 |
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขออีกสักเรื่อง
ที่คุณแตงบอก เรื่องเผาบ้านเผาเมืองกระจ่างไปแล้ว
ใช่ครับ กระจ่างแจ้งแดงแจ๋เลย
ไม่อยากหักหน้านะครับ ทีหลังจะ Post อะไรหาความรู้ หาข้อมูลด้วย
หน้าแตกเปล่าๆ ขอแบบคุณภาพหน่อย
เงิบ !!!
บทเรียน..เสื้อแดงจำไว้ เผาขอนแก่นเจอคุก3ปี คนสั่งเผาไม่รับผิดชอบ เจ้าตัวชิ่ง-เบี้ยวนัดศาล "เสื้อแดงขอนแก่น" เผาเมืองเจอสั่งจำคุก 3 ปี ศาลระบุชัด "ไม่เคารพยำเกรงก.ม." ในภาวะที่บ้านเมืองวุ่นวายแตกแยก จึงลงโทษโดยไม่รอลงอาญา ไม่ให้บุคคลอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง "ทนายแดง" ไม่อุทธรณ์ปล่อยติดคุกต่อ ขณะที่ "อำมาตย์เต้น" คนสั่งเผา แต่ไม่รับผิดชอบ ตัวเองยังเบี้ยวนัดศาลอาญารัชดาในคดีก่อการร้าย แต่ศาลรู้ทัน เตือนถ้าเบี้ยวอีก เจอหมายจับแน่
วันที่ 13 ธ.ค. 2555 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์พิจารณาตัดสินคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ฟ้องนายอุดม คำมูล เป็นจำเลย ในคดีก่อให้เกิดเพลิงไหม้ บุกรุก มีความผิดต่อพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 จำเลยกับพวกร่วมกันมั่วสุม และกระทำการอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ณ บริเวณที่ทำการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และข้อกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยจำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด้วยการจุดไฟเผากองยางรถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ใช้กำลังผลักดันเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ และบุกรุกเข้าไปในอาคารที่ทำการสำนักงานประชาสัมพันธ์ เขต 1 ขอนแก่น ตระเตรียมเพื่อวางเพลิงอาคารและทรัพย์สิน มูลค่า 222,552,600 บาท ซึ่งต่อมามีคนร้ายวางเพลิงสถานที่ดังกล่าวจนได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91, 215, 217, 218, 219, 362, 364, 365 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5, 9, 11, 18 ขอให้ริบของกลาง แต่จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ และจำเลยแล้ว มีข้อวินิจฉัยประการแรกว่า จำเลยร่วมกันมั่วสุม กระทำการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย กระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง บุกรุกเข้าไปในที่ทำการสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 1 ขอนแก่น และมีเหตุการณ์ตามฟ้องหรือไม่ ซึ่งศาลเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความยืนยันอย่างสอดคล้องต้องกัน ประกอบกับมีพยานหลักฐานอื่น เช่น ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ส่วนจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างในข้อนี้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิด
ส่วนข้อวินิจฉัยประการที่สอง ที่จำเลยร่วมกันตระเตรียมเพื่อวางเพลิงเผาอาคารสำนักประชาสัมพันธ์ เขต 1 ขอนแก่น ตามฟ้องหรือไม่ ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ไม่เบิกความยืนยันว่า รู้เห็นถึงการกระทำของจำเลย และมีเหตุสงสัยตามสมควรที่จำเลยกระทำความผิดในข้อหานี้หรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง
พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามข้อวินิจฉัยประการแรก โดยข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นบทความผิดที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุก 2 ปี ข้อหาร่วมกันบุกรุกลงโทษจำคุก 1 ปี รวมความผิดสองกระทง ลงโทษจำคุก 3 ปี
กรณีมีเหตุบรรเทาโทษจากคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวน และคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงลงโทษจำคุก 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ไม่เคารพยำเกรงต่อกฏหมายบ้านเมืองในภาวะที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแตกแยก และเพื่อมิให้บุคคลอื่นถือเป็นเยี่ยงอย่าง จึงไม่รอการลงโทษ
นายประยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ภาคอีสาน กล่าวว่า คดีนี้คงจะไม่ยื่นอุทธรณ์ หากยื่นอุทธรณ์ต้องต่อสู้ทางคดีอีกนาน คงให้ผู้ต้องหาต้องโทษในเรือนจำต่อ เพราะที่ผ่านมานายอุดมถูกจำคุกในคดีนี้มาแล้วประมาณ 1 ปี 2 เดือน หากจำคุกต่ออีกไม่ถึงปี ก็น่าจะทำเรื่องลาพักโทษได้
"ศาลอาญา" เตือน "อำมาตย์เต้น" อย่ายึกยักเบี้ยวนัดสืบคดี ไม่เช่นนั้นเจอหมายจับแน่
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553 ที่ พนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธานนปช., นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันทำให้ปรากฏกับประชาชนด้วยวาจา มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไป ประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมกันชุมนุม หรือมั่วสุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-20 พ.ค.2553
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาทนายความของนายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่า นายณัฐวุฒิติดภารกิจเดินทางติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ ไปประชุมและติดตามการปฏิบัติงาน ณ พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จ.ยะลา และจำเลยที่ 3 มีกำหนดการที่ต้องร่วมเดินทางเพื่อติดตามและปฏิบัติงานของสมาชิกกองทุนพัฒนาสตรีและกลุ่มมวลชนในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ และเปิดสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงขอเลื่อนคดีออกไปสักนัดหนึ่ง
ส่วนทนายความของนายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล จำเลยที่ 13 แถลงว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายจรัญ จำเลยที่ 13 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ในคดีพยายามฆ่าผู้อื่นและพ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนำหลักฐานเป็นภาพข่าวจากเว็บไซต์ มาประกอบการพิจารณาของศาล จึงขอเลื่อนคดีออกไปสักนัดหนึ่ง
ศาลสอบถามพนักงานอัยการโจทก์ แถลงไม่คัดค้านและแถลงเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.คณิศรชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พยานโจทก์มีอาการปวดหลัง แพทย์มีความเห็นให้พักผ่อนและห้ามเคลื่อนไหวร่างกาย จนถึงวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ในวันนี้โจทก์จึงไม่มีพยานมาศาล โดยในวันที่ 14 ธ.ค. โจทก์จะนำพ.อ.ธนากร โชติพงษ์ เจ้าหน้าที่ทหารมาเบิกความต่อศาล เกี่ยวกับการประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคดีนี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนของนายณัฐวุฒิ ที่อ้างว่าต้องติดตามนายกรัฐมนตรีไปประชุมพบปะและติดตามการปฏิบัติงานของสมาชิกชุมชนพัฒนาบทบาทสตรี กลุ่มพลังมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งไปร่วมพิธีเปิดสะพานอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลางนั้น เห็นว่า แม้ภารกิจของนายกรัฐมนตรีจะเป็นงานสำคัญของฝ่ายบริหาร แต่ก็ไม่ปรากฏว่า นายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องติดตามนายกรัฐมนตรีไป และในนัดสืบพยานครั้งที่แล้ว ขณะที่นพ.เหวง จำเลยที่ 4 แถลงขอเลื่อนคดี อ้างว่าเป็นประธานกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและขอเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ โดยขอยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลก็ได้กำชับจำเลยที่เป็นส.ส.ว่า คดีนี้ศาลนัดเบิกความได้ปีละไม่กี่นัดเท่านั้น และให้ทุกคนมาศาลตามกำหนดนัดอย่าเลื่อนคดีอีก ซึ่งกระบวนการพิจารณาคดีของศาลเป็นอำนาจตุลาการ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับฝ่ายบริหาร นายณัฐวุฒิ จำเลยที่ 3 จึงสมควรที่จะมาศาลตามนัดทุกนัด
แต่เมื่อพนักงานอัยการโจทก์ ไม่คัดค้านและโจทก์ไม่มีพยานมาศาล กรณีจึงไม่สามารถสืบพยานโจทก์ได้ ประกอบกับในส่วนที่ทนายความของนายจรัญ จำเลยที่ 13 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่า ถูกจับกุมและโจทก์ไม่คัดค้าน โดยเชื่อว่าจำเลยที่ 13 ถูกจับกุมจริง เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงเห็นสมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไป โดยให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับทนายความ จำเลยที่ 3 ให้แจ้งจำเลยที่ 3 เดินทางมาในวันนัด หากไม่มาศาลอีกจะพิจารณาออกหมายจับจำเลยที่ 3 และให้มีหนังสือเบิกตัวจำเลยที่ 13 จากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้มาศาลตามนัดด้วย
สำหรับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้น เคยขึ้นเวที่ปราศรัยคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2553 ที่เขาสอยดาว แล้วระบุว่า "ถ้าพวกคุณยึดอำนาจ ผมเผาทั่วประเทศ เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วใครจะจับ ใครจะอะไรมาเอากับผมนี่ ถ้าคุณยึดอำนาจ...เผา"
จากคุณ |
:
หนอนข้าวโพดอ่อน
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ธ.ค. 55 23:51:50
A:115.67.231.164 X:
|
|
|
|
 |