การที่เราได้ประสบพบเห็นว่ามีคนร่ำรวยเข้าขั้นมหาเศรษฐี
เป็นเรื่องที่เราทุกคนควรจะต้องร่วมแสดงความยินดีไปกับเขาผู้นั้นด้วย
โดยเฉพาะกับคนที่เราตระหนักและประจักษ์ดีว่าเขาผู้นั้นร่ำรวยโดยสุจริต
โปร่งใส และมีที่มาที่ไปของทรัพย์สินอย่างชัดเจน
แต่สำหรับคนที่อยู่ ๆ ก็กลับรวยขึ้นมาอย่างผิดปกติ
รวยแบบไร้เหตุไร้ผล ไร้ที่มาที่ไปของทรัพย์สิน หรือร่ำรวยแบบไม่สุจริต
ซึ่งก็คือรวยร่ำโดยผิดปกติ คนกลุ่มนี้สมควรอย่างยิ่งที่วิญญูชนจะต้องตั้ง
คำถามกลับพวกเขาให้จงหนักว่า สูเจ้ารวยมาด้วยกรรมวิธีใด
การถามเช่นนี้มิได้หมายความว่า ถามเพราะมีใจคิดอิจฉาริษยา
แต่ถามเพราะต้องการให้พวกมหาเศรษฐีขี้โกงที่ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สุจริต
ต้องตอบคำถามให้ชัดว่า ได้ทรัพย์สินมาอย่างไร หากได้ทรัพย์มาโดยสุจริตแล้ว
ก็ต้องแสดงความชื่นชม แต่หากได้ทรัพย์มาโดยวิธีการทุจริตแล้ว สังคมก็ต้อง
ช่วยกันจัดการขั้นเด็ดขาด
วารสารการเงินธนาคารร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ประกาศผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปีนี้
โดยระบุว่าตระกูลมาลีนนท์ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย พ.ศ. 2555
โดยครองแชมป์ติดต่อกันมาแล้ว 14 ปี ส่วนตระกูลจิราธิวัตน์ ครองแชมป์อันดับ
2 ตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ครองอันดับ 3 ตามมาด้วยตระกูลอัศวโภคิน อันดับ 4
และอันดับ 5 คือตระกูลกาญจนพาสน์
ส่วนนักการเมืองไทยที่มีรายชื่อเครือญาติติดอันดับมหาเศรษฐีหุ้นไทยก็มีดังต่อไปนี้
แพทองธาร ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 47 ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท
29.22 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 3,459.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,364.49 ล้านบาท หรือ
65.14 เปอร์เซ็นต์
พินทองทา ชินวัตร เศรษฐีหุ้นอันดับ 53 ถือหุ้นของเอสซี แอสเสท
เช่นกันที่ 28.28 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 3,347.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,320.47 ล้านบาท
หรือ 65.14 เปอร์เซ็นต์
พงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีลูกสาวชื่อญาภา เทพกาญจนา
ติดอันดับเศรษฐีหุ้นที่ 244 ถือหุ้น บมจ.เกียรตินาคิน 2.08 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า
795.50 ล้านบาท ส่วนภรรยาของพงศ์เทพคือ พนิดา เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับที่ 264
ถือหุ้นเกียรตินาคินเช่นกันที่ 1.90 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 728.08 ล้านบาท
และที่น่าสนใจมิใช่น้อยคือในฝั่งของเฉลิม อยู่บำรุง
รองนายกรัฐมนตรี ก็มีชื่อลูกคืออาญหาญ อยู่บำรุง เศรษฐีหุ้นอันดับ 1,811 ถือหุ้น
บมจ.ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง 2.64 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 58.28 ล้านบาท ส่วนดวง
อยู่บำรุง เศรษฐีหุ้นอันดับ 2,213 ถือหุ้นเดียวกับอาญหาญ 1.75 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า
38.60 ล้านบาท
ขอแสดงความยินดีกับเศรษฐีหุ้นทุกรายที่ร่ำรวยมาโดยปกติและสุจริต
แต่ขอตั้งคำถามไปยังเศรษฐีหุ้นบางรายว่าร่ำรวยมาได้ด้วยความสามารถโดยสุจริต
หรือโดยอำนาจการเมือง
http://www.naewna.com/politic/columnist/4500
ไม่ค่อยสนใจนะคะ ใครจะรวย ด้วยหุ้น เพราะยังไงมันเปิดเผย ตรวจสอบได้
น่าสนใจมากกว่า ที่เป็นข้าราชการ และก็ร่ำรวยขึ้นมา แบบอดีตปลัดกระทรวง
...ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่มีเงินสดเก็บไว้ในบ้าน ...
หรืออดีตนายก ฯ พลเอก สุรยุทธ ...คนที่ได้ชื่อว่าซื่อสัตย์ ..ท่านรับราชการ
อย่างเดียวนะคะ แต่มีทรัพย์สินเกือบร้อยล้าน มันมาจากไหน ... ถึงมีคน
สนใจ แต่ ปปช.ไม่สนใจ สื่อแบบ "เฉลิมชัย ยอดมาลัย" ก็ไม่สนใจ
ที่มาของทรัพย์สิน ของนายกฯ คนซื่อสัตย์ ก็ยังเป็นความลับ ดำมืด จนทุกวันนี้