เลิกไม่ได้หรอกครับ
ความขัดแย้งทางความคิด เป็นเรื่องธรรมดาๆมาก ในสังคมประชาธิปไตย
เพียงแต่ ช่วงก่อนรัฐประหาร-รัฐประหาร- - - มาจนบัดนี้ มีการปลูกฝังความเกลียดชังมากเกินไป
ประมาณขนาดว่า ถ้าคุณคิดต่างกับผมนะ นู่น คุณต้องถูกผลักไปสุดขอบถนนเลย ถนนฝั่งนี้ต้องมีแต่พวกผมเท่านั้นที่เดินได้
สิ่งที่ควรเป็น คือ เราควรจะมาใช้ถนนแห่งความคิดร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
ไม่มีใครเลวสุดขั้ว ชั่วสุดขีด ถ้ามีใครอย่างนั้น(เชื่อว่ามี)ก็อย่าไปเหมารวมทั้งเข่ง แยกเป็นกรณีๆ รับสิ่งที่ต่างได้
หันหน้าคุยกัน สักวัน วันที่ ทุกคนเดินไปไหนมาไหนคุยกันสบายใจ โดยไม่ต้องห่วงเลยว่า เธอแดงฉันต้องเกลียดเธอ เธอเหลืองฉันต้องเกลียดเธอ วันนั้นอาจจะมาถึงก็เป็นไปได้ครับ
ก็คงค่อยๆเป็นค่อยไปกระมังครับ
ผมมองว่า ความขัดแย้งขีดสุดน่าจะช่วงสลายการชุมนุม-ประกาศพรก.ฉุกเฉินร่วมปี จนหลังเลือกตั้งมาจนถึงตอนนี้ ผมว่าเริ่มคลี่คลายลงทีละน้อยๆ
ตอนแรก ฝุ่นแห่งความขัดแย้งยังคละคลุ้งอยู่ การจะแก้ปัญหาเลยยาก เพราะ "ฝุ่นแห่งความขัดแย้ง" มันปลิวเข้าตาจนมองอะไรก็ไม่เห็น การแก้ปัญหาแบบประนีประนอมนิ่มนวลที่ควรจะเป็น จึงต้องรอให้ "ฝุ่นแห่งความขัดแย้ง" มันซาลง ให้ความจริงแท้ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ปัญหาความขัดแย้งน่าจะคลี่คลายลงไปได้เองครับ
ตอนนี้ผมเองก็เชื่อว่า การแก้ปัญหาด้วยการใช้ความรุนแรง ไม่ว่า รัฐประหาร หรือ ม๊อบ น่าจะไม่สามารถเป็นที่ยอมรับได้อีกแล้ว หรือจะใช้อำนาจพิเศษเช่น การยุบพรรค การตีความต่างๆ มาช่วย กลับยิ่งจะทำให้แย่ไปอีก
ท้ายสุด น่าจะจบที่การเจรจากัน คนผิดที่ไม่สามารถจะอภัยได้ก็ต้องรับโทษไป คนผิดที่พอจะอภัยได้(น่าจะเป็นคนส่วนใหญ่เลยทีเดียว ทุกสี)ก็อภัยโทษกันไป
วินวิน หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นครับ
"คนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมความเกลียดชัง คนเราเรียนรู้ที่จะเกลียดชังกันต่างหาก
ดังนั้น เมื่อคนเราเรียนรู้ที่เกลียดชังกันได้ คนเราก็ย่อมที่จะเรียนรู้ที่จะรักกันอีกครั้งได้เช่นกัน"
ตอนนี้ประเทศไทยเรา เรียนรู้ที่เกลียดชังกันมามากแล้ว ผมก็หวังว่า ต่อไปจะเริ่มเรียนรู้ที่จะรักกันอีกครั้งครับ ถึงจะนานซักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะรอ ครับ
จากคุณ |
:
อุบลแมน
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ธ.ค. 55 23:31:57
A:101.51.26.24 X:
|
|
|
|