เร่งแผนแม่บท อี-บิสซิเนสไทย........................ เห็นด้วยเปล่า?
|
|
เร่งแผนแม่บท อี-บิสซิเนสไทย
นานนับทศวรรษแล้วที่ 3 คำศัพท์ฝรั่ง เข้ามาทักทายทำความรู้จักกับสังคมไทย... “อี–มาร์เก็ตติ้ง” “อี–คอมเมิร์ซ” และ “อี–บิสซิเนส” แต่จนถึงวันนี้ ยังมีคนไทยอีกกว่าครึ่งค่อนประเทศ ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทั้ง 3 อีคืออะไร และมีบทบาทกับชีวิตของเขาอย่างไร
มีผู้เคยอธิบายไว้อย่างเรียบง่ายที่สุด ถึงความแตกต่างระหว่างคำศัพท์ทั้ง 3 ว่า
“อี–มาร์เก็ตติ้ง” (E-Marketing) หรือแปลเป็นไทยว่า การตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง รูปแบบการทำการตลาดอย่างหนึ่งซึ่งอาศัยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ที่มีความทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน เข้ามาเป็นสื่อกลาง
เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ เชื่อมโยงเข้ากับอินเตอร์เน็ต นำไปผสมผสานเข้ากับวิธีการทางการตลาด เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาดกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ
ตัวอย่างกิจกรรมการตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น Search Engine Marketing หรือ E-mail Marketing เป็นต้น
ส่วน “อี–คอมเมิร์ซ” (E-Commerce) หรือ การค้าอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทาง ที่เน้น การขาย เป็นหลัก
ยกตัวอย่าง ทำการขายสินค้าและบริการ หรือโฆษณาสินค้า ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์, โทรทัศน์, วิทยุ หรือทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
วัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ลดบทบาทความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านโชว์สินค้า ไม่ต้องมีพนักงานขาย ไม่ต้องมีโกดังเก็บสินค้า หรือไม่ต้องใช้อาคารประกอบการ เป็นการช่วยลดต้นทุนทางการค้า ลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลาในการทำธุรกรรม
อีกคำ คือ “อี–บิสซิเนส” (E-Business) บ้างก็เรียก E-Transaction แปลเป็นไทยได้ว่า “ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์”
คำนี้ มีความหมายใกล้เคียงกับ “อี-คอมเมิร์ซ” หรือการค้าอิเล็กทรอนิกส์ ต่างกันที่ความหมายของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีขอบเขตที่กว้างกว่า หมายถึง กิจกรรมที่กระทำขึ้น ระหว่างหน่วยธุรกิจ บุคคล รัฐ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจการค้า หรือการติดต่อราชการ โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน
ยกตัวอย่าง การคุมสต๊อกสินค้า การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของธนาคาร หรือการสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น
ไม่นานมานี้ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ร่วมกับคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) เตรียมเร่งผลักดัน แผนแม่บทเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นแผนส่งเสริม
ด้านอี-บิสซิเนส ฉบับแรกของเมืองไทย
เหตุที่ต้องเร่งผลักดัน ก็เพราะทุกวันนี้สถานภาพการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในเมืองไทย มีความเกี่ยวพันกับหลายด้าน ไม่ว่าด้านธุรกิจ ด้านการให้บริการของรัฐ รวมทั้งการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
อีกนัยหนึ่ง ทุกวันนี้การรักษาความปลอดภัย หรือคุ้มครองข้อมูล การกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านเรา ยังขาดความน่าเชื่อถือ
ปัญหาที่ทำให้การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ขาดความน่าเชื่อถือ หรือไม่มีการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เป็นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดขัดด้วยกฎระเบียบ หรือไม่แน่ใจในผลการรับรองของกฎหมายที่มีอยู่ รวมทั้งภาวะภัยคุกคามทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เริ่มมีมากขึ้น
การที่ประเทศไทย ยังไม่มีแผนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ อี–บิสซิเนส โดยตรง จึงทำให้ทิศทางการส่งเสริมและสนับสนุนในเรื่องนี้ ยังไม่ชัดเจนพอ
ในที่สุด จึงนำมาสู่การร่วมกันยกร่างแผนแม่บท เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยมีการใช้ธุรกรรมฯ ดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ไว้ว่า จะผลักดันให้เกิดการนำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การขยายตัวในภาคธุรกิจ ใช้บูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ใช้กับระบบบริการทางการแพทย์ และที่สำคัญนำไปใช้ส่งเสริมให้เพิ่มปริมาณการชำระเงินผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น
การกำหนดแผนแม่บทที่ว่า ไม่เพียงคำนึงถึงสถานภาพของประเทศไทยในขณะนี้ แต่ยังเชื่อมโยงกับนโยบายระดับชาติที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ 2 หรือกรอบนโยบาย ไอซีที ปี 2020 ที่มุ่งให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความเป็น “สมาร์ท ไทยแลนด์” หรือประเทศที่มีเทคโนโลยีอันชาญฉลาดใช้
การถือกำเนิดขึ้นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ซึ่งเพิ่งก่อตั้งเมื่อปีที่แล้ว ก็เพื่อเป็นองค์กรที่ช่วยผลักดัน การยกร่างแผนแม่บทดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
นอกจากต้องการให้ทั้งรัฐและเอกชนมีศักยภาพในการทำอี-บิสซิเนสเพิ่มขึ้น สามารถให้บริการที่ตอบสนองความต้องการประชาชนมากขึ้น อีกเหตุผลสำคัญ ยังเสมือนเป็นการเตรียมพร้อมด้านธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเป็นสมาชิก ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในอีก 3 ปีข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บอกว่า ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเมืองไทย มีความรุดหน้าอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ทุกวันนี้คนไทย กำลังจะก้าวข้ามจากยุค สัญญาณอนาล็อก ไปสู่ยุค สัญญาณดิจิตอล
จนเกือบจะสมบูรณ์แบบ
“ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน (โทรศัพท์มือถือที่ทำอะไรได้หลายอย่าง) การใช้ระบบ 3 จี (เทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ 3 ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีผสมผสานในการนำเสนอข้อมูล เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และอินเตอร์เน็ต ช่วยให้สามารถส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น) ซึ่ง ช่วงนี้อาจจะขลุกขลักบ้าง แต่ก็ยังสามารถใช้ 3 จี ผ่านสมาร์ทโฟนได้”
รมว.ไอซีที บอกว่า ยอดการสั่งซื้อสินค้า การชำระเงินผ่านทางระบบออนไลน์ หรือแม้แต่การสืบค้นข้อมูลผ่านทางออนไลน์ ที่มีมากขึ้นล้วนบ่งชี้ว่า ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กำลังมีบทบาทขยายตัวอย่างมากในสังคมไทย
“ยอดการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย มีความก้าวกระโดดสูงมาก สังเกตได้จากอัตราเติบโตของการค้าอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปี 2553 มีมูลค่าสูงถึง 6 แสนกว่าล้านบาท หรือในส่วนของการชำระเงิน เมื่อปี 2554 มีอัตราสูงถึง 215,000 ล้านบาท”
น.อ.อนุดิษฐ์เชื่อว่าแผนแม่บทดังกล่าว น่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จในอีกไม่นานนับจากนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มใช้งานได้ทัน ในช่วงปี 2556-2560 ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558
“เมื่อแผนแม่บทธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ มีความลงตัว จะช่วยให้เกิดการพัฒนาในหลายมิติ เช่น ทำให้หลายคนสามารถเข้าถึงการซื้อสินค้า การชำระเงินผ่านทางออนไลน์ รวมทั้งสามารถสืบค้นข้อมูลทางออนไลน์ได้อย่างสะดวก และมั่นใจยิ่งขึ้น หรือแม้แต่งานสารบรรณ จากที่เคยใช้กระดาษกันเป็นปึกๆ อีกหน่อยจะลดลง จนแทบจะไม่ต้องใช้กระดาษกันอีกแล้ว” รมว.ไอซีทียืนยัน.
ไทยรัฐออนไลน์
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
15 ธันวาคม 2555, 05:01 น.
| จากคุณ |
:
น้ำมิตร   
|
| เขียนเมื่อ |
:
15 ธ.ค. 55 13:23:28
A:58.8.62.171 X:
|
|
|
|
