วยงานนี้มันจะมีน้ำหนักกว่ามาจากหนังสือพิมพ์ครับ ผมถึงได้ถามในคหแรกว่า มีรายละเอียดไหมว่า ปี 2587 กองทุนจะติดลบ เพราะการฟอแคสไปไกลขนาดนั้น ถ้าคุณเอาข้อมูลขยะใส่เข้าไปในการคำนวน ก็อย่าหวังว่าจะได้ความแม่นยำครับ จากคุณ : กู๋เอง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 08:56:31 A:125.25.21.251 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ระบบประกันสังคมความจริงแล้วเป็นการบังคับชนชั้นแรงงานให้จ่ายเงิน แต่พอป่วยแต่ไปเข้าโรงพยาบาลที่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่เอาประกัน แต่สำรองจ่ายเงินไปก่อน พอขอเบิกเงินคืนกลับไม่ได้ (เข้าฉุกเฉิน) เป็นการเอาเปรียนประชาชนคนใช้แรงงาน จากคุณ : คนข้างไห เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 55 13:24:10 A:110.77.249.236 X: