ความคิดเห็นที่ 1 กรรมกำลังตาม ว.คนนี้อยู่ เอิ๊กๆๆ ไม่ผิด แต่ไม่สมควร จากคุณ : เราหยุดมันไม่ได้หรอก เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 10:56:55 A:223.207.88.54 X:

ความคิดเห็นที่ 2 แก กลับวัดถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตั้งเเต่ไปกินแกง ร้านนั้น จากคุณ : วีระพล (Absolute_wee) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 10:59:50 A:202.183.206.86 X:

ความคิดเห็นที่ 3 วันหลังรอเดทกับแฟน ก็ฆ่าคนไปพลางๆก่อน  จะได้ไม่บาปมาก จากคุณ : BOHBO5 (cherryisme) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:01:46 A:58.8.122.209 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ฆ่าเวลา ต้องตกไปอยู่ขุมไหนเนี้ย จากคุณ : กบฎลูกหนัง (Tanui) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:18:34 A:223.205.4.212 X:

ความคิดเห็นที่ 5 ....อร่อย จน ลืม กลับ วัด .....อร่อย มาก จน ลืม ทาง กลับ วัด .............อร่อย มาก ๆๆๆๆ จนลืม ว่า เรา เป็น พระ.... ............................................วอ ... จากคุณ : cpachurn เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:19:59 A:180.183.51.88 X:

ความคิดเห็นที่ 6 รับเงินเนชั่นมาเทศน์ ก็เลยต้องเทศน์ให้ถูกใจเจ้านายที่เนชั่น ไม่งั้นเค้าก็ไม่ลงบทความของตนเอง ด่าแต่ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับเจ้านานตน ถึงขนาดบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า หยิบโยงถ้อยคำให้ฟังรื่นหูโดยไม่สนใจว่ารากเง่าของความหมายจะผิดเพี้ยนประการใด ดูแล้วก็ไม่ต่างกับพระหางแถวที่เร่ร่อนบิณฑบาตร ตามข้างถนน เสื่อม... จากคุณ : ลาดกระบัง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:30:48 A:124.120.37.43 X:

ความคิดเห็นที่ 7 แค่ประดิษฐ์ถ้อยคำให้ฟังเพลินๆ คนที่ชอบก็หาเหตุหาผลมาเปรียบให้ได้ว่า มีความหมายลึกซึ้ง (บางทีก็เหมือนช่วยแก้ตัวให้) แต่ถ้าคิดกันตรงๆ ใครก็ฆ่าเวลาไม่ได้ ก็มันมีชีวิตซะที่ไหนเล่า แล้วมันจะบาปไปได้ยังไง จากคุณ : Ozzman เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:42:29 A:125.27.15.210 X:

ความคิดเห็นที่ 8 ซิบหอย !!!! จากคุณ : infinite justice   ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''' อุทานน่ารักน่าชัง จากคุณ : ซอนฮวก เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 11:53:54 A:58.137.173.132 X:

ความคิดเห็นที่ 9 วอสระออกอวอก จากคุณ : ขิงแห้ง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 12:11:38 A:110.171.80.149 X:

ความคิดเห็นที่ 10 การฆ่าเวลา  คือการปล่อยเวลาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ครับ ไม่ใช่การฆ่าเวลาในระหว่างรอทำอะไร แต่คำสอนนี้ของ ว.วชิรเมธี  เป็นคำสอนที่ไม่ได้ห่านเลยจริง ๆ ครับ เป็นคำสอนที่อ้างตรรกะที่คลุมเครือ  และระห่ำสุด ๆ แบบหลงในตัวคนสอนเองสุด ๆ คือแค่คิดตรรกะเท่ ๆ  ขึ้นมาเปรียบเทียบ  แล้วก็อธิบายตรรกะที่คิดว่าเท่นี้เพื่อเอาเท่อีกที แต่ผมว่ามันเป็นความงี่เง่าสิ้นดี เป็นการหลงครับ  หลงว่าตัวเองมีความน่าเชื่อถือ คนเชื่อ จะสอนจะสร้างตรรกะไงก็ได้ บัดซบเกินควร ถ้าผมจะคิดตรรกะเท่ ๆ สักอันว่า  เตะหมาบาปกว่าเตะพระนี่ ผมก็อธิบายตรรกะของผมได้ครับ  จะเอาเท่แค่ไหนก็ได้ จริง ๆ ครับ จากคุณ : ตระกองขวัญ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 12:32:50 A:110.77.204.234 X:

ความคิดเห็นที่ 11 หึหึ จากคุณ : oad4u เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 14:23:19 A:27.55.0.208 X:

ความคิดเห็นที่ 12 ความผิดพลาดอีกประการหนึ่งของท่าน ว. ก็คือ "นำธรรมะมาขายกิน"     ธรรมะเป็นของสูง คนอื่นนำมาขายได้ แต่ภิกษุในพุทธศาสนา จะนำธรรมะมาขายไม่ได้ ผิดพระธรรมวินัยอย่างแรง และการนำธรรมะออกจำหน่าย ถือว่าผิดร้ายแรงกว่าการจำหน่ายวัตถุมงคลเสียอีก      ท่าน ว. แต่งหนังสือแล้วไม่แจกเป็นธรรมทาน แต่นำมาขาย และมีลายเซ็นด้วย ทำเป็นเหมือนนักเขียนชื่อดัง การจำหน่ายธรรมะ ผิดตามหลักพุทธทำนายข้อที่ 11   สุบินนิมิตข้อที่ 11 : นำพระธรรมมาขายกิน   พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพวกหนึ่ง เอาแก่นจันทร์แดงที่มีค่าราคาแพง ไปแลกกับนมเปรี้ยวหม้อเดียว ซึ่งไม่สมค่าราคากันเลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพวกหนึ่ง จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา จะเขียนเป็นตำราเพื่อออกจำหน่าย ขายกิน หารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต เอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ทำเป็นการแสดง แต่งกลอน เพื่อผลประโยชน์ในกัณฑ์เทศน์ แสดงธรรมเพื่อเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล อันเป็นอามิส ไม่สมค่าราคากันเลย สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายศาสนาของเราตถาคตโน้น   เมื่อใดที่พระสงฆ์นำธรรมะมาขาย แสดงว่าพุทธศาสนาเสื่อมมากแล้ว ถ้าใครเจอพระขายหนังสือธรรมะ อย่าซื้อ    อ่านบทวิเคราะเต็มๆที่  http://board.banrasdr.com/showthread.php?tid=15621 จากคุณ : veerachai_t เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:57:30 A:115.67.3.2 X: