จากนี้คำสั่งศาลจะถูกส่งกลับไปกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งคงเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับกรณีเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ที่ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพว่าร่วมกันให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล

แต่เดชะบุญวันที่ 21 ธ.ค. นี้สภาจะเปิดประชุมสมัยสามัญ ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพซึ่งมีสถานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส. จะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนดไม่ให้มีการดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุมสภา

ทั้งอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการ ศอฉ. จึงมีเวลาตั้งหลักรับมือกับคดีความที่จะเกิดขึ้นอีกพักใหญ่ๆ เพราะกว่าสภาจะปิดสมัยประชุมก็ช่วงเดือนเมษายนปีหน้า

แต่หลังสภาปิดสมัยประชุมครั้งหน้าจะมีคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงตามมาอีกมากมาย

ถึงตอนนั้นคดีที่ส่งให้ศาลไต่สวนสาเหตุการตายคงจะทยอยออกมาเกือบหมดแล้ว โดยคดีต่อไปที่ศาลจะชี้ขาดคือการเสียชีวิตของนายบุญมี เริ่มสุข ที่ศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 16 มกราคม 2556

ยังไม่นับรวมคดีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมที่ทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า และเจตนาทำร้ายร่างกาย ที่คาดกันว่าจะมีมากกว่า 2,000 คดี

แม้จะมีความมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โดนไปขนาดนี้เชื่อว่าทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพคงต้องมีความกังวลใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

คดีความต่างๆจะเป็นชนักปักหลังทำให้ไม่มีความสง่างามบนถนนการเมืองเหมือนเคย และยังเป็นโซ่ตรวนที่คอยหน่วงรั้งทำลายจังหวะการก้าวเดินจนทำอะไรได้ไม่ถนัดจากนี้ไปอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 ปี

ยิ่งได้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส. มาเป็นตัวช่วยพักการพิจารณาเป็นช่วงๆ ก็อาจยืดเยื้อไปเป็นทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม อนาคตทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์จะไม่สดใสซาบซ่าเหมือนเดิม

ไม่ใช่ตะวันรุ่งที่เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าซึ่งจะแผ่แสงแรงจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ

หากแต่เป็นแสงแห่งตะวันยามบ่ายที่เริ่มคล้อยต่ำลงๆ เพื่อรอวันตกดิน

http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=17157

**********************************************************************

เราเป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ได้รับการบ่มเพาะจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ยอมตายเพื่อรักษาระบบ(อำมาตย์)        งั้นก็จัดไป