80 ปี นับจากประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราล้มลุกคลุกคลานกับแนวทางการปฏิรูปการปกครองมาโดยตลอด จนถึงวันนี้เราใช้รัฐธรรมนูญไปแล้วถึง 18 ฉบับ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่า ประชาธิปไตยในบ้านเราจะเต็มใบ หรือแม้แต่จะเดินไปข้างหน้า
พรรคการเมืองน้อยใหญ่เกิดขึ้น แล้วล้มหายตายจากไปก็มาก แต่ยังคงมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ยืนหยัดต่อสู้ตามแนวทางของตน ต่อสู้ตามอุดมการณ์ที่คิดว่าเป็นประชาธิปไตยตามนโยบายของพรรค ประกาศความเชื่อมั่นต่อระบบรัฐสภา "พรรคประชาธิปัตย์"
กว่า 60 ปีที่ผ่านมานับแต่ก่อตั้ง เราได้เห็นผู้หลักผู้ใหญ่คนสำคัญในพรรคหลายต่อหลายท่านใช้ความพยายามและฟันฝ่าอุปสรรคนานับประการ ที่จะก้าวขึ้นมามีบทบาทในฐานะผู้นำรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ
แต่ .. เพราะเหตุใดพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ได้ชื่อว่ายึดมั่นอุดมการณ์ที่สุด จึงไม่อาจนำพาตนเองไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ได้ เว้นไว้แต่ในกรณีที่พิเศษสุดจริงๆจึงบรรลุเป้าหมายนั้น
จะว่าบุคลากรในพรรคมีศักยภาพไม่เพียงพอ ทั้งๆที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่ามีความรู้ความสามารถที่จะเป็นความหวังของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายพิชัย รัตกุล และอีกหลายๆท่านที่ให้การสนับสนุนพรรคเรื่อยมา
คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากพรรคประชาธิปัตย์จะตรงไปตรงมาในการต่อสู้ทางการเมือง ตามระบบระบอบการปกครอง แล้วได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในการก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐบาล
แต่กลับเป็นเรื่องแปลกมาก ที่ทุกครั้งในการก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดนั้น มักจะเต็มไปด้วยความมึนงง สงสัย และตามมาด้วยข้อครหาอีกมากมาย
ประเทศไทยแม้จะมีระบอบการปกครองที่ดี แต่ทำไมเรายังขาดพรรคการเมืองที่ดี นักการเมืองที่ดี หรือเราจะโหยหาในสิ่งดีๆโดยไม่ยอมรับความจริง ว่าที่สุดแล้วสิ่งดีๆที่เราต้องการ มันคือสิ่งใดๆก็ตามที่ได้รับการจัดสรรปันส่วนอย่างพอเหมาะพอดีที่ถูกที่ควร โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ
แม้มันจะค่อนข้างเป็นความคิดในอุดมคติ แต่ถ้าเรามีพรรคการเมืองที่ตอบสนองสิ่งเหล่านี้ก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว
ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ตอบสนองได้เพียงแค่รูปลักษณ์ แต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้เลย ภาพพจน์ที่เป็นนามธรรม ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงความจริงที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ย่อมสะท้อนออกมา ดั่งถูกกระเทาะกัดกร่อนด้วยกาลเวลา
หนทางพิสูจน์ม้า การเวลาพิสูจน์คน
ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ
ฉันใด ..
เมื่อถึงเวลา เนื้อในที่มีก็จะเผยออกมาให้ได้เห็นกัน อย่างแน่นอน