Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บาทแผลจาก รบ. ที่ยาก จะเยียวยา......... vote ติดต่อทีมงาน

ถ้าจำกันไม่ผิด รบ. ที่ได้รับเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง รวมทั้งตอกย้ำด้วย การแถลงนโยบาย ในรัฐสภา ที่จะแก้ใข รธน.๕๐ รวมทั้งลงมติผ่านมาถึง ๒ ครั้งส่วนครั้งที่ ๓ หยุดชะงักมา ๗ เดือนไม่ยอมลงมติเดินหน้า และสุดท้ายยังจะพยายาม ให้เกิด ประชามติ โดยไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร (ทั้งๆ ที่มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เสียงข้างมากถึง ประมาณ ๒๔ ล้านเสียง) ปัญหาที่ตกค้าง ก็จะกรายเป็นแรงผลักดันอันสำคัญ สำหรับผู้ที่ให้ความหวังกับ รบ.ชุดปัจจุบัน เหิรห่างออกไป ครับ

๑.) การถามหา ประชามติ หมายถึงว่า รบ. มองข้ามผู้ให้คะแนนเสียง และนโยบายของ รบ. ที่จะแก้ใข รธน. โดยทันที เพราะไม่ใช่ กรณีใหม่ ที่ต้องถามหาประชามติ แต่เป็นสิ่งที่ให้สัญญาเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นครับ เมื่อ รบ. มิได้ปฎิบัติตามนโยบาย ที่แถลงไว้ ในรัฐสภา? สำหรับ ปชช. ที่พอมองเห็นว่า ๑ + ๑ คืออะไร น่าจะหมดความไว้วางใจกับ รบ.ชุดนี้อย่างแน่นอน ครับ

๒.) การถามหา ประชามติ ก่อนการลงมติในวาระ ๓ เป็นการกระทำที่อาจ นำเอาการท้วงติงให้ คห. ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นเหตุผล แต่จากความเป็นจริงแล้ว ไม่มีข้อกำหนดใน รธน. (กฏหมายรับรอง) โดยเฉพาะได้ผ่านการลงมติในวาระ ๒ ไปแล้ว การยื้อยึดไม่ยอมลงมติวาระ ๓ และโดยที่ รบ. มีเสียงจาก พรรคร่วม รบ. ทั้งหมดในรัฐสภาเพียงพอที่จะให้ผ่านได้ น่าจะเข้าข่าย เป็นการล๊ะอำนาจการบริหาร ของ รบ. ในเมื่อ รบ. ขาดความสามารถที่จะบริหารเพื่อ ปชช. ที่ให้คะแนนเสียงเลือกตั้ง ก็ทำให้ขาดความจำเป็นที่จะได้รับความเชื่อถือ ครับ

๓.) ในกรณี ที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ชะลอการลงมติ ถ้าเหลือบดู บทบัญญัติ รธน. น่าจะเห็นได้ว่า เป็นกรณีก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ อันรัฐสภาสามารถ ลงมติไม่ยอมรับได้ แต่ รบ. กลับใช้วิธี เข้าสู่กระบวนการพิจารณา อันหมายถึงการยินยอมให้สิทธิอำนาจก้าวก่ายโดยปริยาย อันก็ไม่ผิดกับ ตุลาการพิวัฒน์ ที่ยอมรับ รธน.๕๐ นั่นเอง ผลสรุป ก็ชี้ให้เห็นว่า สุดท้ายการลงมติแก้ใข รธน. ไม่เป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ผิด รธน. หรือก็ไม่เป็นการลุอำนาจ นิติบัญญัติ นอกเสียแต่ว่า ทำให้การเดินหน้า ล่าช้าลงไปเท่านั้น ในเมื่อ รบ. ไม่ให้ความสำคัญ หรือปฎิบัติ หน้าที่นิติบัญญัติ ในรัฐสภาอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ไม่น่าแปลก ที่ไม่เพียง จะถูกปั่นหัวและต่อต้านจากฝ่ายค้านเช้าค่ำ เพื่อโค่นล้มทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอันสมควร ปชช. ที่ให้คะแนนเสียงเลือกตั้ง ก็คงต้องยอมรับว่า ไว้วางใจผิดพรรค ไปแล้ว อันก็จะเป็นบทเรียนที่เลี่ยงไม่ได้กับอนาคต ครับ

๔.) ในรัฐสภา ที่มีประธานรัฐสภา ที่มาจากฝ่าย รบ. ให้มีการควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามกฏระเบียบ การประชุมของ สส. ในรัฐสภา ท่านประธาน ก็คือผู้มีสิทธิอำนาจสูงสุด ของฝ่าย นิติบัญญัติ ตาม รธน. ไม่มีเหตุผลใด ที่ต้องยินยอมหรือยอมรับ การก้าวก่ายสิทธิจาก ฝ่ายตุลาการ แต่กลับมีพฤติกรรม ยอมลดตัว (ในฐานะ) อันผิดหลักประชาธิปไตย แม้แต่จาก สส. ที่ตาม รธน. และกฏบัญญัติของรัฐสภา ถือว่าเป็นผู้ที่สมควรให้ความเคารพและอยู่ใต้สิทธิอำนาจของ ประธานสภา แต่สามารถ ล่วงละเมิดและมีพฤติกรรม ทำร้ายร่างกายและสิทธิของประธานสภาโดยไม่มีความยำเกรงได้ รวมทั้งไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบอย่างสมควรใดๆ จากประธานสภา และในกรณีอภิปราย ฯลฯ สส.ฝ่ายค้าน สามารถใช้อิสสระเสรี ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกประเด็น หรือนอกกรอบการอภิปรายโดยใช้เหตุผล ตามหลักข้อกำหนด โดยไม่ใช้สิทธิอำนาจของประธานในการ วินิจฉัยอย่างชัดเจนและเฉียบขาด ฉนั้นเชื่อได้ว่า ปชช. ที่พอเข้าใจถึง ระบบรัฐสภา น่าจะขาดความเชื่อมั่นไม่เพียงแต่ ตัวองศ์ประธาน แต่น่าจะรวมถึง แยกแยะระหว่าง รัฐสภาปัจจุบัน กับตลาดสด ออกจากกัน ครับ

๕.) ทางฝ่าย ตุลาการ ที่ตามระบบประชาธิปไตย เป็นผู้ให้ความเป็นธรรมเสมอภาค และเที่ยงธรรม กับผู้อยู่ใต้ รธน. ทั้งหลาย การมีสิทธิอำนาจในการพิพากษาอย่างอิสสระ ของตุลาการ เป็นหลักสำคัญยิ่ง ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มิได้หมายถึงอิสสระที่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้สิทธิอำนาจรวมอยู่ด้วย ในเมื่อ รบ. ได้ก้าวเข้ามารับหน้าที่ ในขณะที่ สภาวะการถ่วงดุลอำนาจ โดยการตรวจสอบ ฝ่ายตุลาการ ไม่สมบูรณ์ตามระบอบ อันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ต่อทุกข์สุข ของ ปชช. ไม่มีปฎิกริยาใดๆ ที่ให้เกิดมีการแก้ใขหรือปรับปรุง แถมยังดูดายกับ การใช้กระบวนการยุติธรรมให้เป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม ได้อีกด้วย ดูเสมือนกับว่า ผู้ต้องหาและนักโทษทางการเมือง เป็นความผิดที่ธรรมชาติในระบบประชาธิปไตย ประเภทหนึ่ง นั่นเอง อันก็เป็นความหวังอันสำคัญข้อหนึ่ง ของ ปชช. ที่ให้คะแนนเสียงเลือกตั้งกับ รบ.ชุดปัจจุบัน เพื่ออย่างน้อยให้ขจัด ผู้ต้องหาและนักโทษทางการเมือง ให้ออกจากระบบ ตุลาการ ในเมื่อทาง รบ. เมินมองกับความสำคัญ อย่างที่เห็น และทั้งๆ ที่เป็นนโยบายหาเสียงของ รบ. จะเหลือเหตผลอะไรอยู่อีก ที่จะให้ความไว้วางใจและยินยอมสนับสนุน รบ.ชุดนี้อีกล๊ะครับ

อันเป็นทฤษฎี ที่เชื่อได้ว่า ปชช. มิได้ให้ความไว้วางใจ กับ พรรคร่วม รบ. เพราะเพียงแต่ให้อาจมีเศษฐกิจ เป็นโครงการเพื่อ อยู่ดีกินดี เป็นสำคัญ แต่สำคัญก็คือ ความเชื่อมั่นใน วุฒิภาวะของ รบ. ที่จะนำสู่การมีความสุข กับ สิทธิเสรีการเป็น ปชช.ไทย ภายใต้ระบบประชาธิปไตย อันสมควร ในเมื่อ รบ. แสดงถึง ความเกรงกลัว หรือเข็ดขยาดต่อการบริหารอย่างชัดเจน หรือมีลักษณะยืดหยุ่นเพื่อถ่วงดุลย์รักษาอำนาจให้คงอยู่ครบวาระ เป็นสิ่งชอบที่ รบ. และ พรรคร่วมสามารถวินิจฉัยและกระทำได้ เช่นเดียวกัน ปชช. ก็สามารถที่จะพิจารณาถ่วงดุลการให้ความเชื่อมั่นกับ รบ.ชุดนี้ และคงไม่ต้องรอจนถึง การลงคะแนนเสียงในวาระข้างหน้า หรือจากการลงประชามติ แต่จะเห็นลักษณะการเมินห่างของ ปชช. ในปัจจุบัน กันอยู่แล้ว ทางเลือกของ รบ.ในขณะนี้ น่าจะเป็นการตรวจสอบตัวเองถึง ความสัมพันธ์จาก ปชช. สู่ รบ. ที่ให้ความสนับสนุนด้วยเหตุผลใด นั่นเองครับ

จากคุณ : พลายทมิฬ
เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 55 03:24:51 A:84.191.28.59 X:




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com