ความคิดเห็นที่ 1 เข้าไปอ่านแล้ว ยอมรับว่าอ่านไม่จบ ทั้ง 2 กระทู้ ปวดหัว ไม่ได้เม้นท์ด้วย เบื่อเหลือเกิน กับพวกที่คิดว่ารู้จริงเรื่องการทำนา โดยที่ไม่เคยลงมาแม้แต่เหยียบดินโคลน เซ็ง ปล. ตั้งใจไม่เม้นท์ที่กระทู้นี้ด้วยนะ ขอโทษที จากคุณ : ชาวนาอาชีพ (พฤษภาคม 2510) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 15:18:54 A:171.100.200.125 X:

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านไม่จบ เหมือนกัน   ไม่ได้เป็นชาวนา..ค่ะ  แต่มีเพื่อนเป็นชาวนา บอกว่าชอบมาก เรื่องจำนำข้าว ... ชาวนา  ใช้หนี้สินหมด  ก็เพราะ จำนำข้าวนี่แหละ จากคุณ : sao..เหลือ..noi เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 15:29:51 A:58.8.225.176 X:

ความคิดเห็นที่ 3 ชัดเจนดีครับ....อ่านแล้วไม่ได้เข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอเห็นภาพ และวิธีการแก้ไขปัญหาระยะยาว สมมุติว่าถ้าใช้โครงการจำนำต้องใช้เงินปีล่ะ 5000ล้านบาท ถ้าทำ10ปี ก็50000ล้านบาท ปัญหาคือจะทำกันกี่ปี จากคุณ : droptal เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:12:06 A:61.47.30.100 X:

ความคิดเห็นที่ 4 ผลผลิตต่อไร่ ต่ำ ราคายังขนาดนี้ ถ้าผลผลิตต่อไรสูง  ไม่วายโดนกดราคาลงไปอีก จากคุณ : เลื่องชื่อระบือนาม เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:17:43 A:171.4.163.113 X:

ความคิดเห็นที่ 5 อะไรที่ใช้เงิน มันก็ขาดทุนหมดแหละครับ ผมเห็น TV ช่อง TBPS มันเล่นจังเรื่องนี้ ก็อยากจะถามกลับไปเหมือนกัน ไอ้ที่รัฐจ่ายเงินให้ TBPS ปีละ 2,000 ได้กำไรหรือขาดทุน ระหว่างเอาเงินไปช่วยชาวนา กับ ไปให้ TV ฟรีๆ อันไหนมีประโยชน์กว่า จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:17:51 A:202.12.97.116 X:

ความคิดเห็นที่ 6 แถวบ้านผม(สามโคก)ไม่ว่าจะมีโครงการหรือไม่มีชาวนารวยทุกคน(หลายคนเช่าทำ)เพราะว่าทำปีละ3หน นั่นหมายความว่าถ้าจะให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ต้องมีระบบชลประทานที่ดี จากคุณ : เขยพังงา (เขยพังงา) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:19:06 A:124.122.205.192 X:

ความคิดเห็นที่ 7 ผมเพิ่งกลับจากกาญจน์  พบชาวนาที่นั่นต่างหน้าบาน  ปีนี้ผลผลิตดีและราคาดีเลยรวยกันชนิดที่ชีวิตนี้ไม่คาดคิดว่าจะเคยพบ แต่ขอเรียนว่า รสชาติข้าวเมืองกาญจน์อร่อยสู้ข้าวจากที่แหล่งอื่นไม่ได้เลย จากคุณ : สาละวิน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:21:38 A:61.90.165.206 X:

ความคิดเห็นที่ 8 หากจำเป็นต้องทำ 5-10 ปี หรือทำไปเรื่อยๆ ก็ต้องยอม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเม็ดเงินที่จะให้กระจายในระบบของประเทศว่าเป็นเท่าไหร่ คาดว่า การกำหนดสัดส่วนของเงินที่ใช้ในปีต่อๆไปให้ผกผันกับเวลา ช่วงแรกๆ อาจใช้เงินมากหน่อย แล้วค่อยๆ ลดลง จนไม่ต้องรับจำนำในที่สุดเมื่อถึงเวลาอันควร (ราคาข้าวนิ่ง ชาวนาอยู่ได้) ... การคำนวณและประมาณการในเรื่องกรอบของเวลาที่จะให้ชาวนาได้ใช้หนี้ทั้งในและนอกระบบ ให้ผ่อนคลายหรือหมดหนี้ ตลอดจนมีเงินเก็บเงินสำรองในการสร้างมาตราฐานชีวิตให้สูงขึ้น ... ถึงตอนนั้น จะเป็นงบประมาณล้านล้านบาท ก็ต้องยอมละครับ ดีกว่าเอาไปทุ่มลงในส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างสถาบันการเงิน และภาคอุตสาหกรรมในการพัฒนาลอจิสติกมากจนเกินไป . จากคุณ : คนไทยใจกว้าง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 16:23:13 A:58.64.99.234 X:

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท จะไม่กล่าวถึงว่า ทำไมชาวนายากจน แต่จะวิเคราห์ในเชิงคณิตศาสตร์ว่า เมื่อเปรียบเทียบ โครงการ จำนำข้าวของรัฐบาลนี้ กับ การประกันราคา ของรัฐบาลที่แล้ว ส่วนตัว จขกท มองนโยบาย ทั้งสองรัฐบาลว่า เป็นวิธีการ การจัดการและการบริหารโครงการที่แตกต่างกันคือ การรับจำนำ เป็นการบริหารจัดการโดยรัฐทั้งระบบ ขอเรียกว่า Supply Chain Management สามารถบริหารจัดการได้ครบวงจรทั้งระบบของห่วงโซ่อุกปทานการการ ผลิต จัดเก็บ ขนส่ง และ จำหน่าย การประกันราคา เป็นการบริหารจัดการโดยรัฐในบางส่วน ขอเรียกว่า Logistics Management เป็นการบริหารจัดการบางส่วน ส่วนวิธีการการที่จะลดต้นทุน และ เพิ่มผลผลิตนั้น ขอเรียกว่า Lean Manufacturing คือการแยกส่วนที่เกิน ส่วนที่ทำให้สูญเสีย ออกจากระบบให้ได้มากที่สุด อันนี้ เพิ่มเติมเข้าไปแก้ปัญหาของระบบ อันนี้เป็นไปตามหัวข้อกะทู้ Remark : Logistics Management ,Lean Manufacturing เป็นส่วนหนึ่ง ของ Supply Chain Management ถ้าเข้าใจเรื่อง Supply Chain Management ,  Logistics Management ,and  Lean Manufacturing แล้ว จะสามารถแก้ปัญหาผลผลิตทุกอย่างไม่ว่า ข้าว ปาล์ม อ้อย หรือแม้แต่ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆได้ ไม่ว่าจะจำนำ หรือ ประกันราคา ก็ดีทั้งนั้น เพียงแต่ว่า โดยรวมแล้ว ใครจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดทำโครงการ โดยวัดออกมาง่ายๆ โดยการ คำนวณกำไรขาดทุนจากยอดที่จำหน่ายออกไป ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าตั้งเพดานไว้ที่ 15,000 บาท ต่อตัน วิธีที่ 1 จำนำข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท ขายออกไปได้ 120,000 ล้านบาท แสดงว่า ขาดทุน 30000 ล้านบาท คิดเป็น 30000 / 10 = 3,000 บาท ต่อตัน ประกันราคาข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงินอุดหนุนตันละ  3000 บาท เป็นเงิน 30,000 ล้านบาท คิดเป็น 30,000 / 10 = 3000 บาท ต่อตัน ถ้าเป็นแบบแสดงว่า นโยบาย ทั้งสองแบบ ขาดทุนเท่ากันทั้งคู่ แต่ใช้เงินอุดหนุนเท่ากันในเชิงคณิตศาสตร์ แต่ในเชิงเศรฐศาสตร์ นโยบายจำนำ ใช้เงินลงทุนมากกว่า วิธีที่ 2 จำนำข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท ขายออกไปได้ 150,000 ล้านบาท แสดงว่า เท่าทุน ประกันราคาข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงินอุดหนุนตันละ  3000 บาท เป็นเงิน 30,000 ล้านบาท คิดเป็น 30,000 / 10 = 3000 บาท ต่อตัน ถ้าเป็นแบบแสดงว่า นโยบาย ประกัน ขาดทุนตั้งแต่ตั้งนโยบายแล้ว วิธีที่ 3 จำนำข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงิน 150,000 ล้านบาท ขายออกไปได้ 160,000 ล้านบาท แสดงว่า กำไร 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 10,000 / 10 = 1,000 บาท ต่อตัน ประกันราคาข้าว 10 ล้านตัน ใช้เงินอุดหนุนตันละ  3000 บาท เป็นเงิน 30,000 ล้านบาท คิดเป็น 30,000 / 10 = 3000 บาท ต่อตัน ถ้าเป็นแบบแสดงว่า นโยบาย ประกัน ขาดทุนตั้งแต่ตั้งนโยบายแล้ว ส่วนนโยบาย รับจำนำข้าว มีกำไร 1000 บาทต่อตัน ส่วนอันไหนจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการที่ดีและไม่มี คอรัปชั่น ทั้งสองอย่างด้วย   โดยสรุป การรับจำนำ เป็นไปได้ทั้ง ขาดทุน กำไร และ เสมอตัว การประกันราคา ขาดทุนตั้งแต่คิดนโยบายแล้ว จากคุณ : u5canoe เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 17:13:10 A:223.206.24.186 X:

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าชาวนายังเป็นแบบเดิม ก็ต้องอุดหนุนเหมือนเดิม แล้วประเทศชาติจะพัฒนาได้อย่างไร ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศยังต้องรอความช่วยเหลือจากรัฐอยู่ โดยส่วนตัว มีความเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องทำการจำนำข้าวหรือประกันรายได้ในราคาที่สูงเกินไป หากอยากปลดหนี้สินชาวนา อยากให้ชาวนามีเงินทุน... ทุกวันนี้ก็มีนโยบายสนับสนุนพวกนี้อยุ่แล้ว 1.บัตรเครดิตเกษตรกร 2.ปลดหนี้นอกระบบ สิ่งที่เหลือที่รัฐบาลควรทำ คือการให้ความรู้ พัฒนาผลผลิตต่อไร่ ลดต้นทุนการผลิต ถ้ารัฐบาลทำได้ สิ่งที่เหลือก็แค่การกำจัดพ่อค้าคนกลาง ซึ่งอาจจะทำได้ผ่านระบบสหกรณ์ หรือรับจำนำเหมือนเดิม แต่จำนำในราคาที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้ ถ้าเกิดขึ้นได้ คุณยิ่งลักษณ์จะได้เป็นรัฐบาลไปอีกนานแสนนานครับ โดยส่วนตัวไม่สนว่าใครจะเป็นรัฐบาล แต่ไม่ชอบนโยบายอุ้มประชาชนแบบนี้ ต่อให้ปีนี้ทำให้ประชาชนกลุ่มนึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ปีหน้ามันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม สุดท้าย ก็ต้องอุ้มกันไปตลอด เหมือนนโยบายที่อุ้มชาวนามาร่วม 10 ปี จากคุณ : LoveFoodGoodTaste เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 17:16:45 A:119.46.218.1 X:

ความคิดเห็นที่ 11 จาก คห ที่ 9 ของ จขกทเองคือ การอุ้มโดยนโยบายของรัฐ ทั้งรับจำนำ และ ประกันราคา และ เห็นด้วยกับ คห ที่ 10 คือ ต้องเลิกอุ้มโดยรัฐและสอนเกษตรกรให้คิดเป็นและบริหารจัดการเป็น เพื่อให้ เขาเดินเองได้ แต่ตอนนี้ต้องอุ้มก่อน และต้องสอนให้เขาหัดเดินและหากินเองได้ โดย การทำให้เกิดกำไรสูงสุด และวิธีที่จะได้กำไรสูงสุดคือ 1 ลดต้นทุนการผลิต (Cost ) 2 เพิ่มผลผลิต (Productivity) 3 ลดการสูญเสีย (Loss) ฯลฯ เหล่านี้ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระของรัฐได้แล้ว จากคุณ : u5canoe เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 17:36:06 A:223.206.24.186 X:

ความคิดเห็นที่ 12 เบื่อพวกดีแต่ปาก และชอบคิดแทนคนทำนา.....ที่บ้านทำนามา7ชั่วโครตแระเพิ่งจะเห็นไอเดียดีๆก็รัฐบาลนี้แระ...เสียดายยังปีนี้ฝนแล้งได้ข้าวน้อย.. จากคุณ : แม่เต่านา (แม่เต่านา) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 17:48:41 A:101.109.96.134 X:

ความคิดเห็นที่ 13 ก่อนอื่นต้องขอบคุณ link. ข้อมูล จำนำ 15000 มันขาดทุนแน่นอนตีทางอื่นไม่ได้ เพียงแต่ขาดทุนเท่าไหร่ มากหรือน้อยกว่าประกันราคาข้าว ข้าว จำนำ ดึงราคาขึ้นได้แค่ปีแรก โดยการลด supply. แต่ข้าวเก็บไม่เกิน 2 ปี จะแห้ง แข็งมีมอด ไม่น่ารับประทาน ดังนั้นหลังปีที่ 2 ก็ต้องปล่อย สุดท้าย supply. จะเท่ากับที่ผลิตได้ ดังนั้น ข้าวคนไทยกินเท่าเดิม จะปล่อยข้าวส่วนเกินต้องอิงราคาต่างประเทศ สุดท้ายราคาตลาดต่างประเทศต้องลดลงจนใกล้เคียงคู่แข่งเช่นอินเดีย นอกจากนี้การเก็บมีค่าเก็บ อีกทั้งน้ำหนักก็น้อยลง 0.5% ต่อเดือนก็ไม่น้อย ขาดทุนเท่าไหร่ TDRI เขาประเมินน้อยไปด้วยซ้ำ ช่วยชาวนา แต่อย่าพาประเทศเจ๊งก็พอ จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 18:32:22 A:27.55.154.207 X:

ความคิดเห็นที่ 14 ข้าวเก่าเก็บ เกิน 2 ปี พอเขารู้ว่าข้าวเราเก่าเร่งระบายออกพาลจะไม่อยากซื้ออีก ทั้งที่ลดราคาแล้วลดอีก ก็ข้าวเก่าอะนะมันเหม็น ไม่อร่อย เขาไปซื้อข้าวใหม่ๆ ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวของเรา หรือประเทศอื่นๆไม่ดีกว่าหรือที่จะซื้อข้าวเก่าที่จำนำปีที่แล้วของเรา ซื้อข้าวใหม่ในปีหน้านี้เขาบริหารจัดการง่ายกว่าเยอะ ทานอร่อย กว่าจะส่งไปถึงประเทศเขา ข้าวก็กำลังได้ที่พอดี จะสต๊อกให้นานขึ้นก็ยังได้เพราะข้าวใหม่ ไม่ได้เก่ามากเหมือนเต็มโกดังตอนนี้ เขาซื้อไปเสี่ยงข้าวเสีย ไหนจะต้องรีบกินอีก จัดการยาก จากคุณ : โป๊งเหน่ง_NB เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 18:47:15 A:58.11.214.116 X:

ความคิดเห็นที่ 15 ถึง ความเห็นที่ 13 กับ 14 สมมุติว่าคนทั้งโลก ต้องกินข้าว ปีละ 20 ล้านตัน ประเทศอื่นผลิตได้มากสุด 15 ล้านตัน ต่อปี ถ้าไทยไม่ขายข้าว 2 ปีแบบที่คุณว่า ถามว่าคนจะตายใหม คิดว่าคนอื่นกินหญ้าแบบคุณ ได้หรือครับ ตรรกะแบบแปลกๆ คิดได้ไง ผมยังคิดแบบคุณไม่ได้เลย.... จากคุณ : ต้นหญ้ากลางพายุ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 20:12:54 A:171.4.49.96 X:

ความคิดเห็นที่ 16 ความเห็น 15 ผิดแล้ว ประเทศคู่แข่งเช่นอินเดียปลูกได้ 136 ล้านตันมากกว่าไทย 4 เท่า ส่วนหนึ่งบริโภคภายในประเทศ ประเทศเขาใหญ่กว่าเรามาก ปลูกพืชหลายอย่าง ถ้าข้าวราคาดี เขาหันมาปลูกข้าวแทนสินค้าเกษตรอื่นแค่ 10-20%. ก็เกือบเท่ากันปริมาณข้าวที่เราปลูกแล้ว ตั้นทุนข้าว 50% เป็นค่าแรง แต่คู่แข่งเรายากจน ราคาข้าวถูกกว่าเรามากก็คุ้มค่าแรงแล้ว จากคุณ : ไป่ฉี เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 22:03:45 A:27.55.154.207 X:

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคิดแบบ โป๊งเหน่ง_NB ชาตินี้ก็ไม่ต้องปลูก หรือ ผลิต อะไรขายแล้ว เพราะกลัวขายไม่ได้ กลัวเก่าเก็บ จะขายขาดทุน สินค้าทุกอย่างมันก็มีอายุทั้งนั้น อายุน้อยก็เสี่ยงมาก อายุยาวก็น้อยหน่อย โรงงานผลิต โทรศัพท์มือถือ ส่งมาขาย ไม่เห็นมันจะกลัวขายไม่ออก ทั้งๆที่ มีของกองเต็มตลาด มือถือ อายุมันน้อยกว่าข้าวอีก อย่าง IPhone,Samsung ถ้าลองซื้อมาแล้วขายไม่ออกเกิน 2 ปี ก็ตกรุ่น ราคาตก จำนวนมือถือในตลาด มีมากกว่าจำนวนประชากรไทย ซะอีก ทำไมมันกล้าผลิต กล้าซื้อมาขายละครับ ข้าวเป็นอาหาร ที่คนต้องกิน ถึงจะไม่กินทุกวันก็ตาม เมื่อมีคนกินยังไงมันก็ต้องหมด ยังไงก็ขายได้ ถึงจะขายเป็นข้าวสารไม่หมด ก็เอาไปแปรรูปทำเป็นอาหารอย่างอื่นได้เยอะแยะ ผมไม่เคยกลัวว่าประเทศเล็กๆ แบบไทย จะสามารถผลิตข้าวจนล้นโลกได้หรอกครับ รัฐบาลซื้อข้าวจากชาวนาตันละ 15,000  ราคาถูกกว่า iPad อีกครับ จีนมันผลิต มือถือ,tablet,tv มาขาย กองเป็นภูเขา ไม่เห็นกลัวจะล้นตลาด ทั้งๆที่ขายยากกว่าขายข้าว แล้ว ยังหมดอายุเร็วกว่าข้าวด้วย ข้าวเป็นสินค้าที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ใช่สินค้าไร้ค่านะครับ ข้าวเปลือก 1 ตัน สีเป็นข้าวสารได้ 600 กก. ถ้าคนแต่ละคน กินข้าว มื้อละ 2 ขีด , 1 วันก็ 6 ขีด,  600 กก. ก็กินได้  1,000 วัน ดังนั้นเงิน 15,000 บาท สามารถซื้อข้าวให้คน 1 คน กินได้เป็นเวลาถึง 3 ปีนะครับ เทียบกับ เอาเงิน 15,000 บาท ไปจ้างพนักงาน 1 คน ทำงาน ก้อกๆ แก้กๆ เป็นเวลา 1 เดือน คุณว่าเอาเงินไปซื้อข้าว 1 ตัน กับ จ้างคนทำงาน 1 คน อันไหนมีค่ามากกว่ากัน พวกที่ทำงานได้เงินเดือนเกิน 15,000 บาท ก็พึงสังวรไว้บ้างว่า ตัวเองทำงานขายแรง ขายสมอง ในแต่ละเดือน มีค่าเท่ากับข้าวเปลือก 1 ตันมั้ย เทียบกับ เงินเดือน พวกที่มันชอบค้านแบบ TDRI บ้าง เงินเดือนคนละหลายหมื่น ถ้าเทียบมูลค่ากัน สมมติพวกมันทั้ง TDRI ทำงาน 1 เดือน รวมกัน รัฐต้องจ่ายเงินเดือน 1,500,000 บาท เทียบได้กับข้าวเปลือก 100 ตัน ถามว่าผลงานที่มันทำได้ 1 เดือน มีมูลค่าเท่ากับ ข้าว 100 ตันมั้ย ดีไม่ดี ถ้าวัดผลงานออกมาเป็นเงิน แทบจะหาค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เท่านั้น ยังมีการทำโครงการขอเงินไปทำวิจัย โครงการละเป็นแสน เป็นล้าน ได้ รายงานมา 1 เล่ม บางโครงการแทบจะหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย กลายเป็นเศษกระดาษไร้ค่า สรุปง่ายๆ โครงการจำนำข้าวจะมองว่ารัฐบาลจ้างชาวนาปลูกข้าว โดยให้เงินตันละ 15,000 ก็ได้ แต่เป็นการจ้างตามผลงานไม่ได้จ้างแบบให้เงินเดือน ลองเทียบกับจำเป็นต้องจ้างนักวิชาการ TDRI, จ้าง TBPS ทำทีวีสาธารณะ, จ้างองค์กรอิสระต่างๆ ตลก.รธน, ผู้ตรวจการ,กรรมการสิทธิฯ,สว และ อื่นๆ   ให้เป็นรายเดือน ให้ค่าจ้างทุกเดือน  ทำงานบ้าง ไม่ทำบ้าง มีผลงาน ไม่มีผลงาน ก็ต้องจ่ายเงิน ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วระหว่างเอาเงินภาษี ไปซื้อข้าว กับ เอาเงินไปจ้างพวกนี้ อันไหนมันคุ้มกว่ากัน จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 22:20:16 A:223.205.130.57 X:

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะให้ยุติธรรม ต้องรับจำนำสินค้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่สินค้าเกษตรด้วย   คนอื่นทำมาหากิน เสี่ยงขาดทุนกำไร ขายได้ หรือขายได้ราคาต่ำ ชาวนามีสิทธิ์พิเศษอะไร ถึงได้สิทธิพิเศษกว่าอาชีพอื่น แถมภาษีส่วนบุคคลกก็ไม่ต้องเสีย  ทำไมไม่ยกเว้นให้อาชีพอื่นด้วย อย่างนี้เรียกว่าสองมาตราฐานหรือป่าว ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน จากคุณ : ยอดมือปราบ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 23:11:01 A:115.87.245.178 X:

ความคิดเห็นที่ 19 ลองช่วยกันคิดดูว่ารัฐฯ ควรจะรับจำนำไปกี่ปี แล้วจะทำอะไรต่อเพื่อช่วยชาวนาแบบยั่งยืน (หรือจะจำนำกันตลอดไป) หากจำนำตลอดไป ผมก็ไม่สนับสนุน (ไม่ชอบนโยบายประชานิยม) เพราะมันเอาเปรียบบุคคลในอาชีพอื่นๆ รัฐฯเอาเงินภาษีมาบริหาร ก็ควรจะบริหารให้เป็นธรรมกับทุกคนในชาติ หากรัฐฯ งดเก็บภาษีบุคคลธรรมดา ให้เหลือเก็บเฉพาะ ภาษีอื่นๆ เช่น นิติบุคคล vat. สรรพสามิต ฯลฯ ผมก็พร้อมจะสนับสนุนนโยบายประชานิยมนะครับ จากคุณ : ChemKorat3 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 17:45:58 A:110.77.138.173 X: