ภาพที่ปรากฏ ณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกและภาพที่ปรากฏ
ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม มีความสำคัญ

1 ณ ศาลอาญา เริ่มต้นพิจารณาคดีก่อการร้ายต่อแกนนำ นปช.

1 ณ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีร่วมกันก่อให้
ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล

มีการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นผู้ต้องหา ทำประวัติและลงชื่อรับทราบ

ภาพที่ปรากฏเท่ากับเป็นการยืนยันว่าบุคคลมีความเสมอภาคกัน
ณ เบื้องหน้าของกฎหมายไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ใด

เคยเป็นนายกรัฐมนตรี เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี

กรณีของแกนนำ นปช. เป็นผลจากการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม
2553 กรณีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผล
จากการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553

รูปธรรมทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า แกนนำ นปช. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ล้วนมิอาจรอดพ้นไปจากกระบวนการทางกฎหมาย

เพียงแต่ว่าในที่สุดคำพิพากษาจะออกมาอย่างไร

สภาพอันปรากฏ ณ วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม สะท้อนถึงความเสมอภาค
และเท่าเทียมกันระหว่างแกนนำ นปช. กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ทั้งหมดนี้พิสูจน์กฎแห่งอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ อยู่ในสถานะแห่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี

อาศัยอำนาจของกฎหมายเข้าจัดการการชุมนุมของ นปช.

แกนนำ นปช. ไม่ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
เป็นต้น ล้วนถูกจับกุมคุมขังและที่สุดนำคดีขึ้นฟ้องต่อศาลสถิตยุติธรรม

คนเหล่านี้อยู่ในฐานะ "จำเลย" ถูกกล่าวหา

ขณะเดียวกัน ในเดือนธันวาคม 2555 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเดินเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจาก
การตั้งของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

2 คนนี้อยู่ในฐานะ "ผู้ถูกกล่าวหา" ในคดีร้ายแรง

นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย นี่คือวิถีดำเนินแห่งนิติรัฐ นิติธรรม
แม้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเคยดำรงตำแหน่ง เป็นรอง
นายกรัฐมนตรี แต่ก็มิอาจรอดพ้นไปจากกรงเล็บของกฎหมายได้อย่าง
ลอยนวล

เมื่อต้องสงสัยว่า "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล"

ไม่เพียงแต่แกนนำ นปช.จะต้องเดินขึ้นศาล ไม่เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะต้องเดินขึ้นศาลในกาลข้างหน้า

หากแกนนำพันธมิตรก็ต้องเดินขึ้นศาล

ก่อนหน้านี้ แกนนำพันธมิตรอาจถือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นศัตรู
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อาจถือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นศัตรู

แต่เมื่อเดินขึ้นศาล ศัตรูก็มิได้มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น

ตรงกันข้าม กรมสอบสวนคดีพิเศษต่างหาก ตรงกันข้าม เจ้าหน้าที่
ตำรวจต่างหาก ตรงกันข้าม สำนักงานอัยการสูงสุดต่างหาก

สถานะทางกฎหมายทำให้ 3 กลุ่มนี้เสมอภาค เท่าเทียมกัน

สถานะของแกนนำ นปช. สถานะของแกนนำพันธมิตร และสถานะของ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ล้วนถูกจัดในกลุ่ม
"จำเลย" เหมือนกัน

ยืนอยู่ในระนาบแทบไม่แตกต่างกัน

แกนนำ นปช.ต้องคดีมากกว่า 10 คดี แกนนำพันธมิตรต้องคดีมากกว่า
10 คดี ขณะที่โอกาสของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ อาจต้องคดีจำนวนมากกว่าแกนนำ นปช.และแกนนำพันธมิตร

เพราะมีคนตาย 99 ศพ เพราะมีคนบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน

สถานการณ์นับแต่เดือนมกราคม 2556 เป็นต้นไป เป็นสถานการณ์
อันมากด้วยความแปรเปลี่ยน

แปรเปลี่ยนเพราะคนที่เคยเป็นโจทก์กำลังแปรเปลี่ยนเป็นจำเลย
และจำนวนของคดีที่ต้องแบกรับก็เป็นไปตามพฤติเหตุ พฤติกรรม
อันเคยก่อไว้อย่างต่อเนื่องเมื่อปี 2553

ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทุกอย่างเป็นไปตามวิบาก

http://www.matichon.co.th/daily/view_news.php?newsid=01col01151255&sectionid=0116&selday=2012-12-15

เดี๋ยวต้องมีคนมาโพสต์ว่า  คุณทักษิณ ไม่เห็นจะมามอบตัว  เลย
แล้วก็ต้องยกย่องสรรเสริญ  คุณอภิสิทธิ์ต่อไป ....
เทียบกันไม่ได้ค่ะ  เพราะคุณทักษิณเป็นคดีการเมืองค่ะ
คดีคุณทักษิณ..น่ะ  ต้องปฏิวัติ และ ตั้งคตส.เพื่อกล่าวหา..อย่าลืม

คดี คุณทักษิณ เป็นความผิดเฉพาะตัว  ..