ข้อสังเกตุ ถึงกรณี ...ดีแต่พูด กับ การขอประชามติเพื่อเดินหน้าแก้ใข รธน...

พรรค พท. ที่ผมได้ให้คะแนนเสียงเลือกตั้งให้มาเป็น รบ. ด้วยเหตุผล ของคำว่า “แก้ใขไม่แก้แค้น” รวมทั้งไม่สนับสนุน พรรคงูเห่า และพรรค ดีแต่พูด อย่างเต็มใจ ทั้งการหาเสียงและการแถลงนโยบายในรัฐสภาเป็นทางการ ในฐานะ รบ.พรรคร่วม อย่างชัดเจนถึง การจะดำเนินการเรื่อง “แก้ใข รธน.” อันหมายถึงว่า เมื่อได้รับเลือกตั้งมาเป็น รบ. สิ่งที่สัญญาไว้กับ ปชช. ก็คือสิ่งที่สมควรจะปฎิบัติให้ลุล่วงไป แต่การแถลงความจำนงศ์ถึงการขอประชามติ ทำให้เกิดข้อกังขาขึ้นมาได้ว่า “ปฎิกริยา ดีแต่พูด” ในกรณี ขอประชามติ เรื่องแก้ รธน. ที่มิได้มีแต่ในพรรคหนึ่งพรรคใดเท่านั้น เพียงแต่แข่งขันด้วยกันเอง ว่าพรรคใด สามารถ “ดีแต่พูด” อย่างน่าเชื่อถือดีกว่ากันเท่านั้น ถูกใหมครับ

คำว่า “แก้ใขไม่แก้แค้น” ที่เป็นนโยบาย ของ รบ. น่าจะหมายถึงว่า ได้เล็งเห็นถึงสิ่ง ไม่ถูกต้อง
หรือมีปัญหา ในระบบสังคม อยู่ก่อนแล้ว และ รบ. มองเห็นความจำเป็นที่จะต้องแก้ใข เมื่อมีสิทธิอำนาจ ปัญหาที่มีก็คือ รธน.๕๐ มิได้มาจากประชาชน แต่มาจาก คมช. อันเป็นสาเหตุของการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ในเมื่อ รบ. เองมาจาก ปชช. อันเชื่อได้ว่า ปัญหาของการบริหารจะเกิดขึ้นเมื่อใช้ นิติบัญญัติ รธน.๕๐ ที่มาจากอำนาจนอกระบบ อย่างแน่นอน ทำใม รบ. มองไม่เห็นว่า การแก้ใข รธน.๕๐ เป็นเส้นทางที่ไม่เพียง ไม่สามารถแก้ปัญหา “อำนาจนอกระบบ” ได้ ทั้งยังผิดจุดประสงศ์ ของคำว่า “แก้ใข” อีกด้วยครับ

ความเข้าใจ ถึง ลักษณะแก้ใขปัญหา รธน. โดยผ่านรัฐสภา ก็คือ การลงมติประกาศยกเลิก รธน.๕๐ และให้นำเอา รธน.๔๐ ที่มีที่มาถูกต้องตามระบบ มาใช้ชั่วคราวโดยทันที  และในขณะช่วงใช้ชั่วคราว ของ รธน.๔๐ สมควรแต่งตั้ง สสร. ตามระบบ ให้เป็นผู้ร่างแก้ใข รธน.ฉบับใหม่ และประกาศใช้หลังจาก ได้ประชามติเห็นชอบ เหตุผลที่ใช้สำหรับยกเลิก รธน.๕๐ ก็คือ เป็น รธน. ที่มิได้มาจาก ปชช. โดยผู้ที่เห็นด้วย ก็คือผู้ที่ไม่เห็นด้วยและต่อต้าน ระบบประชาธิปไตย อย่างชัดเจน เพราะไม่มีเหตุผลใดที่จะอ้างได้ว่า รธน.๕๐ เป็น รธน. ที่เป็นประชาธิปไตยได้ และเชื่อได้ว่า การยกเลิก รธน.๕๐ จะไม่มีกระบวนการยุติธรรมใดๆ ที่จะใช้ดุลย์พินิจ เพื่อสามารถพิจารณาได้ว่า “เป็นการล้มล้างประชาธิปไตย” อย่างแน่นอน ครับ

เอกสิทธิ์และสิทธิอันชอบธรรม ของ รธน.๔๐ ในฐานะ รธน.แห่งประชาธิปไตย ที่ได้ถูกล้มเลิกโดยอำนาจนอกระบบ เป็นเหตุผล ที่สามารถนำมาประกาศใช้ชั่วคราวในทันทีได้ ในเมื่อเป็น รธน. ที่มาจากระบบ ทำให้ผู้ต่อต้าน ไม่สามารถเอาเหตุผลในระบบ ประชาธิปไตย มาโต้แย้งได้ เพราะเท่ากับ ประกาศตัวเอง ว่าเป็นฝ่าย อำนาจนอกระบบ และไม่เป็นประชาธิปไตยโดย ตัวเองมีจิตจำนงศ์ต่อต้าน หรืออาจเข้าขั้น ล้มล้างระบบประชาธิปไตย พร้อมกันไปด้วย นั่นเอง ครับ

การแก้ใข รธน.๔๐ เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นการปิดช่องทาง การล้มสลาย รธน. โดยอำนาจนอกระบบ รวมทั้งปรับปรุงให้เข้ากับสภาวะความเป็นอยู่ ของสังคมไทยในระบบประชาธิปไตย ปัจจุบัน อันสามารถแก้ใขเพิ่มเติมในฉบับ เป็นรายมาตรา โดยไม่ทำให้เกิดกรณี ข้อต้องห้ามกับการ ร่างฉบับใหม่ และเป็นกรณีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ทำประชามติอีกด้วย พร้อมทั้งเป็นการ “แก้ใข” ตาม นโยบายของ รบ. ที่แถลงเป็นทางการในรัฐสภาครับ

ไม่เคยมีข้อกำหนดใดๆ ใน รธน. ของ ปทท. รวมทั้งใน รธน.๕๐ ที่ระบุเป็นข้อต้องห้ามเอาไว้ว่า “ไม่สามารถนำเอา รธน.ฉบับล่วงลับ หรือยกเลิกไปแล้ว นำมาประกาศใช้อีกครั้งได้ ฉนั้นการประกาศใช้ รธน.๔๐ ทดแทน รธน.๕๐ เป็นเพียงมติเสียงข้างมากในรัฐสภา เท่านั้นและก็ไม่เป็นกรณี ที่จะต้องให้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องพิจารณาตีความ อีกด้วย อันหมายถึง ในสิทธิอำนาจ ของการมี สส. เสียงข้างมาก รวมทั้งในฐานะ รบ. การแก้ใขในรูปนี้เป็นสิ่งที่ กระทำได้และเป็นสิ่งที่ชอบธรรมอีกด้วย อาจเป็นไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ง่ายมาก จนต่ำกว่าวุฒิความสามารถของ รบ. เลยเลือกเอา “วิธีวิ่งชนฝา” เพื่อผยุงเวลาแทน อย่างที่เห็น หรือในอีกกรณีหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ เพราะเพียงเพื่ออยากให้ ปชช. เข้าใจคำว่า “ดีแต่พูด” ชัดเจนล๊ะครับ

ไม่ใช่ว่า ปชช. จะมีความเข้าใจการเมือง เพียง สองขั้วอำนาจ เท่านั้น หรือทำเป็นทองไม่รู้ร้อน กับ อำนาจคุกคามนอกระบบ ที่เอาแต่ติงติกับ หรือไม่ให้โอกาสกับ รบ. ที่พยายามปฎิบัติหน้าที่ ในขณะนี้ แต่พฤติกรรม ของการ “ว่ายทวนน้ำ” หรือแก้ไม่ถูกปม และทั้งๆ ที่เชื่อแน่ว่า รบ. มีผู้ทรงคุณวุฒิ เพียงพอแต่ไม่เห็นผลงาน ทำให้ต้อง “ติเพื่อก่อ” ขึ้นมาครับ

รบ. ไม่ควรล๊ะเลยกับ ปัญหาของ ปชช. ที่ให้ความหวังโดยการให้สิทธิอำนาจบริหารเอาไว้ให้แก้ใข แต่มิใช่เพื่อการอื่น สิทธิที่ต้องปกป้องคุ้มครอง ของ รบ. คือ ปชช. ไม่ใช่ อำนาจนอกระบบ ที่จำเป็นต้องสลายไปตามกาลเวลาในตัวอยู่แล้ว ฉนั้นไม่มีเหตุผลสมควรใดๆ ที่ รบ. จะเอื้ออำนวย กับฝ่ายที่ไม่ยอมรับ ประชาธิปไตย อันเป็นที่มาของ รบ.เอง สิ่งที่ปรากฏในปัจจุบัน เป็นเสมือนกับการมีรั้วของชาติ แทนที่จะปกป้องการรุกรานจากภายนอก กลังเป็นกรงขังของผู้อยู่ภายใน จึงเป็นที่น่าเศล้าสลดใจ ครับ

จากคุณ	: พลายทมิฬ
เขียนเมื่อ	: 24 ธ.ค. 55 15:54:39 A:80.137.245.4 X:

bookmark

เก็บเข้าคลังกระทู้

ส่งต่อกระทู้

พิมพ์

หน้าหลัก

กระทู้ก่อนหน้า

กระทู้ถัดไป