สื่อไทยหลายสำนักเลือกเสนอประเด็นสะใจ เช่น มาร์ครับผิด,มาร์ครับว่าใช้กระสุน
จริง ไม่มีสักฉบับที่รายงานว่า เหตุที่ต้องใช้กระสุนจริง เพราะมีกองกำลังติดอาวุธ
มีคนชุดดำอยู่ในการชุมนุม
เรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า ดีเอสไอ โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์
ตั้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในข้อหา
ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กลายเป็นเรื่องทอล์ก ออฟ
เดอะทาวน์ อื้อฉาวไปทั่วโลก เมื่อสื่อออกมาสับโขกกันเอง ให้เล็งเห็นความถูกต้อง
เรียกร้องให้มีจรรยาบรรณ อย่าเอามันสะใจ
ในเมืองไทยเมื่อ บก.มติชั่วเมาน้ำลายพูดง่ายๆ ว่า อยากเห็นอภิสิทธิ์ติดคุก
หรือลุกขึ้นมาขอโทษ ตระกูลโคตรมติโจร ถูกก่นด่าว่า มันบ้าเจ้ามูลเมือง
จนลืมเรื่องชั่วดี
การวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่สื่อ ไม่ได้มีเฉพาะสื่อไทย แต่ลามไปทั่วโลกเมื่ออภิสิทธิ์
ถูกโยกด้วย บีบีซี ซึ่งหวังจะบี้ให้จมดิน สื่ออย่าง คันนิ่งแฮม ได้ยินก็ร้องว่า อีนี้บ้าพลัง
ส่วนไมเคิล ยอน ก็ไม่ยั้ง เพราะได้เห็นครั้งประเทศลุกเป็นไฟ ทนดูไม่ไหวจึงออกมา
บอกว่าอภิสิทธิ์ ไม่ใช่ฆาตกร พร้อมอ้อนวอนบอกประชาว่า คนที่ฆ่าคือพวกผีห่าชุดดำ
ร่วมกระทำฆ่าแกงกับแดงทรชน
คำพูดที่ว่าสื่อไม่วิจารณ์กันเอง เหมือนแมลงวันไม่ตอมแมลงวัน เป็นความเข้าใจผิด
ของผู้คนที่ไม่เคยรู้ว่า ในกฎจรรยาบรรณของสื่อมวลชนอาชีพ มีข้อหนึ่งเขียนไว้ว่าให้
Expose unethical practices of journalists and news media คือ ให้เปิดโปง
พฤติกรรมที่ผิดจรรยาบรรณของผู้สื่อข่าวและสื่อ อาจเป็นกฎข้อนี้เอง ทำให้นายฟิลลิปเจ
คันนิ่งแฮม ในบางกอกโพสต์ วิจารณ์ มิส มิซาล ฮูเซน ผู้ประกาศข่าวบีบีซี
ผู้สัมภาษณ์ขายอภิสิทธิ์ในกรุงลอนดอนว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่หยาบต่ำ ทำให้เห็นว่า
บีบีซี มีมาตรฐานพอๆ กับ Gotcha game เป็นรายการเกมจับผิด ชั่วๆ ทางทีวี.และ
ไมเคิล ยอน ออกมาวิจารณ์ว่า ข้อกล่าวหาอภิสิทธิ์ ไม่ถูกต้อง
ไมเคิล ยอน ผู้สื่อข่าวอิสระที่มาทำข่าวในเมืองไทยเมื่อปี 2553 เขียนไว้ในเฟซบุ๊คของ
ตัวเองว่า อภิสิทธิ์ ไม่ใช่ฆาตกร แต่ฆาตกรตัวจริงคือคนชุดดำที่ปะปนอยู่กับผู้ชุมนุม
ผมเห็นกับตา และถ่ายภาพไว้ด้วย ตอนที่คนชุดดำกราดยิงไปที่แนวของทหาร
ทหารไทยอดกลั้นและคุมสติได้ดีมากที่ไม่ยิงโต้ตอบกลับมาในฝูงชน
ไมเคิลกล่าวบนเฟซบุ๊คคันนิ่งแฮมเน้นไปที่ บีบีซี สัมภาษณ์อภิสิทธิ์ โดยเริ่มต้นว่า
การได้สัมภาษณ์บุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยการจี้จุดเน้นไปที่ประเด็น
ฆาตกรรม ซึ่งอ่อนไหว แล้วนำภาพเหตุการณ์ที่รุนแรงมาประกอบ โดยไม่ได้กล่าว
ถึงความซับซ้อนของความรุนแรง ที่ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตัดสินใจควบคุม
และยุติความรุนแรง บีบีซี เน้นเรื่องข้อหาฆาตกรเพียงอย่างเดียว ราวกับฟังความฝ่ายแดง
แล้วป้ายความผิดให้กับนักการเมืองผู้ต่อสู้กับระบอบทักษิณด้วยความกล้าหาญตลอดมา
คันนิ่งแฮม ชี้ให้เห็นว่า ความรุนแรงของการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีกำลังติดอาวุธ
ปะปนอยู่ด้วย เป็นความจำเป็นที่ทำให้อภิสิทธิ์ไม่มีทางเลือก ต้องใช้กำลังทหารมากดดัน
เพื่อยุติการชุมนุมที่รุนแรง
แน่นอนที่สุดการใช้กำลังทหารย่อมมีความผิดพลาดได้บ้าง
แต่ที่นายอภิสิทธิ์จำเป็นต้องใช้ทหารมาควบคุมฝูงชน เพราะเขาไม่ได้รับความร่วมมือ
จากตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมฝูงชน ถ้าตำรวจมีใจทำงานอย่างแข็งขัน
และโหดเหี้ยมเหมือนที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนในม็อบเสธ.อ้ายเมื่อ
วันที่ 24 พฤษภาคม 2555 บางทีเหตุมันอาจแตกต่างไป
คันนิ่งแฮมยังเขียนไว้อีกว่า ข้อหาพิสดารที่ ดีเอสไอ กล่าวหานั้นไม่เคยพบไม่เคยเห็น
มาก่อน และไม่แน่ว่า
อัยการจะสั่งฟ้องหรือบางทีมันอาจถูกโยนลงตะกร้าไป เพราะการกล่าวหาเลื่อนลอย
ห่างไกลจากความจริง หรือขาดพยานหลักฐานพอที่ศาลจะรับฟ้องอย่างไรก็ตาม
ถ้าจะโยนความผิดให้กับนายอภิสิทธิ์ว่า ต้องรับผิดชอบต่อการตายของผู้คนเก้าสิบกว่าศพ
ทั้งที่ตายในเขตควบคุมปิดล้อมและนอกเขตปิดล้อม ซึ่งมีการต่อสู้กันราวกับสนามรบ
การชุมนุมประท้วงในปี 2553 มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นก่อนที่รัฐบาลจะประกาศภาวะฉุกเฉิน
และความรุนแรงที่ก่อขึ้นโดยผู้ที่มีส่วนร่วมอยู่กับการประท้วงนี่เอง
ทำให้นายอภิสิทธิ์ ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินดังนั้น ถ้าจะเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์
เพราะออกคำสั่งหรือส่งสัญญาณให้ใช้กำลังเพื่อยุติความเลวร้าย ก็อยากถามว่า
จะทำอย่างไรกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งเป็นประธานในพิธีรณรงค์
ปราบปรามยาเสพติดอย่างเฉียบขาดและรุนแรง สัญญาณส่งออกไปในตอนนั้นเหมือน
กับการสั่งให้ฆ่าได้ จนเป็นเหตุให้มีคนตายถึง 2,500 คน
นอกจากนั้น การสังหารหมู่อันน่าสะพรึงกลัวที่ ตากใบ และการยิงถล่มมัสยิดกรือเซะ
ทักษิณถูกดำเนินคดีหรือยัง (การใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมประท้วงที่อำเภอตากใบ
จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2547 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 92 คน
ตายเพราะขาดอากาศหายใจ 85 คน และถูกอาวุธปืนตายเจ็ดคน
ส่วนเหตุการณ์ยิงถล่มมัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 เช่นกัน ทำให้ผู้เสียชีวิต
ในมัสยิดกรือเซะ 32 คน แต่การปะทะกันวันนั้นไม่ได้มีแต่ในมัสยิดกรือเซะ มีการปะทะ
นอกกรือเซะ อีกสิบเอ็ดจุด ในสามจังหวัด ปัตตานี ยะลา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัด
สงขลา ทำให้มียอดการตายในวันนั้นสูงถึง 108 คน : ผู้เขียน)
คันนิ่งแฮม เขียนไว้อีกว่า ถ้าการออกนโยบาย ความคิดเห็น หรือส่งสัญญาณด้วยความ
ตั้งใจดี ที่จะนำความสงบเรียบร้อยมาสู่สังคมแล้ว ผู้นำต้องถูกดำเนินคดี ต้องติดคุกติด
ตะราง คิดว่า ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกคงไปนอนออกันอยู่ในคุกราวกับหนอนยั้วเยี้ย
อยู่ในกระป๋องปลาเน่า มีผู้นำอีกหลายคนที่ต้องถูกดำเนินคดีทำนองเดียวกัน
ดังนั้น มันจึงไม่เป็นธรรมที่จะชี้เป้าไปที่อดีตนายกฯไทยเพียงสองคน อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าข้อหาตามมาตรฐานของนายธาริต ไปใช้กับโอบามา ผู้ออกคำสั่งให้ปฏิบัติการโจมตี
Drone เป็นเหตุให้คนตายจำนวนมากผู้เสียชีวิตรวมถึงเด็กๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการรบ
มาตรฐานของธาริตต้องควบคุมไปถึงนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกฯอังกฤษ ต้องติดคุกด้วย
ตลอดถึง จอร์จ บุช เพราะเป็นผู้สนับสนุนสงครามที่ไม่เป็นธรรมต่ออิรัก เป็นเหตุให้คนตาย
เป็นล้าน
ถ้าคิดจะสร้างเครดิตจากการทำข่าวหยาบๆ เช่นนี้ บีบีซี ควรให้ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบ
ข่าวในบ้านตัวเองดูบ้าง ลองสอบสวน มาร์ค ทอมสัน อดีตผู้อำนวยการบีบีซี เรื่องกระทำ
ความผิดอาญาที่เกิดขึ้นในชายคาตัวเอง
คำถามกวนใจเกิดขึ้นในหน้าหนึ่งของหนังสือไทม์ เกี่ยวกับการแต่งตั้งที่ผิดจรรยาบรรณ
แต่ทำไมประธานบอร์ดนายซุลซ์ เบอร์เกอร์ ถึงได้สนับสนุนนายทอมสัน ขณะที่ทอมสัน
ใช้ความเงียบเป็นการตอบคำถามตอบข้อครหาฉาวโฉ่นี้ และทำเป็นความจำเสื่อม
เมื่อถามเรื่องผู้ต้องสงสัยคดีวอเตอร์เกตมิส ฮูเซน คงพูดเสียงกร้าวและจ้องเขม็งเข้าใส่
แขกรับเชิญ คันนิ่งแฮมถึงได้พูดว่า
ทำไมไม่ยอมจ้องเขม็งและพูดเสียงกร้าวใส่องค์กรของตัวเองบ้าง เราไม่เคยดู Gotcha
Game เลยไม่รู้ว่า มันห่วยแตกแค่ไหน แต่ดูจากที่สื่อต่างประเทศนำมาเปรียบเทียบ
วิจารณ์กันเองแล้ว มันคงจะห่วยแตกพอๆกับการเล่าข่าวประเภท เรื่องไม่เอาอ่าวเช้านี้ หรือ เรื่องเล่นๆ เย็นนี้
แต่ทั้งหมดทั้งปวง มันเป็นเรื่องของสื่อที่รายงานข่าวระดับโลกวิจารณ์กัน
ดูหนังดูละครแล้วกลับมาย้อนดูตัว กรณี ดีเอสไอ ฟ้องนายอภิสิทธิ์
หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ และหนังสือพิมพ์ไร้คุณภาพของประเทศเสนอข่าวในทำนองสะใจ
และลิงโลดที่ได้เห็นอภิสิทธิ์ถูกฟ้อง
บรรณาธิการข่าวถึงกับสำรอกออกมาว่าอยากเห็นนายอภิสิทธิ์ขอโทษต่อครอบครัวของ
ผู้ตาย การพูดด้วยความสะใจไร้จรรยาบรรณ ผู้พูดไม่คิดคำนึงถึงเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นที่
ตากใบ ที่มัสยิดกรือเซะ อะไรทำให้ความจำเขาเสื่อม จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์ร้ายแรงใน
ภาคใต้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 เพิ่งมาได้รับการขอโทษจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ในปี 2549 ส่วนคนที่ควรจะแสดงความเสียใจ และขอโทษตัวจริงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้สัก
คำเดียว
สื่อไทยหลายสำนักเลือกเสนอประเด็นสะใจ เช่น มาร์ครับผิด มาร์ครับว่าใช้กระสุนจริง
ไม่มีสักฉบับหรือทีวี.สักช่องที่รายงานว่า เหตุที่ต้องใช้กระสุนจริง เพราะมีกองกำลัง
ติดอาวุธ มีคนชุดดำอยู่ในการชุมนุม
นักข่าวหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ในคืนวันที่ 10 เมษายน 2553 คนในชุดดำใช้ความ
รุนแรงอย่างไร พล.อ.ร่มเกล้า ถูกฆ่าตายอย่างไร ทหารที่ได้รับบาดเจ็บถูกผู้ชุมนุม
ขัดขวางไม่ให้ส่งโรงพยาบาล จนนายทหารคนนั้น ต้องกราบตีนผู้ชุมนุม นั่นเป็นที่มา
ของการอนุญาตให้ใช้อาวุธ ที่มาของมาร์ค ยอมรับว่าใช้กระสุนจริง
แต่มาร์คยังชี้แจงต่อไปว่าการใช้กระสุนจริงให้ยิงเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น และยิงแค่ต่ำ
ระดับเข่า ไม่ได้เล็งผลเหมือนกับข้อกล่าวหา สื่อที่มีจรรยาบรรณต้องมองบริบทคำพูด
ทั้งหมด จึงนำเสนอ ไม่ใช่คิดเอาแต่ความสะใจสื่ออาชีพจริงๆ เมื่อเขาเห็นว่า สื่อด้วยกัน
จับประเด็นไม่เข้าท่า เขาก็ออกมาวิจารณ์ด้วยข้อมูลหักล้างกันให้เห็นชัดเจน เช่น
เมื่อคนชุดดำเป็นผู้ก่อการร้าย แล้วมาตั้งข้อหาฆ่าคนตายกับอภิสิทธิ์ได้อย่างไร
ส่วนข้อหา ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาหวังผล เขาก็จะชี้ให้เห็นว่า
ถ้านายอภิสิทธิ์โดนข้อหานี้ตามมาตรฐานทางกฎหมายของธาริต ก็ต้องทำให้ ทักษิณ
โอบามา จอร์จ บุช โทนี่ แบลร์ และอื่นๆ อีกเป็นโหลต้องติดคุก
มิยั้วเยี้ยเหมือนหนอนในกระป๋องปลาเน่าหรือ
http://www.naewna.com/politic/columnist/4563
จะอ่านเอาฮาาา...ก็ได้ค่ะ ยาวมากแต่สนุก "ฟอกมาร์ค"ขาวสะอาดค่ะ