ความคิดเห็นที่ 1 ขอยกตารางที่คำนวณในกระทู้โน้นมา เพื่อแสดงให้เห็นมูลค่ารวมที่คำนวณได้ ว่าได้เพียง 232,411 ล้านบาทเท่านั้น หรือต่างจากที่ สศค.คำนวณถึง 60,000 ล้านบาท หรือหมายความว่า ถ้าปริมาณที่ผมนำมาคำนวณใกล้เคียงกับ สศค. ราคาที่ใช้ก็น่าจะต่างกันประมาณ 25% หรือถ้าหากราคาที่ใช้ใกล้เคียงกัน ปริมาณข้าวที่ได้รับ ก็ต่างกัน 25% จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:14:07 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 2 ซึ่งถ้าหากนำผลต่าง 60,000 ล้านบวกเข้าไป กับที่บอกว่าขาดทุน 76,000 ล้านบาท ก็คงเป็นการยืนยันตัวเลขขาดทุน ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.3-1.4 แสนล้านบาท โดยมีเงื่อนไขพ่วงท้ายอีกข้อนึง คือ ต้องขายข้าวทั้งหมดได้ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่รับจำนำ หรือยืดระยะเวลาสักนิดนึง ก็ควรขายหมดได้ภายในเดือนกันยายน ปีหน้า กระทู้นี้ขอสั้น ๆ แบบนี้แล้วกันครับ ประเด็นเีดียวคือ ถ้าขายข้าวทั้งหมดได้ภายใน 1 ปี จะได้เงินเท่าไหร่ โดยผมยกข้อมูลขึ้นมา ก็รบกวนช่วยตรวจสอบดูว่า มีข้อมูลตัวไหน ที่น่าจะคลาดเคลื่อนผิดพลาดมาก โดยตัวอ้างอิงข้อมูล จะอยู่ในกระทู้เก่านะครับ ส่งท้ายกระทู้สักนิด พูดในเรื่องที่อยากจะพูดมาหลายวันสักหน่อย ใครจะทะเลาะกัน ในฐานะกองเชียร์ก็เป็นกองเชียร์ด้วยใจก็พอ ถอยมาตั้งกระทู้ตามปกติของห้อง แล้วเรื่องมันก็จะดำเนินไป ในเรื่องที่ควรจะเป็นเอง ถ้าวันนี้กองเชียร์ไม่หยุด ยังไงเรื่องก็จบไม่ลงหรอกครับ เราไม่จำเป็นต้องหยุดเชียร์เป็นคนสุดท้ายหรอกครับ เราหยุดเมื่ออยากหยุด สักพักกองเชียร์ก็เงียบกันหมดเอง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:23:00 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ดีใจที่เห็นคุณ Lpg_Horse  ยังติดตามเรื่องข้าวอยู่ เห็นกระทู้ก็รีบเข้ามาอ่านทันที  เอาเป็นว่า หากเป็นไปตาม สศค.ว่า ไว้ ตัวเลขขาดทุนเปรียบเทียบ มากกว่า หรือ  น้อยกว่า หรือพอๆกันกับโครงการประกันรายได้ ( อย่าติผมที่ไม่รู้จักหาข้อมูล นะครับ) ผมคิดว่า คุณมีอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว และจะได้ถือตัวเลขเดียวกัน  ผลเป็นไงครับ ? จากคุณ : ลุงถุง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:28:37 A:180.180.56.13 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าหากตัวเลข สศค.ไม่ผิด (แต่ผมว่าผิดแน่ ๆ เพราะค่าใช้จ่าย การจำนำข้าวในข่าว ก็ไปแล้วเกือบ 4 หมื่นล้าน รับจำนำข้าว 21.6 ล้านตันข้าวเปลือก ถ้าขาดทุนตันละ 2,000 บาท ก็ยังเกินตัวเลขของ สศค.เลยครับ) ต้องเรียกว่า ขาดทุนน้อยกว่า ประกันรายได้แหละครับ เพราะประกันรายได้ มีค่าใช้จ่ายไม่ถึง หมื่นล้านบาท แสดงว่า มีการชดเชยปีแรก 40,000 ล้าน ปีที่สอง 60,000 ล้านบาท ขณะที่จำนำข้าวปีที่ผ่านมา มีต้นทุนการชดเชยประมาณ 40,000 ล้านบาท (แต่ย้ำอีกครั้ง ผมเชื่อว่าผิดแน่นอนครับ) จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:35:31 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 5 อือ ผมรู้อยู่แล้วว่าค้องขาดทุน และไม่ใช่นโยบายนี้ แต่เป็นทุกนโยบาย ทุกรัฐบาลด้วย  เว้นแต่ว่าเป็นโยบายของประเทศคอมมิวนิสต์หรือเผด็จการ อย่างเช่น เกาหลีใต้สมัยก่อน ผมมองว่า นโยบายนั้นๆ ทำแล้ว เกิดผลกระทบในภาพรวมเป็นอย่างไรมากกว่า  เรื่องเชิงลึก จุ๊บจิ๊บขี้เกียจเอามาใส่ใจ  นโยบายนี้รัฐขาดทุนก็จริง แต่เราคงมองด้านเดียวไม่ได้ เพราะผลดีด้านอื่นๆก็มี ผมนิยมเอา ผลดี ผลเสีย มาชั่งกิโลเทียบกัน แล้วค่อยตัดสินใจมากกว่า จริงอยู่จำนำข้าวขาดทุน แต่นี่พึ่งปีแรก ทำธุรกิจช่วงแรกก็น้อยรายที่จะได้กำไร  เขาดูกัน สามเดือน หกเดือน ไม่ขาดทุนถือว่าพอสู้ต่อไหวตามสายป่านใครสั้น ใครยาว  แต่นี่โครงการระดับประเทศ ปีสองปี ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมมาก  ต้องรอสักระยะ  และผมคงไม่มองด้านเดียวว่ามันขาดทุนยังงั้นยังงี้ ต้องเลิก  โครงการนี้ทำให้ชาวนากว่าสองล้านมีรายได้เพิ่มขึ้น   ก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่า การที่คนสองล้านคนมีเงินเพิ่มขึ้นคนละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท มันจะมีผลกระทบอะไรต่อเศรษฐกิจโดยรวมบ้าง   หรือถ้าคิดยากไป ลองสลับกันดู เราลองให้เงินคนหนึ่งหมื่นคน คนละสองล้านบาท  ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะเป็นยังไงบ้าง ก็ดูเอา กำลังซื้อหมื่นคน กับ กำลังซื้อสองล้านคน   แบบไหนเงินจะหมุนเวียนมากกว่ากัน จริงๆมันมีอะไรอีกเยอะ แต่ผมขี้เกียจพิมพ์  แถมนี่ก็พิมพ์บนแทปเลต อีกทั้งยังเป็นเวลาทำงานซะด้วย ถ้าบริษัทจับได้ คงส่งหนังสือเตือนผมแน่ๆ  แถมถ้าพ่อผมรู้ว่าแอบเล่นเนทในเวลางาน สงสัยโดนพ่อตีก้นแน่เลย   ผมเป็นคนคิดอะไรง่าย จึงชอบมองในภาพรวมมากกว่า  จขกท ก็เป็นคนละเอียด จึงชอบมองในภาพลึก  ดังนั้นก็คงไม่แปลก ที่ความเห็นของเราจึงมักจะไม่ค่อยไปในทางเดียวกันเท่าไร  อาจจะมีแตกต่าง มีวิวาทะกันบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันนะครับ  บริษัทผมไม่มีทนายซะด้วย จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 13:56:34 A:110.49.235.40 X:

ความคิดเห็นที่ 6 ความจริงจะตีราคาตลาดตอนนี้ไม่ได้ ตามหลัก Demand Supply ถ้าทุ่มขายออกมาจำนวนมากราคาย่อมตกลงไปมาก คนเล่นหุ้นย่อมรู้จักดี รายใหญ่เก็บหุ้นไว้จำนวนมาก อ้างว่ากำไรคงไม่ได้ บางทีตอนขายออกไปขายได้ไม่หมด ค้างจนไม่มีใครซื้อก็มี จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:10:09 A:1.1.158.6 X:

ความคิดเห็นที่ 7 จะขาดทุนจะกำไรเท่าไหร่ขี้เกียจคิดขี้เกียจคาดเดาให้รกสมอง ตอนนี้ให้รัฐบาลทำงานไปก่อนแล้วมาเช็คบิลกันตอนปิดโครงการ(โครงการรับจำนำครั้งที่๑ ปิดโครงการปลายปี๕๖) ถ้าขาดทุนน้อยกว่าโครงการรัฐบาลอภิสิทธิ์(แม้แต่บาทเดียว)ก็ถือว่าโครงการนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดี จากคุณ : คันมือคันเม้าส์ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:24:04 A:223.205.211.55 X:

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ penn's ครับ ประเด็นกระทู้นี้ของผมจะอยู่ตรงจุดที่ว่า ตัวเลขของสศค. ที่บอกว่าถ้าขายข้าวได้ภายใน 1 ปี จะได้เงิน 294,480 ล้านบาท นั้นมาจากไหน โดยผมยกข้อมูลที่ผมเคยทำเอาไว้ขึ้นมา แสดงให้เห็นว่า ถ้าขายข้าวทั้งหมดที่รัฐได้จากการรับจำนำนาปี 54/55 และนาปรัง 55 ออกไปหมด ในราคาตลาดปัจจุบัน จะได้เงินเพียง 232,411 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นผลต่างที่ต่างกันนั้น มีที่มาจากไหน ใครคิดผิด ซึ่งถ้าผมคิดผิด ผมก็อยากให้ช่วยกันดูหน่อยว่า ตัวเลขไหนที่ผิด ทำให้ผลรวมถึงต่างจาก สศค.ถึง 60,000 ล้านบาท แต่ถ้า สศค.คิดผิด อันนี้น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ครับ เพราะว่า ตัวเลขนี้ส่งให้ บริษัทจัดอันดับ เพื่อต้องการให้ประเมินความน่าเชื่อถือของประเทศดีขึ้น แต่ถ้าหากพบว่า เป็นการให้ตัวเลขที่บิดเบือน ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า คนประเมินความน่าเชื่อถือ จะมองว่าน่าเชื่อถือมากขึ้นได้อย่างไร ก็เข้าใจว่า ตรงนี้คงสื่อสารไม่ถึง สศค.แน่ ๆ แต่ก็ขอแสดงความเห็นไว้ตรงนี้ก็พอ ขออีกประเด็นเรื่อง การดำเนินนโยบายรัฐ ผมก็เชื่อเช่นกันว่า นโยบายใด ๆ ก็ไม่ควรคำนึงถึงเรื่องการขาดทุน แต่ปัญหาเรื่องจำนำข้าวที่พูดมาตลอด เป็นเรื่องของนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้ประเทศเสียหายมากเกินไป เพราะที่บอกว่าขาดทุน 76,000+60,000 ล้านที่พูดในกระทู้นี้ ยืนอยู่บนฐานที่ว่า สามารถขายข้าวทั้งหมดได้ภายใน 1 ปี ถ้าขายได้ช้ากว่านั้น ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากขายได้ไม่หมด อันที่ขายไม่ได้ ก็ต้องคิดผลขาดทุนเต็มจำนวน ซึ่งทำให้เสียหายมากยิ่งขึ้นอยู่แล้วแน่นอน จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:24:53 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 9 ที่แปลกคือ เวลาเราเอาเงินงบประมาณไ่ปช่วย สวนปาล์ม สวนยาง หอมกระเทียม เราเรียก พยุงราคา แต่เวลาใช้วิธีเดียวกันกับชาวนา เราเรียก ขาดทุน จากคุณ : ไม่เข้าพวก เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:25:12 A:1.20.0.129 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ก็จริงของคุณไป่ฉีนะ  แต่คนเรากินข้าว ไม่ได้กินหุ้นน่ะสิครับ   หุ้นมันเป็นนามธรรม ใบกระดาษ จะเมค จะปั่น จะยังไงก็ได้  แต่เราจะเมค จะปั่น จะปั๊มข้าวให้ท่วมตลาดเหมือนหุ้นคงไม่ได้น่ะครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:25:39 A:110.49.227.40 X:

ความคิดเห็นที่ 11 ข้าวคนกินเท่าเดิมนะ ไม่ใช้ปีหน้าเราอยากให้คนกินข้าวมากขึ้นได้ ถ้าจะขายได้หมดโดยให้คนเขาซื้อข้าวเรามากกว่าอินเดียราคาก็ต้องสูงกว่าเขา 10-20 เหรียญ แต่ถ้าเขาแข่งลงราคาเพราะไม่อยากเก็บข้าว อาจถูกกว่านี้มาก อย่างน้อย ราคาประเมินกันว่าจะลดกว่าปัจจุบันเกือบร้อยเหรียญเพื่อใหสูงกว่าอินเดียไม่มาก จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:42:58 A:1.1.158.6 X:

ความคิดเห็นที่ 12 กี๊ฟหมดแต่โดนใจ คคห.ที่ 9 ครับ มันทำให้เห็นภาพได้ดีครับ จากคุณ : balance14 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 14:55:39 A:58.8.208.229 X:

ความคิดเห็นที่ 13 เอาเงินที่ว่า ถ้าขายข้าวได้ใน1ปี  294,480 ล้านบาท + ด้วยเงินที่ขาดทุน76,377 ล้านบาทจะได้เงินที่ รัฐลงทุน 370,857 ล้านบาท ที่ทักษิณเคยบอกไว้ว่ารัฐ ลงทุนจะได้ภาษีแวตคืนมา3รอบ คือเอา7%คูณ3รอบ เท่ากับว่ารัฐได้ภาษีแวตคืน77,879ล้่านบาท รัฐจึงไม่ขาดทุนเลยถ้าเทียบกับชาวนากินดีอยู่ดีขึ้น.. จากคุณ : เทพสาดส่อง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:04:19 A:180.183.45.200 X:

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้ดีมีสาระ จาก คห.13 น่าสนใจเรื่องภาษี จริงๆ ขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ ไม่แน่ว่าอาจจะหักภาษีแล้วยังขาดทุน 76,377 ล้านบาทมั้ย? หรือว่ายังไม่ได้นำภาษีไปคิด เอาตัวเงินล้วนๆ น่าคิดๆ จากคุณ : น้ำดินทราย เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:25:51 A:58.137.112.150 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ก็ถูกของคุณไป่ฉีอีกล่ะครับ  คนกินข้าวเท่าเดิม ประชากรโลกเพิ่มทุกปี คนตายน้อยลงทุกปี เหมือนกันครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:36:07 A:110.49.227.40 X:

ความคิดเห็นที่ 16 อยากให้คุณ lpg ลองไปฟังคลิป คุยจริงใจกับหมอชัย เทป 38 - 39 ดูครับ ผมว่าหลายๆข้อที่สงสัยกันอยู่เค้าอธิบายไว้ชัดดีครับ จากคุณ : piggy_aa เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:41:33 A:110.49.225.41 X:

ความคิดเห็นที่ 17 14ครับ  มันไม่ได้อยู่ที่หักภาษีหรือยังครับ.. มันเป็นหลักคิดที่เขาวิเคราะห์ไว้เป็นค่าเฉลี่ย อาจได้มากกว่า3รอบขึ้นไปหรืออาจไม่ถึงขึ้น อยู่กับระบบฐานข้อมูล ระบบภาษีว่าทั่วถึงเพียงใด.. สมมุติว่า รัฐจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา1หมื่น ชาวนาก็เอาเงิน1หมื่นไปซื้อทีวี1หมื่น ชาวนาเสียภาษีแวต7% ห้างมีกำไรก็เสียภาษีรายได้ บริษัทผลิตทีวีก็เสียภาษีรายได้ เงินไปจ้างแรงงาน พนักงานก็เสียภาษีรายได้ พนักงานเอาเงินเืดือนไปใช้ ก็เสียภาษีแวตอีก เป็นต้น.. จากคุณ : เทพสาดส่อง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:46:01 A:180.183.45.200 X:

ความคิดเห็นที่ 18 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X13106067/X13106067.html กระทู้เรื่องข้าวจากห้องหว้ากอ จากคุณ : ป้าหนูดา เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 15:57:02 A:124.122.35.150 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ขอเ้รื่องภาษีก่อนนะครับ อันนี้ถ้าจะมองอย่างเป็นกลางที่สุด ก็ต้องมองจากเงินที่คนรับได้เพิ่มไป อย่างเช่นปกติถ้ารัฐไม่ช่วยเหลืออะไร ชาวนาได้เงินไป ตันละ 8,000 บาท แต่พอมีการรับจำนำ ได้เพิ่มเป็น 12,000 บาท ก็คือชาวนาได้เงินเพิ่ม 4,000 บาท ต่อตัน เงิน 4,000 บาท นี้ ถ้าชาวนาไม่มี อาจจะไม่ได้ซื้อของใช้ในครัวเรือน ปริมาณนี้ แต่พอไปซื้อ ก็ทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหว สินค้าขายได้มากขึ้น เพราะก่อนจะผลิตของชิ้นนึง ก็มีหลายขั้นตอนอยู่ ก็ทำให้เงินหมุนไป ถ้ายิ่งได้รอบมาก ภาษีที่กลับคืนเข้ารัฐก็มากขึ้น แต่ถ้าหากเงินที่เติมไปนี้ ไม่หมุนเท่าที่ควร คือไปอยู่ที่คนที่ไม่จำเป็นจริง ก็อาจจะกลายเป็นเงินออม ไม่เป็นค่าใช้จ่าย แต่การคิดแง่นี้ บางทีต้องคิดไปในอีกแง่นึง ก็คือถ้าหากรัฐไม่เอาเงิน 4,000 บาท ให้ชาวนา เงินก้อนนี้จะไปทางไหน ถ้ามองว่า รัฐมีเงินก้อนนี้อยู่แล้ว ใส่ไปทางชาวนา เงินก็หมุนไป ถ้าเอาไปใส่ในทางอื่น เช่นการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ การให้เบี้ยเสี่ยงภัย กับครู กับทหารในสามจังหวัดชายแดนใต้ หรือไปสร้างทาง อันไหนจะได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่ากัน ถึงตรงนี้ เราเทียบไม่ได้ แต่เพียงแต่อยากบอกว่า ถ้ามีเงินและใช้เงิน ไม่ว่าไปทางไหน เงินก็หมุนทั้งนั้น การมองว่าให้ชาวนาแล้วเงินหมุน มันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ แต่ว่า เราควรใส่ไปให้ถูกตำแหน่ง ไปยังคนที่เดือดร้อนจริง ๆ เพราะต้องยอมรับว่า เงินของไทยมีจำกัด อย่างเงินจำนำข้าวปีนี้ ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ ก็เป็นประเด็นที่ว่า เงินจะไม่พอรับจำนำ ซึ่งถ้าหากรัฐหาเงินมาให้ไม่ได้ ก็คงเป็นปัญหากับการับจำนำแน่นอน ดังนั้น การใช้เงินต้องดูที่ความคุ้มค่ามากกว่า บอกแต่ว่า ควรช่วยชาวนาเท่านั้น แต่จริง ๆ ประเด็นกระทู้นี้ ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นะครับ ผมเพียงแต่อยากจะชี้ว่า สศค. นำตัวเลขมาจากไหน เป็นการให้ข้อมูลเท็จกับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือไม่ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:01:46 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 20 จริงค่ะ แต่ใบหุ้นเราเก็บใส่กระเป๋ารวมไว้ได้ไม่มีค่าดูแล แต่ข้าวเนี่ย เสียค่าดูแลเยอะเลย แถมเก็บไว้นานคุณภาพลดลงๆๆงง หุ้นส่วนใหญ่ถ้าเราเลือกแล้ว เงินเย็น ใจเย็น ยิ่งเก็บยิ่งดี จะเลือกขายช่วงไหนก็ได้ตามใจเรา...ว่าแมะ อิ อิ จากคุณ : ยายฉ่ำ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:08:59 A:14.207.198.176 X:

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านจนจบแล้ว  ก็โอเคนี่ เพราะจะได้ปรับอันดับเครดิตดีขึ้น จากคุณ : BeN_SonG_HoE เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:10:46 A:202.12.118.61 X:

ความคิดเห็นที่ 22 ประเด็นแรก ในตาราง คคห.1 ข้าวที่ได้รับจำนำมาเป็นข้าวเปลือกที่ยังไม่ได้สีเป็นข้าวสาร ข้อมูลตรงนั้นเป็นการประมาณการณ์ที่อาจจะมีความคลาดเคลื่อน ประเด็นที่สองคือ อัตราการสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารและผลิตภัณฑ์ 21.77 / 12.89 = 59.2% ข้อมูลจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม สามารถสีเป็นข้าวสารได้ประมาณ 60-80% ของข้าวเปลือก ซึ่งขึ้นอยุ่กับลักษณะพันธุ์และช่วงการเก็บเกี่ยวด้วย ถ้าหากต้องการสีข้าวเปลือกให้ได้เปอร์เซนต์ข้าวสารเยอะต้องเก็บเกี่ยวในช่วงระยะพลับพลึง ฉะนั้นข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม สีได้ข้าวสารประมาณ 600-800 กรัม ข้อมูลสมาคมโรงสีข้าว ข้าวเปลือก 100 กิโลกรัม ข้าวสาร 5%  42.32 กิโลกรัม ปลายข้าว เอ1 17.32 กิโลกรัม ที่เหลือเป็นปลายข้าว ซี1, ซี3, รำข้าว, แกลบ ฯ ประเด็นที่สาม ข้อมูลจากตารางเป็นการประมาณจากการคำนวณล้วนๆ เพราะยังไม่มีการสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ดูเปอร์เซนต์ ปลายข้าวขาว/ข้าวขาว เทียบกับข้าวหอมมะลิ (ที่มีราคาแพง) ปลายข้าวขาว/ข้าวขาว 2,341,895.08/7,263,188.24 = 32.24% ปลายข้าวหอมมะลิ/ข้าวหอมมะลิ 421,899.43/1,159,166.66 = 36.39% ทำไมมีเปอร์เซนต์ที่ไม่เท่ากัน ประเด็นที่สี่ ถ้าคำนวณโดยอิงข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เอากลางๆ ที่ 70% ข้อมูลในตาราง 59.2% ก็จะเบี่ยงเบนออกไป 18.24% (ถ้าคิดที่ 80% จะเบี่ยงเบนไป 28.24%) บวกกับสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เช่น ปลายข้าวหอมมะลิ/ข้าวหอมมะลิ ถ้าได้เท่ากับข้าวขาว ซึ่งต่างกันอีก 4.15% ตามด้วยผลต่างของเงินที่รับจำนำในตาราง กับในข่าว 335,968 - 327,221 = 8,747 ล้านบาท ประเด็นสุดท้าย ราคาขาย ลองเอาข้อมูลราคาเฉลี่ยปี 54 เทียบกับปี 55 (ถึงพ.ย.55) เปรียบเทียบกันดู แล้วด้วยวิธีการเดียวกัน ราคาขายปี 56 ควรจะมากกว่าปี 55 เท่าไร? ข้อมูลที่เสนอแย้งก็มาจากการประมาณการณ์ด้วยการคำนวณด้วยค่าคงที่คล้ายๆ กันครับ แล้วแต่ว่าจะมองอย่างไร แล้วคุณจขกท.ลองคำนวณเปรียบเทียบว่านโยบายการประกันราคาใช้ไปกับข้าวกี่ล้านตันในตารางคคห.4 กับนโยบายการรับโครงการนี้ 21.77 ล้านตัน ถ้าเทียบเป็นก.ก. ต่อ ก.ก. แล้ว นโยบายไหน "รัฐ" เสียหายมากกว่ากันก็ได้นะครับ จากคุณ : POE เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:27:28 A:58.11.45.216 X:

ความคิดเห็นที่ 23 จะไปคิดแค่4พันได้ไง เพราะเป็นเงินรัฐ หมื่นสอง ส่วน8พันต้องเป็นเงินของเอกชนที่ไม่ได้ใช้ เพราะ ชาวนาไม่ขายให้ อันนี้ก็แล้วแต่แล้ว ว่าเอกชนจะเอาเงิน ก้อนนั้นไปลงทุนอย่างอื่นหรือเก็บไว้เฉยๆแต่น่าจะไปลง ทุนอย่างอื่น อาจซื้อต่อจากรัฐอีกที หรือซื้อพืชผลอื่นๆ ส่วนเรื่องได้เงินแล้วใช้ไหม มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่ คนจนมักจะใช้หมด คนรวยมักจะเหลือเก็บ เรื่องเงินก้อนนี้ควรเอาไปใช้อย่างอื่นนั้นช่วยไม่ได้จริงๆเพราะมัน เป็นนโยบายที่หาเสียงไว้ เรื่องเงินเดือนข้าราชการ เบี้ยเสี่ยงภัย อื่นๆนั้น รัฐก็กำลังทำอยู่ปรับเงินเดือนราชการ และนโยบายอื่นๆ สรุปตอนมาร์คเป็นรัฐบาล2ปีเอาเงินไปทำอะไร..ดีไหม พอใจไหม คำตอบคือเสียงที่ประชาชนตอบรับ เลือกตั้งเข้ามา .. รายได้เขารัฐก็พอๆกันแต่ทำไมพรรค พท.ดูทำประโยชน์ได้มากกว่า.. จากคุณ : เทพสาดส่อง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:33:07 A:180.183.45.200 X:

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคุณ POE ครับ รบกวนลองกลับไปกระทู้ที่ผมอ้างอิงมา จะเห็นว่า ตัวเลขนั้นผมได้จากรายงานของคณะอนุกรรมการฯ โดยตรง ไม่ได้คำนวณเอง เพราะเข้าใจว่า การคำนวณเองมันจะมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่เพิ่มลดปริมาณ ตัวเลขรวมข้าวเปลือกที่รับจำนำ ก็เอาจากในรายงานนั้น ตัวเลขมีข้าวอะไรส่งมอบมาแล้วบ้าง ก็เอาจากรายงานนั้นครับ ไม่มีรายการหลักใด ที่ผมประมาณการขึ้นมาเอง (อาจจะมีบางตัวที่ในรายงานพิมพ์ตัวเลขตก ก็เดาใส่ไปบ้าง แต่ไม่คลาดเคลื่อนมากมายหรอกครับ) อันนี้เป็นปริมาณสุทธิ ที่โรงสีส่งข้าวเข้าโกดังกลางทั้งหมดแล้ว (มีรายการค้างส่งมอบผมก็แยกออกมาไว้บรรทัดท้าย ๆ เห็นชัด ๆ แต่เนื่องจากในรายงานไม่ได้ระบุว่าค้างส่งมอบอะไร ผมก็เลยถือว่าเป็นค้างส่งมอบข้าวขาว 5% อย่างเดียวหมด เพราะยังไงก็เป็นข้าวที่มีปริมาณสูงที่สุดอยู่แล้ว) อันนี้เป็นตัวอย่างรายงานครับ ไม่ได้คิดขึ้นมาเอง (แต่ถ้าอ่านตัวเลขไทยเป็นอารบิค พลาดไปบางตัวก็ขออภัย) จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:35:39 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับ คุณเทพสาดส่อง ประเด็นเรื่องคิดเฉพาะส่วนเพิ่ม 4,000 บาทนั้น ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ เพราะชาวนาได้เงินเพิ่มเท่านั้น ปกติไม่มีการช่วยเหลือจากรัฐบาล ชาวนาก็มีเงิน 8,000 บาท ใช้หนี้ แต่พอได้ 12,000 บาท ก็มีอีก 4,000 บาท อาจจะใช้หนี้ หรืออาจจะไปใช้จ่าย หรืออาจจะไปเก็บ ก็ตามแต่ละคนไป ส่วนเรื่องรัฐบาลไหนทำประโยชน์ได้มากกว่ากัน อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองแล้วแหละครับ เพราะจริง ๆ งบประมาณรัฐ มันก็มีงบลงทุนแค่ไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็กู้มาทำโครงการเพิ่มเติม สมัยอภิสิทธิ์ ไทยเข้มแข็ง ก็กู้มาทุจริตมากมาย สมัยนี้ เงินน้ำท่วม สามแสนกว่าล้าน ก็ีมีทุจริต แบบเดียวกัน สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร อันนี้ผมยังมองว่า การช่วยเหลือของรัฐบาลอภิสิทธิ์ทำได้ดีกว่าพอสมควร เพราะรัฐบาลนี้ จ่ายมาก แต่ได้ผลไม่มาก ทั้งเรื่องข้าว เรื่องยาง หอมแดง ล้วนแต่ใช้งบประมาณแบบไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพเหมือนกันหมด จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:47:29 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 26 คุร lpg  ทำไมเราต้องเอาเงิน ไปใส่แต่ระบบอื่นครับ  ข้าราชการ ลำบากกว่าชาวนาเหรอครับ  เงินเดือนข้าราชการแต่ละปี เท่าไหร่ท่านพอทราบไหมครับ  เงินเบี้ยเลี้ยงอีกเท่าไหร่ครับ เงินประจำตำแหน่งอีกเท่าไหร่ครับ สวัสดิการอีกเท่าไหร่ครับ นโยบายนี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือคนยากค่อนประเทศ  คนยากจนที่ไม่เคยคิดหนีหนี้ เบี้ยวหนี้  เขาไม่ได้แบมือขอเงินด้วย  แต่เขาปลูกข้าวเอามาแลกเงิน  นั่นคืองานของเขา อาชีพของเขา ปีๆนึงเราเอาภาษีมาส้รางถนนเท่าไหร่ อุ้มน้ำมันเท่าไหร่ อุ้มแกสเท่าไหร่  ท่านคิดว่ามีชาวนนาเท่าไหร่ที่ขับรถยนต์ รถกระบะ ป้ายแดงไปปลูกข้าว  หรือขับรถยนต์พาครอบครัวไปเท่ียวในวันหยุด วันเทศกาล เราไม่/ด้ทำนาก็จริง รัฐไม่ได้อุ้มท่านก็จริง แต่เราได้รับประโยชน์จากนโยบายอื่นๆมากกว่าชาวนาเยอะครับ   ให้เขาได้บ้างเถอะครับ เรื่องโกง เรื่องทุจริต เราก็ต้องตรวจสอบ ต้องจับ ต้องเป็นหูเป็นตาครับ  ถ้ามัวแต่ห่วงนั่นห่วงนี่ จนแตะอะไรก็ไม่ได้  เราก็ไม่ต้องทำอะไรเลยดีกว่า จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 17:33:53 A:110.49.227.40 X:

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบคุณจขกท. #24 ถ้าคคห.ของผมที่ #22 ทำให้คุณจขกท.เข้าใจผิดว่าผมกล่าวหาว่าท่านคำนวณเอง ก็ต้องขออภัยนะครับ และต้องขอบอกว่าผมไม่เคยคิดอย่างนั้นครับ เจตนาของผมเพียงอยากบอกว่า ข้อมูลในตารางที่ท่ายยกมานั้น เป็นข้อมูลจากการประมาณการณ์จากการคำนาณ "ไม่ไช่ข้อมูลจริง" เพราะข้าวที่รับจำนำจำนวนมากยังมีสภาพเป็นข้าวเปลือกอยู่ ไม่ใช่ว่าทั้งหมดแปรสภาพเป็นข้าวสารและผลิตภัณฑ์แล้ว และคำถามของกระทู้นี้คือ .... ขายข้าวทั้งหมดจะได้เงิน 294,480 ล้านบาทนั้น สศค.คิดมาได้อย่างไร ก็แค่อยากจะบอกว่า ฐานการคำนวณต่างกันครับ ก็เลยทำให้ตัวเลขการคำนวณที่ออกมาต่างกัน ในตาราง #2คำนวณที่ 59.2/100 ลิงค์ที่คุณป้าหนูดาให้มา คำนวณที่ 66/100 (จาก 46+20) ของโรงสีคำนวณที่ 59.64/100 ของกระทรวงเกษตรให้มากกว่าที่ 60-80/100 และตัวคุณราคาที่ต่างกันเช่น ข้าวหอมมะลิตันละ 32,000 ในขณะที่ปลายข้าวหอมมะลิได้ราคาแค่ครึ้งเดียว ฝั่งนึงให้จำนวนข้าวมากกว่า ในขณะที่อีกฝั่งให้จำนวนที่น้อยกว่า ตัวเลขก็ย่อมต่างกันแน่นอนครับ แต่จะบอกว่าของใครผิดหรือของใครถูกก็คงเกินกำลังของผม ผมแค่ตอบคำถามของกระทู้เท่านั้นครับ จากคุณ : POE เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:01:18 A:58.11.45.216 X:

ความคิดเห็นที่ 28 อันนี้ผมพูดมาตั้งแต่เริ่มพูดเรื่องนี้ใหม่ ๆ อยู่แล้ว ประเด็นคือ การจำนำข้าว ต้องการช่วยเหลือชาวนาที่ยากจน หรือต้องการช่วยเหลือชาวนาทั่วไป ซึ่งผมมองว่า น่าจะเน้นไปที่การช่วยเหลือชาวนาที่ยากจน แต่รูปแบบนโยบาย เป็นการช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวทุกคน ทีนี้พอเงินมีไม่พอ ไม่ใช่แค่การจำนำข้าว อย่างเรื่องลูกจ้างประจำ ที่ออกมาประท้วง เรื่องเงินช่วยเหลือเรื่องอื่น ๆ หรือแม้กระทั่ง การช่วยเหลือพืชเกษตรชนิดอื่น เงินก็ไม่พอเหมือนกัน จะทำอย่างไร ซึ่งผมก็พูดมาตลอด เป็นไปได้มั้ยว่า ที่จะจำนำแบบจำกัดปริมาณ หรือการรับจำนำราคาแบบขั้นบันได เพื่อให้ใช้เงินจำนำข้าวน้อยลง แต่ช่วยเกษตรกรได้มากขึ้น เงินมันมีไม่มาก ไม่ใช่มีให้ใช้ไม่จำกัด ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนรูปแบบการใช้ เพื่อให้สามารถใช้ได้ครอบคลุมได้กว้างมากขึ้นมันไม่ดียังไง สมมติรวม ๆ แล้วรัฐช่วยเหลือตันละ 4,000 บาท คนปลูกข้าวได้ 5 ตัน ได้ สองหมื่นบาท แต่คนได้ 100 ตันได้(ส่วนต่าง)ไป 4 แสนบาท แบบนี้เท่าเทียมดีจริงเหรอครับ อันนี้ผมย้ำอีกครั้ง ผมไ่ม่ได้มองเรื่องทุจริตเลย เพียงแต่อยากให้ทำนโยบายที่มีประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ เงินก้อนเดียวกัน ถ้าเอาแบ่งไปใช้อย่างอื่นด้วย มันจะไม่มีประโยชน์มากกว่าเหรอครับ อย่างน้อยผมว่า ดีกว่าเอาข้าวไปเก็บไว้โกดังแบบตอนนี้ ขายทีละนิดละหน่อย เมื่อไหร่จะได้เงินครบตามที่คิดก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ต้องการเงินเพิ่ม เพื่อรับจำนำตอนนี้ ก็ไม่มีแล้วครับ ไ่ม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องตั้งกรรรมการหาเงินมาจำนำข้าวหรอกครับ เพราะตามแผน กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ให้ 1.5 แสนล้านบาท แล้วกระทรวงพาณิชย์คืนเงินค่าข้าวให้ อีก 8 หมื่นล้านบาท รวมแล้วก็น่าจะมีเงินพอ รับจำนำข้าวรอบแรกนี้แล้ว แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เหมือนกับว่า เงินจะหมดแล้ว แบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ ทำนโยบายแบบไม่รอบคอบ เพราะมองออกแต่แรกแล้วว่า เงินต้องไม่พอแน่ ๆ แต่ไปปั้นตัวเลขว่าจะได้เงินคืนเท่านั้นเท่านี้ จากการขายข้าว ชาวนาไม่ไ้ด้ยากจนทุกคนหรอกครับ แล้วทำไมนโยบายนี้ต้องช่วยชาวนาทุกคนด้วย ถ้าถามรัฐบาลก็จะได้คำตอบว่า ต้องเอาข้าวมาถือไว้ให้หมด ราคาจะได้ขึ้นไปได้ ซึ่งปีนึงที่ผ่านมาก็พิสูจน์เรียบร้อยแล้วว่า ราคามันไม่ขึ้น แล้วทำไมต้องดันทุรังทำแบบเดิมอีก ก็ลดปริมาณรับจำนำลง ก็แก้ปัญหาได้หลายอย่าง ไม่ดีกว่าเหรอครับ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:12:01 A:110.171.132.154 X:

ความคิดเห็นที่ 29 กระมู้ดี ๆ แบบนี้ เริ่มกลับมาแล้ว อยากเห็นแบบ นี้ทุก ๆ กระทู้เลยอะ จากคุณ : โพสต์บนเตาถ่าน (โบกกรัก) เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:51:43 A:197.218.68.217 X:

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ lpg  ท่านพถุดเล่นฟรือเปล่าเนี่ย ชาวนาปลูกข้าวได้ 5 ตัน ผมเข้าใจ เพราะส่วนมากชาวนาที่รู้จัก ก็มีนากันหรอมแหรม ห้าไร่สิบไร่ ซึ่งก็ได้ข้าวทีนึง 3-4 ตัน เท่าน้ัน  ท่านว่า ชาวนาบางคนทำได้ 100 ตันเนี่ย ผมว่าไม่น่าจะมีนะคัรบ เพราะต้องมีที่นาไม่ต่ำกว่า 150 ไร่  มากขนาดนั้นคงไม่ใช่ชาวนา เรื่องเงินก้อนนึงควรทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่า เอาไปทำอย่างเดียว  ผมว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เอางบมาทำจำนำข้าวอย่างเดียวนะครับ เอาไปทำหลายย่างเหมือนกัน การที่ชาวนาได้รับนโยบายนี้ก่อน คงเพราะสัดส่วนมันมากกว่าเกษตรกรแบบอื่น และถ้าเทียบกะนคนต่อคนแล้ว  เกษตรกรแบบอื่นยังจัดว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีดีกว่าชาวนาครับ ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า ภายในปีสองปีต่อจากนี้ หากนโยบายจำนำข้าวไปได้ดี ขาดทุนไม่มาก ชาวนาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ราคาข้าวสูงขึ้น เกษตรกรกลุ่มอื่นก็จะได้รับการช่วยเหลือที่ดีขึ้นตามๆกันมาครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 02:20:00 A:110.49.248.241 X:

ความคิดเห็นที่ 31 พึ่งเข้ามาดู  แต่ไม่ได้อ่านทุกความเห็น.......... ผมว่ารัฐบาลเค้ามองการณ์ไกลอยู่นะ  ความต้องการตลาดยังมีอีกมาก ไทยก็อยู่อันดับต้นๆในการส่งข้าวออก  เรากักตุนไว้ ราคาต้องขึ้นสูง เหมือนยางพาราสมัยก่อน  กิโลละ 18 - 20  บาท อยู่ประมาณนี้ พอผู้ผลิตรวมตัวกัน  กักตุนไว้ไม่ส่งออก  ราคาก็พุ่งพรวด พอดีไปเจอข่าว  ของข่าวสด  เลยเอามาให้ดูครับ.... จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 07:09:23 A:180.183.16.11 X:

ความคิดเห็นที่ 32 มันแปลกตรงที่ ทำไมเวลาทำอะไรออกมาเพื่อขาย แล้วขายไม่ได้ดังใจต้องบังคับให้คนอื่นรับผิดชอบ  แบบนี้ถ้าแม่ค้าขายข้าวแกง หรือคนขายผลไม้รถเข็น หรือบริษัทรถยนต์ให้ประกันราคาเค้าบ้าง มันจะเป็นยังไงล่ะครับ  คนทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด  ถ้าทุกคนออกมาเรียกร้องแบบนี้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้  ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว ปาล์มน้ำมันมาแล้วนะครับขอประกันราคา  แต่จะว่ากันพืชอื่นก็ใช้เงินน้อยกว่าข้าวมาก   สำหรับประเด็นว่าถ้าทุกวันนี้ชาวนาโดนกดหัวจากพ่อค้าคนกลางไม่มีอำนาจต่อรองจริงๆ  ถ้าจะประกันจริงๆ เนี่ยมันก็ไม่ควรต่างจากราคาตลาดมากนัก  เพราะราคาตลาดก็คือผลตอบแทนที่ชาวนาควรได้รับจริงๆ  ไม่ใช่ราคาตลาดบวกสี่สิบเปอร์เซนต์แบบทุกวันนี้ สิ่งที่ตามมาคือชาวนาไม่มีแรงจูงใจให้ลดต้นทุนการผลิต  อัดปุ๋ยอัดยาฆ่าแมลง  ตอนนี้ยอดขายปุ๋ยกับยาดีมาก  บริษัทต่างชาติควรจะขอบคุณ   นอกจากนี้ การที่รัฐเข้าไปอุ้มโดยกระเตงแบบนี้ มันทำให้เกษตรกรไม่เกิดการเรียนรู้คำว่า"ตลาด" ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนในสังคมต้องเผชิญกันอยู่ทุกวัน  มันเหมือนกับคนหัดว่ายน้ำแล้วจมน้ำสำลัก คุณไปดีงเค้าขึ้นมาไว้ให้เกาะคุณ แล้วก็ไม่ปล่อยเค้าไปหัดว่ายน้ำอีก  สุดท้ายคนๆนั้นก็ว่ายน้ำไม่เป็น พอคุณหมดแรงก็จมน้ำตายกันทั้งคู่   ประเด็นหลักๆ ผมว่าประชากรประเทศสารขัณฑ์มันต้องเปลี่ยนวิธีคิดแล้วครับ  ว่าทำอย่างไรถึงจะยืนหยัดอยู่รอดหากินได้ด้วยลำแข้งตัวเอง  ถ้าปลูกข้าวแล้วไม่รอดก็ต้องหาทางให้อยู่รอดหรือไปทำอย่างอื่นหรือขอโทษนะครับ ไปตายซะ  ใครจะว่าผมพูดง่ายก็ไม่เป็นไร  แต่เรื่องนี้เป็นสัญชาตญาณการอยู่รอดของมนุษย์ ไม่มีใครจะอุ้มกระเตงกันไปตลอดหรอกครับ จากคุณ : ผู้ใหญ่แนว (ผู้ใหญ่แนว) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 01:43:35 A:171.7.95.207 X: