การเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของอภิสิทธิ์และสุเทพ เมื่อวานนี้ ทั้งคู่ปฏิเสธที่จะเซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหา(แล้วไปทำไม) ไม่เซ็นต์รับทราบการห้ามออกนอกราชอาณาจักร และข้อห้ามใดๆที่ดีเอสไอห้ามไว้ บอกแต่เพียงว่าจะไม่หนีไปไหน
ผมอ่านแล้วนึกถึงนักธุรกิจระดับหมื่นล้านเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เมื่อธุรกิจล้มไม่เป็นท่า นักธุรกิจท่านนั้นใช้วิธีการ "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ใครจะทำไม สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเจ้าหนี้เป็นอย่างยิ่ง
การกระทำอย่างนี้ผมเรียกว่า "หน้าด้าน หน้ามึน" ประเภท ฉันจะทำอย่างนี้ซะอย่าง ใครจะทำไม
หลังจากปฏิบัติการ "หน้าด้าน หน้ามึน" แล้ว ทั้งคู่ยังออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า จะไม่หนีไปไหน จะอยู่สู้คดีจนถึงที่สุดแม้โทษประหารชีวิตก็ยอมรับ ขอให้อดีตนายกทักษิณทำเหมือนตนเองด้วย ฟังเผินๆดูแมนอย่างยิ่ง..แต่......
โธ่เอ๋ย....ลองอภิสิทธิ์และสุเทพเจออย่างนายกทักษิณเข้าก็เผ่นป่าราบเหมือนกัน เจอศาลพิเศษเข้าให้โป้งเดียวจอด ไม่มีอุธรณ์ฎีกา(เพราะมันคือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง)ถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนยังปากแข็งอยู่ เพราะกว่าคดีจะถึงที่สุดอาจจะใช้เวลาอีก 50 ปี ถึงตอนนั้นทั้งคู่ก็"แก่ตาย"ไปก่อนแล้ว
เรื่องนายกทักษิณหนีคดีนั้น ลึกๆผมคิดว่าฝ่ายตรงข้ามนี่แหละที่จงใจส่งข่าว และกระตุ้นให้นายกทักษิณรีบขอเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน
กล่าวคือถ้านายกทักษิณหนีคดีไปต่างประเทศน่าจะทำให้กำลังของฝ่ายพรรคไทยรักไทยอ่อนลง(แต่ไม่เป็นไปตามนั้น สุดท้ายต้องหาวิธีการยุบพรรค) หวังให้กระแสและความนิยมนายกทักษิณลดลง(แต่กลับตรงกันข้าม กระแสกับเพิ่มสูงขึ้นมากมาย) และประการสุดท้ายหากปล่อยให้นายกทักษิณติดคุกอยู่เมืองไทยฝ่ายตรงข้ามหวาดกลัวว่าประชาชนจะลุกฮือทั้งประเทศต่อต้านรัฐบาล และในที่สุดจะนำไปสู่การโค่นอำนาจรัฐและการปฏิวัติประชาชน
แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 09:27:51
แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 55 09:26:43
จากคุณ |
:
เฒ่าเฝ้าเรือน
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ธ.ค. 55 09:24:02
A:202.12.118.61 X:
|
|
|
|