นโยบายรถคันแรก...ขยายความ00หายเพิ่ม! /สิริอัญญา/แนวหน้าออนไลน์
เป็นอันว่า ณ เวลาใกล้สิ้นสุดปี 2555 นโยบายส่งเสริมให้คนไทย
ซื้อรถคันแรกประมาณ 1 ล้านคันได้บรรลุผลสำเร็จดังเป้าหมายแล้ว
และมีทีท่าว่ายอดซื้อรถใหม่จะเกินกว่า 1 ล้านคันไปอีกเท่าใดก็ยังไม่รู้
เฉลี่ยว่าค่ารถที่ซื้อกันคันละ 1 ล้านบาท
ก็เป็นอันว่าคนไทยเป็นหนี้เพิ่มจากนโยบายนี้ 1 ล้านล้านบาท
แต่ทว่าแท้จริงแล้วจำนวนหนี้มากกว่า 1 ล้านล้านบาท
เพราะการซื้อรถนั้นแม้ใช้คำว่า การซื้อรถ แต่แท้จริงแล้ว
ก็คือการเช่าซื้อ ซึ่งการเช่าซื้อนั้นหมายความว่า ราคาที่
ผู้ซื้อต้องจ่าย จะมีมูลค่าตามวิธีคำนวณในระบบเช่าซื้อ
นั่นคือจะมีการเอาระยะเวลาที่ผ่อนชำระคูณเข้ากับดอกเบี้ยที่จะต้องเสีย
คิดเป็นจำนวนรวมเท่าใดแล้วก็มาบวกเข้ากับราคาซื้อเป็นเงินต้น จากนั้น
ก็เอาระยะเวลาจำนวนเดือนที่ผ่อนชำระหาร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคารถที่จะต้องจ่ายในระบบเช่าซื้อจึงมากกว่าราคา
คันละ 1 ล้านบาท และโดยปกติขณะนี้เขาผ่อนกันนานถึง 7 ปี
โดยเฉลี่ยเบาะๆค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มจากราคารถ จะประมาณ
เท่ากับราคารถ นั่นคือคนซื้อรถจะต้องจ่ายเงินรวมกันไม่น้อยกว่าคัน
ละ 2 ล้านบาท
นี่คือความ00หายของคนไทยที่เห็นประจักษ์ชัด คือถูกชักชวนให้
ซื้อรถคันแรกโดยอ้างว่าราคา 1 ล้านบาท แต่เมื่อซื้อในระบบเช่าซื้อ
ก็จะต้องจ่ายเงินถึง 2 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย รวมแล้วรถ 1 ล้านคัน
คนไทยก็ต้องเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท
เงิน 2 ล้านล้านบาทนี้ไปไหน? มันถูกนำมาเฉลี่ยคำนวณว่าเป็นรายได้
ประชาชาติหรือรายได้ของคนไทยทั้งประเทศซึ่งเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
เพราะความจริงแล้วคนไทยทั้งประเทศไม่เคยได้รับส่วนแบ่งหรือส่วน
เฉลี่ยเงินดังกล่าวแม้แต่บาทเดียว
เงิน 2 ล้านล้านบาทนี้มีที่ไป 2 ที่ คือ
ที่แรก ไปอยู่ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นบริษัทญี่ปุ่น
บริษัทญี่ปุ่นจึงรับไปเต็ม ๆ 1 ล้านล้านบาท โดยจ่ายค่าแรง ค่าเช่า
ให้กับคนไทยบ้างก็ไม่เกิน 150,000 ล้านบาท
นโยบายซื้อรถคันแรกนี้จึงเป็นประโยชน์ต่อบริษัทญี่ปุ่นโดยตรงมากที่สุด
แหล่งที่สอง ไปอยู่ที่บริษัทไฟแนนซ์หรือสถาบันการเงิน
หรือผู้ให้เช่าซื้อทั้งในระบบและนอกระบบทั้งหลายเป็นจำนวนถึง
1 ล้านล้านบาทเหมือนกัน บริษัทการเงินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น
ของสิงคโปร์ แม้ว่าจะใช้ชื่อไทย และใช้ชื่อผู้บริหารคนไทยบังหน้าก็ตาม
จะตกได้เป็นค่าแรงแก่คนไทยตาดำๆบ้างก็เห็นจะไม่เกิน 200,000 ล้านบาท
รวมความว่า ภาระหนี้ของคนไทยจากนโยบายรถคันแรกที่คิดเอา
ตัวเลขกลมๆเพียง 1 ล้านคัน จำนวน 2 ล้านล้านบาทนั้น ตกได้แก่ต่างชาติ
ถึง 1,700,000 ล้านบาท ตกได้แก่ประเทศไทยและคนไทยเพียงประมาณ 300,000-350,000 ล้านบาทเท่านั้น
แต่ที่ไหนได้ คนไทยที่ซื้อรถคันแรกไม่ได้เป็นหนี้เพียง 2 ล้านล้านบาท
เท่านั้น ยังจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันภัยอีก
ราว 1 แสนล้านบาท เพราะในระบบการเช่าซื้อนั้นผู้เช่าซื้อต้องทำ
ประกันภัยรถ และต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันเอง
ยอดที่คนไทยต้องเป็นหนี้จาก 1 ล้านล้านบาท ได้เพิ่มค่าดอกเบี้ยขึ้น
เป็น 2 ล้านล้านบาท และยังเพิ่มค่าเบี้ยประกันภัยเข้าอีก 1 แสนล้านบาท
แค่นี้ก็00หายวายวอดกันถ้วนหน้าแล้ว
เพราะเมื่อซื้อรถมาแล้ว รถมันไม่ได้กินน้ำ แต่มันกินน้ำมัน และต้องบำรุง
รักษา ค่าน้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน อยู่ดีๆก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันเป็นรายจ่าย
เพิ่มขึ้นเดือนละ 5,000-10,000 บาท แล้วยังจะต้องจ่ายค่าต่อทะเบียนรถอีกเฉลี่ยคันละ 8,000 บาท ยังไม่รวมถึงค่าสึกหรอ หากว่ามีการเฉี่ยวชน
ซึ่งไม่รู้เป็นจำนวนเท่าใด เมื่อซื้อรถมาแล้วก็คงไม่มีใครซื้อมาจอดไว้เฉยๆ
ก็ต้องพาครอบครัว คนรัก ญาติมิตร ไปกิน ไปเที่ยวกัน ค่าใช้จ่ายก็จะ
เพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้รายได้ซึ่งแทบไม่พอจ่ายอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นจนสุดคาดคิด
ถึงจุดหนึ่งก็ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อไม่ได้ดังที่ปรากฏข่าวว่าในขณะนี้มีการ
ค้างค่าเช่าซื้อรถเป็นจำนวนมากและมีการยึดรถคืนกันแล้ว
กรณีมีการยึดรถคืนก็เป็นที่แน่นอนว่า ผู้เช่าซื้อยังจะต้องชำระหนี้ที่ค้าง
กลายเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัวและเสียผู้เสียคนตาม ๆ กัน
บางครอบครัวซื้อรถให้เมียใช้ เมียไม่อยากให้รถถูกยึดก็พยายามดิ้นรน
หาทางออก หนักๆเข้าก็ยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมขายตัว
ทำให้เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลายขยายวง จนครอบครัวต้องแตกแยก
แหลกลาญ และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนมีคำกล่าวติดปากกันมากขึ้นว่า ซื้อรถคันแรกก็จะเสียเมียคนแรก
ดังนั้นใครหลงกลจมปลักกับนโยบายรถคันแรกก็ให้ระวังจะเสียผัวเสีย
เมียไว้ให้จงดีนโยบายซื้อรถคันแรกนี้
ผู้คนแห่กันไปซื้อเพราะหวังจะได้ลดค่าภาษีที่รัฐบาลจะชดใช้ให้คันล
ประมาณ 100,000 บาท ซึ่งคำนวณดูก็พอจะรู้ว่า
รัฐบาลจะต้องเอางบประมาณแผ่นดินไปคืนภาษีตามนโยบายนี้
ราว 100,000 ล้านบาท
แผ่นดินก็จะ00หายต่อไป
ครั้น00หายหนักเข้าก็ต้องหาทางออก
นั่นคือการเช็คบิลคืนเอากับผู้ซื้อรถคันแรกและทุกคนที่มีรถ
นั่นคือการเดินหน้านโยบายปรับภาษีรถยนต์และค่าธรรมเนียมรถยนต์
รวมทั้งการขึ้นค่าน้ำมันและค่าแก๊สสำหรับรถยนต์ในปีหน้านี้
นี่ไงของขวัญปีใหม่จากนักการเมืองที่ต่อเนื่องจากนโยบายรถคันแรก!
http://www.naewna.com/politic/columnist/4654
สรุปว่า รัฐบาลเขาบังคับให้ซื้อหรือเปล่า "รถคันแรก"นี่
ความพอเพียง ...พระบรมราโชวาท..นี่ไม่คิดนำมาใช้เลย ...
เมื่อเกิดความหายนะ แล้วดันไปโทษ รัฐบาล ..อย่างนี้ก็มีด้วย
จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ
แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 55 17:39:58