ความคิดเห็นที่ 1 นี่คือวิสัยทัศน์ของผู้ที่คิดนโยบายนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร.... คุณสุดยอดมาก จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:14:21 A:223.205.116.187 X:

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ต้องอดทนสักนิดนะ ว่า จะทำให้รถมากขึ้นในช่วง3-5ปีที่จะถึงนี้ จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:15:03 A:223.205.116.187 X:

ความคิดเห็นที่ 3 รัดถะบานก่อนไม่มีปัญญาคิดแน่นอน คิดได้แค่...ไข่ชั่งกิโล จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:15:52 A:223.205.116.187 X:

ความคิดเห็นที่ 4 หรือทำให้น้ำมันปาล์มขาดตลาด เพื่อ....ตัวเอง จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:16:20 A:223.205.116.187 X:

ความคิดเห็นที่ 5 คนคิดเรื่องนี้ผมว่าอาจเป็นประธานกรรมการโตโยต้าก็ได้น่ะครับ จากคุณ : abbeaw เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:43:52 A:183.89.1.169 X:

ความคิดเห็นที่ 6 คงอยากให้คน ...... เป็นคนโดยค่อนข้างเท่าเทียมกันกระมัง ถึงไม่เต็มร้อย  แต่ลดช่องว่างได้บ้าง  ก็ดีมิใช่น้อย....คนจนมีสิทธิ์ไหมครับ  555 จากคุณ : วิหคน้ำเค็ม เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:53:03 A:223.204.153.91 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย ขนาดเครื่องยนต์ ขนาดรถยนต์ มันยังไงก็ต้องสัมพันธ์กัน ถ้าลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาก ๆ โดยที่ขนาดรถยังเป็นขนาดใหญ่ มันก็ยิ่งเปลืองน้ำมันอยู่ดี จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:53:47 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้ยอดขายรถเล็กทะลุ 8แสนคัน ฮอนด้าเป็นอันดับหนึ่ง จึงตอบ คห 5 ได้ว่า คงไม่ใช่ประธานโตโยต้า ตอบ คห 7 ได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นรถบอดี้เล็กครับ เครื่องเล็กยบอดี้ใหญ่คงไม่มาก จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:57:30 A:223.205.116.187 X:

ความคิดเห็นที่ 9 จริงเหรอครับ รถ cc.ต่ำ อายุการใช้งานก็น้อยนะผมว่า เปลืองตังค์ อีก4-5 ปี ก็ต้องซื้อรถใหม่อีกละ จากคุณ : ชาครึ่งถ้วย เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 22:58:58 A:223.204.20.253 X:

ความคิดเห็นที่ 10 คือผมจะพูดว่า ถ้าลักษณะการใช้งาน ไม่ใช่เพื่อการใช้งานในเมือง รถเล็กก็อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ครอบคลุม เช่นบางทีต้องเดินทางไกล ไปต่างจังหวัด รถคันเล็กเกินไป เจอรถสวนทีก็เหมือนจะปลิว แล้วยิ่งไปกันหลายคน ขนของเยอะ รถหนักก็เร่งไม่ค่อยขึ้นอีก แต่พอมีโครงการนี้ ก็ต้องรีบซื้อก่อน กลัวเสียวสิทธิ แทนที่จะเก็บเงินอีกปีนึง เพื่อได้รถที่เหมาะสมกับตัวเอง พอรีบซื้อ ก็อาจจะลดสเปคลง ทำให้ได้รถที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไป แค่จะบอก จขกท.ว่า รถเล็กมันดีกว่ารถใหญ่ แต่คนที่มีโอกาสมีรถได้แค่คันเดียว การเลือกผิด แล้วต้องเลือกใหม่ อาจจะเสียมากกว่าก็ได้ครับ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:06:30 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 11 555... ก็ไปได้เนอะ.. อีโค คาร์...เกิดได้จากรัฐบาลของสุรยุทธ์...รับรองถ้าไม่มีรัฐบาลทหารรับรองไม่ได้เกิด ...นโยบายนี้ ออกเพื่อค่ายรถบางค่าย ที่ยังไม่มีอีโค คาร์ ได้เกิด ...บางค่ายที่มีความสัมพันธ์ ที่ดีกับขั้วการเมืองนี้... ลองคิดดี ๆ ..คนที่รับเต็ม ๆไม่ใช่ ประชาขนอย่างเดียวนะ ...ค่ายรถต่างหาก ที่ได้เต็ม ๆ...ขายรถได้ราคาเท่าเดิม ต้นทุนขายก็ลดลง (ไม่ต้องมีโปรโมชั่นเยอะ) จากคุณ : Chocolate Sunday เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:08:49 A:180.183.212.123 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ผื้มพวกสนับสนุนรัฐบาลเขาคิดแบบนี้นี่เอง เอาละไม่เถียงด้วยละ จากคุณ : บะหมี่สีดำ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:08:49 A:183.89.116.231 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เหตุผลหลักนะครับ รถยนต์หนึ่งคัน ต้องมีชิ้นส่วนมากมาย และมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกเยอะมาก ไหนจะเหล็ก โรงหล่อ โรงปั้ม พลาสติก ยาง สายไฟ อิเล็กทรอนิกส์ หนัง ฟอกหนัง ตัดเย็บเบาะ และอีกสารพัด การทำให้อุตสาหกรรมนี้เจริญขึ้น จะดึงเอา อุตสาหกรรมอื่นๆ เจริญขึ้นด้วย นี่ไม่นับผลพลอยได้ ที่จะทำให้คนมีการทำมา หารับประทานได้ง่ายขึ้น มากขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่ม หมุนเวียนได้อีกมาก จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:18:57 A:110.169.177.15 X:

ความคิดเห็นที่ 14 คือเค้าเน้นอีโค่คาร์ ก็เพราะอยากส่งเสริมเรื่องประหยัดพลังงานนี่แหละค่ะ ดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วย และรู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับการตั้งตัวของประชาชน ประมาณว่าปัจจัยสี่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไป เพิ่มอะไรหลายอย่างขึ้นมา รัฐบาลก็มี การรักษา(30 บาทรักษาทุกโรค) บ้านมั่นคง บ้านเอื้ออาทร บ้านหลังแรก การมีรถก็เป็นอุปกรณ์ทำกินได้อย่างหนึ่ง แถมดูดิกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินวนไปมาตั้งหลายรอบ ประชาธิปัติ ขนาดจ้างให้เขาคิดให้ยังคิดไม่ได้ขนาดนี้เลย จากคุณ : meaw_devil เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:25:15 A:125.25.48.90 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ค.ห. 11 โห ไม่มีเผด็จการ โลกคงไม่ได้เห็นอีโก้คาร์ 5555 คิดไปได้ อีโก้คาร์มันเกิดเพราะกระแสที่ว่าต้องประหยัดพลังงาน เขาพัฒนากันมาเป็นสิบปีแล้ว มันคือกระแสแห่งประวัติศาสตร์ จากคุณ : masked v เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:37:01 A:171.101.76.151 X:

ความคิดเห็นที่ 16 รถคันแรกคิดได้ไง ไม่โดนเลย ไม่เหมือนชั่งไข่ขายค่าคิดโครงการณ์ เพียง 69   ล้านเอง คนไทยจำได้ตลอดอายุขัย ของแต่ละคนเลย จากคุณ : champman เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:41:47 A:27.55.0.213 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ถามมานให้ด้วยว่า... คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา รึยัง? ประชานิยมเอาใจ จนคนเดือดร้อนไปทั่ว มาตรการ แก้ปัญหา ไมีมีรองรับ สักอย่าง ทำงานชุ่ยมากๆ จากคุณ : OffWhite เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 23:57:39 A:115.87.138.59 X:

ความคิดเห็นที่ 18 แหม มองการณ์ไกลจริงๆเลย ไม่ตั้งใจอวย รบ คิดไม่ได้นะเนี่ยกระทู้นี้ ถ้าบ้านผมมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนอิฐขนปูน จะซื้อ Brio ไปขนปูนดีมั้ยน้อ ผมเป็นเสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ได้งานหลักล้าน ซื้อรถ Brio ไปดิวงานดีมั้ยน้อ ขับรถส่งของทางภาคเหนือ ขึ้นเขาลงห้วย นิสสันมาร์ช ก็ท่าจะดี เพราะประหยัดน้ำมัน แทนที่จะเอาตังไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัย ตรงต่อเวลา ตั้งมาตรฐานการขนส่งมวลชนในเมืองไทยให้ดีขึ้น กลายเป็นต้องเอาภาษีที่ควรจะได้ไปไล่โปะภาษีสรรพสามิตอีก 800000 คัน สูญเงินไปไม่รู้กี่พันล้าน ทุกวันนี้รถเพิ่มติดกันวินาศสันตะโร มองเข้าไปรถใหม่ป้ายแดง ขับรถคนเดียวกันทั้งนั้น รถออกกันเพิ่มขึ้น น้ำมันก็ต้องสั่งมาใช้กันมากขึ้น แล้วมันจะไปประหยัดน้ำมันตรงไหน จากคุณ : Meaw Maw เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:01:51 A:171.4.240.123 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 18     แหม มองการณ์ไกลจริงๆเลย ไม่ตั้งใจอวย รบ คิดไม่ได้นะเนี่ยกระทู้นี้ ถ้าบ้านผมมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนอิฐขนปูน จะซื้อ Brio ไปขนปูนดีมั้ยน้อ ผมเป็นเสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ได้งานหลักล้าน ซื้อรถ Brio ไปดิวงานดีมั้ยน้อ ขับรถส่งของทางภาคเหนือ ขึ้นเขาลงห้วย นิสสันมาร์ช ก็ท่าจะดี เพราะประหยัดน้ำมัน แทนที่จะเอาตังไปพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัย ตรงต่อเวลา ตั้งมาตรฐานการขนส่งมวลชนในเมืองไทยให้ดีขึ้น กลายเป็นต้องเอาภาษีที่ควรจะได้ไปไล่โปะภาษีสรรพสามิตอีก 800000 คัน สูญเงินไปไม่รู้กี่พันล้าน ทุกวันนี้รถเพิ่มติดกันวินาศสันตะโร มองเข้าไปรถใหม่ป้ายแดง ขับรถคนเดียวกันทั้งนั้น รถออกกันเพิ่มขึ้น น้ำมันก็ต้องสั่งมาใช้กันมากขึ้น แล้วมันจะไปประหยัดน้ำมันตรงไหน จากคุณ : Meaw Maw   เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:01:51 A:171.4.240.123 X:     บ้านคุณมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ขนอิฐขนปูน จะซื้อ Brio ไปขนปูนดีมั้ยน้อ คุณก็โง่บรรลัย จะเอา Brio ไปขนปูน เพราะอยากได้ เงินคืนแสนนึง แต่มันไม่เอื้อกับงาน ขับรถส่งของทางภาคเหนือ ขึ้นเขาลงห้วย นิสสันมาร์ช ก็ท่าจะดี เพราะประหยัดน้ำมัน สมงสมอง อะครับ ขับรถส่งของคุณก็ซื้อกระบะสิครับ ถ้าต้องขับเอง แล้วส่งถึงที่ แต่เอ๊ะ! ขนส่งเอกชนก้มีนี่ส่ง ถึงที่เหมือนกันด้วย ขนส่งมวลชน มันก้มีโครงการตั้งเยอะแล้ว รถไฟฟ้าตั้งกี่สาย โครงการกำลังเดินทั้งงั้น ขับรถในกรุงเห็นตอม่อเยอะแยะ ส่วนต่างจังหวัด รถไฟรางคู่ หรือความเร็วสุงอย่าไปพูดถึงเลย แค่สามจียังค้านกันแล้วค้านกันอีก ถนนหนทางรัฐบาลก่อนเค้าก็ทำไว้ดีแล้วนี่ครับ ถนนไร้ฝุ่น ทำทำไม ขอไร้หลุมก่อนดีกว่า ชุดที่แล้วยังคิดไม่ได้เลยขนาดเค้าว่าเก่งกว่าฉลาดกว่า นโยบายรถคันแรกทำให้ผมและหลายๆคนเปลี่ยนใจจากรถใหญ่ๆ ซีซีสุงๆมาเป็นรถเล็กๆ ซีซีพอดีๆ เพราะใช้ในเมือง พอได้รถมาผมคิดว่าผมคิดไม่ผิด ที่ซื้อรถเล็กลง หาที่จอดง่าย ประหยัดขึ้น จากที่ต้องผ่อนเดือนเกือบสามหมื่นเหลือแค่หมื่นกว่าบาท แถมปีหน้าก็ได้เงินคืนหนึ่งแสน ผมพอใจกับนโยบายนี้ครับ แล้วรถที่ได้คืนภาษีนี่นี่ต้องประกอบในไทยไม่ใช่หรือ มันเป้นการเพิ่มงาน ในภาคอุตสาหกรรมไม่ใช่หรือครับ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 00:25:37 จากคุณ : endocrinex เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:24:25 A:180.183.180.63 X:

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ ค.ห. 15 ครับ.... ตรงไหนที่ผมบอกว่า "ไม่มีเผด็จการ โลกคงไม่ได้เห็นอีโก้คาร์"... ...ใครเค้าจะเข้าใจแบบน้านนน  คร้าบบบบบบ... ผมหมายถึงว่า ..."การเข้ามาในประเทศไทย ของ อีโคคาร์" ด่างหากครับ... ถ้าไม่ได้รับการ "ปลดล็อก" ...คงไม่ได้เกิดในไทย ... ก่อนหน้านั้น ค่ายยุโรบ เคยพยายามจะเค้ามาสร้างโรงงานผลิตในไทย ...แต่ไม่สำเร็จ เพราะติดอุปสรรค (ที่มองไม่เห็น) บางประการ สุดท้ายหลายค่ายก็ไม่ได้เข้ามา ... จากคุณ : Chocolate Sunday เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:26:07 A:180.183.212.123 X:

ความคิดเห็นที่ 21 โอว นโยบายดี๊ดี เดวบอกที่บ้านขายเบนซ์กะฟอร์จูนเนอร์ทิ้งดีกว่า แล้วมาซื้อBrio ขับดีกว่า ไปไหนมาไหนก็ทนนั่งอัดกันหน่อยช่วยชาติเพราะว่ารถดี ซีซีน้อย ประหยัดน้ำมันดีจังเบย อิอิ จากคุณ : Meaw Maw เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:28:25 A:171.4.240.123 X:

ความคิดเห็นที่ 22 คห 19 ประเทศไทยมีแต่อุตสาหกรรมยานยนต์หรอครับ จากคุณ : Meaw Maw เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:36:36 A:171.4.240.123 X:

ความคิดเห็นที่ 23 คห 19##  ช่วยบอกผู้ที่รู้ไม่จิงด้วยว่า  ปิกอัพ ก็ได้รับสิทธินี้ด้วยคับ จากคุณ : susypanda (susypanda) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:41:18 A:110.168.54.200 X:

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่จำเป็นต้องไปเดินมอเตอร์โชว์ก็ควรรู้ว่ารถปิกอัพได้สิทธิ์คืนภาษีด้วย แล้วจะง่าวไปซื้้ออีโคคาร์ขนปูนทำอะไร รัฐบาลเขาไม่ได้สนับสนุนแต่อุตสาหกรรมยานยนต์   เขาก็กำลังไล่สร้างรถไฟฟ้าอยู่นี่ไง    ไม่เห็นตอรถไฟฟ้าโผล่บ้างหรือไงน้อ    และอีกไม่นานก็จะได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกันแล้วด้วย      อย่างนี้เรียกว่าระบบขนส่งสาธารณะหรือเปล่าครับ จากคุณ : Hooley Houllier เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:55:59 A:171.98.112.93 X:

ความคิดเห็นที่ 25 มีตัวเลขประมาณการณ์กันว่า นโยบายนี้ ผลิตรถออกมาบนท้องถนน เกือบ 800,000 คันทั่วประเทศ ที่ชนบทไม่เท่าไหร่ อาจมีปัญหาตามตัวเมืองในจังหวัด โดยเฉพาะ กรุงเทพ นโยบายนั้นประสบความสำเร็จ แต่มีข้อดีข้อเสีย อย่างแน่นอน เหมาะแก่การทำวิจัย ศึกษา หรือเอาไปทำวิทยานิพนธ์ได้ ถึงไม่มีนโยบายนี้รถก็ติด แต่ตัวเลขดังกล่าวทำให้รถติดมากกว่าเดิมขนาดไหน มากหรือน้อยเพียงใด ติดตามเสพกันต่อไป ประโยชน์จากโครงการนี้ เงินที่ได้รัฐน่าจะนำไปสร้างรถไฟขนส่งความเร็วสูงอ่ะนะ(เดา) รัฐสนองกิเลสคนอยากมีรถขับ อยากตั้งตัว ผ่อนไหวไม่ไหว ท่านต้องดูตัวเอง อย่าซื้อเพียงเพราะหวังได้เงินคืน เดียวไม่มีที่จอด ถ้ามันมีข้อเสียมากก็คงได้เอาไปอภิปรายในสภา แต่ถ้ารัฐบาลตามเช็ดปัญหาได้ ประชานิยมอันนี้ ก็ผ่านไป แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 55 01:00:57 จากคุณ : anena เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:59:58 A:124.122.45.244 X:

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 7     ถ้าเทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย ขนาดเครื่องยนต์ ขนาดรถยนต์ มันยังไงก็ต้องสัมพันธ์กัน ถ้าลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาก ๆ โดยที่ขนาดรถยังเป็นขนาดใหญ่ มันก็ยิ่งเปลืองน้ำมันอยู่ดี จากคุณ : Lpg_Horse ************************************ คุณรู้ไหม รถอเมริกันยุค 60-70 คันใหญ่ๆ เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ใช้เครื่องบล็อกเล็กประมาณ 4000 ซีซี กินน้ำมัน 3-5 กม/ลิตร หรือรถญี่ปุ่นสมัยนั้นเช่น นิสสันเซดดริค เครื่อยนต์ 2600 -2800 ซีซี หรือโตโยต้า โคโรน่า ซึ่งปัจจุบันกลายสายพันธุ์มาเป็นคัมรี่ ก็ใช้เครื่องยนต์ขนาดพอๆกัน สมัยนั้นกินน้ำมันกัน 5-7กม/ลิตร ปัจจุบัน นิสสันเทียน่า โตโยต้าคัมรี่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2200 ซีซี ตัวถังก็ใหญ่พอๆกัน แต่ประหยัดน้ำมันมากกว่าเยอะ แถมยังมีอัตราเร่งดีกว่า ทำความเร็วได้สุงกว่า  นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า มันตรงข้ามกับทฤษฎีของคุณเลย ลองมาดูตัวเล็กกันบ้าง คุณว่า แจส ยาริส มาร์ช ขนาดมันพอๆกันไหม ก็พอๆกัน แต่ มาร์ช ใช้เครื่องยนต์เล็กกว่า ผลคือ อัตราสิ้นเปลืองทำได้ราว 20-22 กม/ลิตร  น้อยกว่าเครื่องยนต์ของฮอนด้าและโตโยต้า ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี โดยที่ อัตราเร่งและความเร็วสูงสุดไม่แต่กต่างกันมากนัก เทคโนโลยีปัจจุบันมันไปเร็วและไกลกว่าที่คุณเห็นเยอะครับ ผู้ผลิตแต่ละค่ายเขามีไม้เด็ดซุกไว้อีกเยอะ แต่ที่ยังไม่ปล่อยออกมาขาย ก็เพราะว่า เทคโนโลยีที่เอามาขายตอนนี้ก็จัดว่าเพียงพอเหลือเฟือแล้ว และยังขายได้อีกนับสิบปีครับ  ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องงัดไม้เด็ดออกมาขายกันตอนนี้  แต่ถ้าการแข่งขันมันแรงก็ไม่แน่ครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:11:57 A:115.87.140.246 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ฉลาดเกิน จากคุณ : วิศวกรที่ชอบนอนที่สุดในโลก เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:22:33 A:171.100.232.96 X:

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าเหตุผลหลักของรัฐบาลเป็นไปตาม ความคิดเห็นที่ 13 มากกว่าครับ ส่วนเหตุผลของเพื่อเพิ่มจำนวนคนใช้รถประหยัดพลังงาน ผมว่ามันอาจจะช่วยแต่น้อนมาก ๆ เพราะดูุคนที่ซื้อเพิ่มส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนมีฐานะซื้อให้ลูกใช้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่อาจใช้รถสาธารณะ ผมว่ามันก็มีแง่ที่ทำให้เกิดการฟุ้งเฟ้อด้วยนะไม่ใช่ประหยัดอย่างเดียว คนที่ใช้รถใหญ่ ๆ  หรู ๆ เค้าคงไม่หันมาขับรถเล็กหรอกครับ ยิ่งเป็นการเพิ่มจำนวนรถ และการใช้พลังงานมากขึ้นไปอีก ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ เพราะดูไปคนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มีน้อยและวจำกัดวงเฉพาะกลุ่ม ซึ่งผมว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็น กลุ่มคนที่พอมีเงินและเล็งจะซื้อไว้นานแล้ว อยากมีรถสำหรับครอบครัว จะได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ แต่น่าจะมีไม่เยอะครับ และช่วยคนที่ทำธุรกิจในวงการผลิตรถยนต์ ซึ่งปกติก็กำไรมากอยู่แล้วครับ เห็นได้โบนัสกันทีหลาย ๆ เดือน จากคุณ : kareyong เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:22:49 A:124.122.189.165 X:

ความคิดเห็นที่ 29 มันก็มีข้อเสียทั้งนั้นแหละไม่ว่าจะนโยบายไหน ข้อดีก็ตามที่ คห 13 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คุณลองดูสมัยนี้คนเที่ยวต่างจังหวัดเยอะขึ้น เช่นตอนนี้หัวหินเจริญขึ้นมาก มีแหล่งชอปปิ้ง คอนโด แหล่งท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย ผมว่าถ้ารัฐเน้นการลงทุนแบบนี้ไปหลายๆ จังหวัดพร้อมๆ กันจะเป็นผลอย่างมากเพราะคนมีรถกันแล้วต้องเที่ยวด้วย เที่ยวถูกเที่ยวแพงก็เป็นทราฟฟิกกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ถ้าเมืองใหญ่ๆตามภูมิภาคเจริญๆ คนก็ไม่ต้องแห่กันเข้ากรุงเทพ ลดความแออัดไปด้วย จะเห็นได้ว่ากลุ่มเซ็นทรัลเข้าไปลงทุนทุกภาคแล้ว อีกหน่อยก็เกิดการจ้างงานเอง ผมอยากให้คนที่ได้เงินภาษีคืนใช้จ่ายในประเทศครับ ยิ่งบ้านนอกยิ่งดี ขับรถไปเลย คันละ 5 คนคุ้มกว่านั่งรถตู้ ส่วนคนไม่มีตังเติมน้ำมันไปเที่ยว เที่ยวกรุงเทพก็ได้ครับตอนดึก ๆ มานั่งกินกระเพาะปลาเยาวราช ไปตลาดจตุจักรเที่ยงคืน ไปยืนริมแม้น้ำเอเชียทีค ผมสังเกตุตลาดกลางคืนคนเยอะขึ้นมากครับ ผมเชื่อว่าเพราะคนออกรถกันมากขึ้นด้วย ผมอยากให้รออีกหน่อยสำหรับคนที่บอกว่านโยบายนี้เอื้อผลประโยชน์แค่อุตสาหกรรมรถยนต์  ให้ผมเดา กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก อาหาร ตามมาก่อนเลย อีกหน่อยคงเป็นพวกแฟชั่น อิเลกทรอนิส์ แบงค์ อสังหา ไล่มาเลย จากคุณ : kunmae เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 03:43:40 A:110.168.153.82 X:

ความคิดเห็นที่ 30 เฮ้อ อย่าโชว์ง่าวกันนักเลย ไม่รู้ไม่เอ่ยออกมา ใครก็ไม่ได้บอกว่าโง่ แต่พอขยายขี้เท่อออกมาจึงรู้ว่าง่าว กามองโลกในมิติเดียวข้อมูลชุดเดียว นั้นเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่เลียนแบบได้ยากจริงๆของสลิ่ม ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ อีกไม่กี่วันท่านก็จะตามโลกไม่ทันแล้วก็จะจมในทุกข์ตลอดไป จากคุณ : คำอินตา เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 07:46:49 A:118.172.35.131 X:

ความคิดเห็นที่ 31 ความคิดเห็นที่ 21     โอว นโยบายดี๊ดี เดวบอกที่บ้านขายเบนซ์กะฟอร์จูนเนอร์ทิ้งดีกว่า แล้วมาซื้อBrio ขับดีกว่า ไปไหนมาไหนก็ทนนั่งอัดกันหน่อยช่วยชาติเพราะว่ารถดี ซีซีน้อย ประหยัดน้ำมันดีจังเบย อิอิ จากคุณ : Meaw Maw   เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 00:28:25 A:171.4.240.123 X:     ว้า! ถ้ารวยก็ซื้อรถตู้เพิ่มสิครับ จะไปนั่งอัดกันทำไมในบริโอ้ ซื้อไปก็ ไปช่วยสนับสนุน นโยบายห่วยๆเค้านะครับ คิดหน่อยสิครับว่า รถที่คุณซื้อนะเหมาะกับงานไหม แล้วรถเนี่ย เค้าให้คนที่ซื้อรถคันแรก ถ้าคุณมีทั้งสองคันแล้ว จะไปขายมาซื้อมันก็ไม่ได้แล้ว ถ้าบอกว่ารถที่บ้าน บ้านผมก็มีรถเกือบทุกประเภท แค่มันเป็นรถของครอบครัวไม่ใช่รถส่วนตัว ปล.ทั้งเบนซ์กะฟอร์จูนเนอร์เจอบนถนนที่ไร คนขับส่วนใหญ่นิสัยเสียมากๆ จากคุณ : endocrinex เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:27:40 A:180.183.180.63 X:

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นการคิด  การกระตุ้นที่ดีมากๆ  ครับ  เป็นการหมุนเวียน  ให้เกิดการซื้อขาย  เกิดการผลิต ผลประโยชน์เกิดกับทุกฝ่ายครับ   ไม่ว่าผ้ซื้อ  ผู้ขาย ผู้ผลิต  รัฐบาล  ถ้าไม่เกิดการซื้อ ขาย  ทุกอย่างจบ  คงไม่ต้องอธิบาย  ให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยฟังนะครับ ว่าผู้ซื้อได้อะไร  ผู้ขาย  หรือรัฐได้อะไร จากคุณ : คนเวียงจันทร์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:29:27 A:101.51.75.160 X:

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 26     ความคิดเห็นที่ 7     ถ้าเทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมาย ขนาดเครื่องยนต์ ขนาดรถยนต์ มันยังไงก็ต้องสัมพันธ์กัน ถ้าลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาก ๆ โดยที่ขนาดรถยังเป็นขนาดใหญ่ มันก็ยิ่งเปลืองน้ำมันอยู่ดี จากคุณ : Lpg_Horse ************************************ คุณรู้ไหม รถอเมริกันยุค 60-70 คันใหญ่ๆ เครื่องยนต์ส่วนใหญ่ใช้เครื่องบล็อกเล็กประมาณ 4000 ซีซี กินน้ำมัน 3-5 กม/ลิตร หรือรถญี่ปุ่นสมัยนั้นเช่น นิสสันเซดดริค เครื่อยนต์ 2600 -2800 ซีซี หรือโตโยต้า โคโรน่า ซึ่งปัจจุบันกลายสายพันธุ์มาเป็นคัมรี่ ก็ใช้เครื่องยนต์ขนาดพอๆกัน สมัยนั้นกินน้ำมันกัน 5-7กม/ลิตร ปัจจุบัน นิสสันเทียน่า โตโยต้าคัมรี่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2200 ซีซี ตัวถังก็ใหญ่พอๆกัน แต่ประหยัดน้ำมันมากกว่าเยอะ แถมยังมีอัตราเร่งดีกว่า ทำความเร็วได้สุงกว่า  นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่า มันตรงข้ามกับทฤษฎีของคุณเลย ลองมาดูตัวเล็กกันบ้าง คุณว่า แจส ยาริส มาร์ช ขนาดมันพอๆกันไหม ก็พอๆกัน แต่ มาร์ช ใช้เครื่องยนต์เล็กกว่า ผลคือ อัตราสิ้นเปลืองทำได้ราว 20-22 กม/ลิตร  น้อยกว่าเครื่องยนต์ของฮอนด้าและโตโยต้า ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1500 ซีซี โดยที่ อัตราเร่งและความเร็วสูงสุดไม่แต่กต่างกันมากนัก เทคโนโลยีปัจจุบันมันไปเร็วและไกลกว่าที่คุณเห็นเยอะครับ ผู้ผลิตแต่ละค่ายเขามีไม้เด็ดซุกไว้อีกเยอะ แต่ที่ยังไม่ปล่อยออกมาขาย ก็เพราะว่า เทคโนโลยีที่เอามาขายตอนนี้ก็จัดว่าเพียงพอเหลือเฟือแล้ว และยังขายได้อีกนับสิบปีครับ  ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องงัดไม้เด็ดออกมาขายกันตอนนี้  แต่ถ้าการแข่งขันมันแรงก็ไม่แน่ครับ จากคุณ : penn's   เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 01:11:57 A:115.87.140.246 X: แล้วเทคโนโลยีมันเปลี่ยนหรือป่าวครับ ถ้าเปลี่ยนมันก็ลดการสิ้นเปลืองลง แล้วมันผิดตรงไหน จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 55 08:53:25 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ จากคุณ : rcya เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 55 06:50:58 A:223.206.200.251 X: