ข้อหา "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล" เป็นข้อหาเกินเหตุอย่างที่นายอภิสิทธิ์อ้างหรือไม่ ?
|
|
ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาแก่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ในข้อหา ฐานร่วมกันก่อให้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล นั้น นายอภิสิทธิ์อ้างว่า เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาที่เกินกว่าเหตุ
มาดูกันครับ ว่าเกินเหตุหรือไม่
.......
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวกับการก่อการร้าย ไม่เกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม ไม่เกี่ยวกับการใส่ร้ายกันเรื่องเผาบ้านเผาเมือง แต่เป็นเรื่องการตายของนายพัน คำกอง คนเดียวเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ไม่ได้สั่งให้ทหารไปฆ่าใคร ไปยิงใคร แล้วทำไมโดนข้อหานี้ ?
.........
เมื่อมีคนตายโดยการกระทำของผู้อื่น ก็ต้องหาคนผิด การทำให้ผู้อื่นตาย จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา กฏหมายก็ระบุว่าเป็นความผิด อภิสิทธิ์และสุเทพจึงโดนข้อหานี้ครับ
ข้อหามีว่า "ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล"
"ร่วมกันก่อ" คือนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ "ผู้อื่น" คือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ศอฉ. "ฆ่าคนตาย" คือนายพัน คำกอง โดนทำให้ตาย "เจตนา" คือรู้สึกนึกในขณะกระทำ ประสงค์ต่อผลของการกระทำ "เล็งเห็นผล" คือย่อมรู้ว่าการกระทำนั้นจะเกิดผลใดตามมา
นายอภิสิทธิ์เป็นายกฯ เป็นผู้แต่งตั้ง ศอฉ. มอบให้นายสุเทพเป็น ผอ.ศอฉ. การปฏิบัติการทุกอย่างทหาร ทหารต้องได้รับคำสั่งจาก ศอฉ. ศอฉ.สั่งให้ทหารใช้กระสุนจริงได้ในการปฏิบัติการ
อภิสิทธิ์ลงนามแต่งตั้ง ศอฉ. โดยมอบหมายให้นายสุเทพเ็ป็น ผอ.ศอฉ. ตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย. 53 มีการสั่งให้ทหารเข้าปฏิบัติการ มีการสั่งให้ทหารใช้กระสุนจริง แม้จะไ่ม่ได้สั่งให้ไปฆ่าใคร ยิงใคร ยกเว้นการป้องกันตัว ป้องกันเหตุร้าย แต่อภิสิทธิ์และสุเทพ ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า เกิดความผิดพลาดได้ ทำให้คนตายได้ และก็เกิดเหตุการตายติดต่อกันนานนับเดือน จนถึงวันที่นายพัน คำกอง ตาย คือวันที่ 15 พ.ค. 53 การสั่งให้ใช้กระสุนจริงนี่ มันเล็งเห็นผลครับ ตายมาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 53 จนถึงวันที่นายพันตาย กว่าเดือน แต่ไม่เคยสั่งระงับ ยับยั้ง การไม่ระงับ ยับยั้ง มันส่อให้เห็นเจตนา มีการตายนานนับเดือน แสดงเจตนาชัดเจน
เมื่อศาลไต่สวนการตายและมีคำสั่งออกมาว่า นายพัน คำกอง ตายเพราะทหารยิง มันไม่รู้ครับว่า ทหารคนไหนยิง จะตั้งข้อหากับทหารคนไหน ? ก็ต้องตั้งข้อหากับ "ตัวการ" ซึ่งก็คือผู้สั่งการ
มันไม่เกี่ยวครับ ว่านายพันจะโชคร้าย จะโดนลูกหลง เพราะการสั่งให้ทหารใช้กระสุนจริงกลางเมืองหลวง เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมนับหมื่น มันเล็งเห็นผลครับ ว่าหากผิดพลาด ย่อมทำให้เกิดการตายได้ และเมื่อเกิดการตายก็ไม่หยุด มันย่อมแสดงให้เห็นเจตนา มันจึงเป็นการทำให้ตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลชัดเจน
เหตุการณ์ไม่ใช่เกิดวันเดียว แต่ติดต่อกันนานนับเดือน ประชาชนคนบริสุทธิ์ตายเกือบร้อย บาดเจ็บสองพัน แต่เพิ่งจะพิสูจน์ได้ 1 ศพ คือนายพัน คำกอง (ตอนนี้สามศพแล้ว) มันจึงเชื่อมโยงกันครับ คนตายหลายสิบศพ ต้องพิสูจน์ทุกศพ ซึ่งตอนนี้ดีเอสไอได้ส่งให้ศาลไต่สวนการตาย 36 ศพ ศาลมีคำสั่งออกมาแล้วสามศพ ว่าตายเพราะเจ้าหน้าที่ทหาร
สรุป อภิสิทธิ์ไม่ได้สั่งฆ่าใครยิงใครครับ แต่เป็น "ตัวการ" ที่ำทำให้เกิดการตาย และเป็นการตายที่เจตนาเล็งเห็นผล เพราะตายติดต่อกันนานนับเดือน ตายติดต่อกันหลายสิบชีวิต
เหมือนนายอภิสิทธิ์ใช้ให้ลูกน้องไปยิงนกครับ ยิงทีไรก็โดนคนตายทุกที แต่ไม่ระงับ ยังให้ยิงอยู่ทุกวัน นับเดือน มันจึงเป็นการเจตนาชัดเจน เล็งเห็นผลชัดเจน
เรื่องนี้ มันเป็นการเจตนาให้ผู้อื่นฆ่าคนตาย(คนอื่นจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่คนสั่งน่ะแสดงเจตนา) ป.ป.ช. จึงไม่เกี่ยว (ดิ้นอยากให้เรื่องสู่ ป.ป.ช. คงหวัง "คี่ค่า" ช่วย)
ข้อหาจึงไม่เกินเหตุเกินควรครับ ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลชัดเจน
น่าสงสารนะ คดียังไม่รู้เลยว่าอัยการจะสั่งฟ้องไหม แต่ิ้ดิ้นยังกะโดนน้ำร้อน
แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 19:28:18
จากคุณ |
:
ตระกองขวัญ
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ธ.ค. 55 19:26:15
A:110.77.199.28 X:
|
|
|
|