ธาตุแท้ของนักการเมืองอย่าง...บรรหาร... เสนาะ... และบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหุ่นเชิด...นักการเมืองที่มีอุดมการณ์(โกง) ...เป็นพรรคฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง... วาทะอมตะประโยคนี้หลายคนคงยังจดจำกันได้ดีว่าผู้พูดไม่ใช่ใครที่ไหน ....นักการเมืองน้ำดีของชาวสุพรรณบุรีเขต 1 ในอดีตหรือปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคชาติไทยคนปัจจุบัน เขาผู้นั้นคือ...บรรหาร ศิลปะอาชา ... ผู้ที่เขี่ยทิ้งได้แม้กระทั่งน้องชายของตัวเองคือชุมพล ศิลปะอาชา เมื่อไม่อยู่ในโอวาทหรืออำนาจบงการของเขา คนสุพรรณบุรีอาจยกย่องชื่นชมเขาเปรียบเสมือนวีระบุรุษ เพราะได้สร้างคุณูปการต่างๆไว้มากมายโดยเฉพาะการสร้างถนนหนทางสี่เลนจากกรุงเทพฯถึงสุพรรณบุรีมาร่วมยี่สิบกว่าปีแล้ว ดูแล้วเขาช่างมีความสามารถเสียนี่กระไร แต่ทุกคนลืมไปว่าถนนสายนั้นมันถูกสร้างขึ้นด้วยเงินจากภาษีอากรของประชาชนจากทั่วประเทศส่วนจะถูกเบียดบังไปเป็นเงินผลประโยชน์ส่วนตัวเท่าไหร่อันนี้ไม่มีใครยืนยัน และถนนเส้นนี้นี่เองที่เป็นถนนที่เขาวางแผนสร้างไว้เพื่อให้ตัวเองได้เดินเข้าสู่สภาตลอดมา เพราะคนสุพรรณบุรียอมรับว่าเขาเป็นผู้แทนที่มีผลงาน อย่างนี้จะเรียกว่าฉลาดแกมโกงได้ไหม??? ก่อนเลือกตั้งธันวาคม ปี2550 ดูเขาแสดงบทบาทได้เข้าตากรรมการและประชาชนทั่วไปว่าเขาจะยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับพรรคพลังประชาชนซึ่งใครๆก็รู้ดีว่านอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มมีความหวังว่าเขาจะกลับมาเป็นนัการเมืองน้ำดี ไม่ใช่ปลาไหลใส่สเก็ตอย่างที่เป็นอยู่หรือที่ผ่านมา หลังเลือกตั้งเขาจะยังยืนอยู่เคียงข้างกับประชาชนส่วนใหญ่เพื่อนำพาสังคมกลับสู่ความสงบสุข จะได้เลิกวุ่นวายกันเสียที แต่...สุดท้าย บรรหาร ก็ยังคงเป็นบรรหารคนเดิมที่เห็นผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องมากกว่าส่วนรวมคือประเทศชาติ ส่วนเสนาะ เทียนทอง เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง โดยเปิดโปง พ.ต.ท.ทักษิณ กับภรรยา ซึ่งมีใจความว่ามีรัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลขณะนั้น จะมีคนของเขาเข้าไปบอกว่าจะทำงบประมาณกี่พันล้าน ก็จะต้องเอาเข้าพรรค 10 เปอร์เซ็นต์ และเวลาจะทำโครงการก็จะเอาคนของตัวเองเข้าไปทำ เพื่อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ซึ่งรัฐมนตรี 9 กระทรวง จะต้องไปแต่งงบประมาณขึ้นมา แล้วจ่ายให้พรรค 10 เปอร์เซ็นต์ และพอเข้า ครม.แล้ว นายกฯ จะเป็นคนอนุมัติเอง โดยทุกคนไม่ต้องสงสัย ผมจึงอยากถามว่าวันนี้ เงินที่เข้าพรรคมีอยู่เท่าใดแล้ว นอกจากนี้นายเสนาะ ยังพูดประโยคสำคัญ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดความแตกแยกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และยังระบุว่า จะขออยู่ข้างประเทศชาติ ณ เวลานั้น สปอร์ตไลท์จ้องจับไปที่ตัวเขา หลายๆคนคงคิดเหมือนผมและเชื่ออย่างที่เขาพูดว่าอายุปูนนี้แล้วจะขออยู่ข้างประเทศชาติ ช่างเป็นวลีที่กินใจเหลือเกิน เอาเถิด...คนเราคิดได้ตอนแก่ก็คงไม่สายและคนไทยอีกหลายล้านคนคงให้อภัยกับเรื่องที่เขาเคยก่อไว้กับบ้านเมืองในอดีต แล้วมาวันหนึ่ง...หลังเลือกตั้งธันวาคม ปี2550 เสร็จก็กลืนเลือดผสมน้ำลายตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่าพรรคพลังประชาชนคือนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็กระโดดเข้าร่วมผสมพันธุ์เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล ทั้งๆที่รู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาทวงอำนาจคืนและทำให้บ้านเมืองกลับมาวุ่นวายไม่รู้จบ แต่เพราะผลประโยชน์ส่วนตนที่เขาหยิบยื่นให้มันตกลงกันได้อย่างลงตัว จึงทำให้เสนาะ เทียนทอง สงบเสงี่ยมเจียมตัวยอมศิโรราบให้กับคนที่ตัวเองเคยด่าว่าสาดเสียเทเสีย บัดนี้...บ้านเมืองกลับมาวุ่นวายเกิดความแตกแยกไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จึงอยากถามว่า....เสนาะ เทียนทอง... คุณยังจำคำพูดที่ประกาศไว้ตอนขึ้นขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวงว่า...จะขออยู่ข้างประเทศชาติ...ได้รึเปล่า ??? และคุณยังสุขสบายดีอยู่หรือ ???ในขณะที่พันธมิตรต้องมาอดตาหลับขับตานอน เปียกปอนฝน และโดนแดดแผดเผามา 70 กว่าวันแล้ว แล้วอย่างนี้พวกเราจะฝากความหวัง ฝากประเทศชาติ ให้คนเหล่านี้เข้ามาอาสารับใช้อีกหรือ สำหรับผม...แม้แต่นาทีเดียวก็ไม่ควรให้โอกาสสำหรับคนโกงและทรยศประชาชน เพราะคนพวกนี้คือล้วนแล้วแต่นักการเมืองที่มีอุดมการณ์(โกง) ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองหรือสังคมส่วนรวม แต่เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งผมขอเรียกคนพวกนี้ว่าพวกจิตวิญญาณสาธารณะบกพร่องที่ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งการขายตัว การซื้อเสียง การติดสินบาทคาดสินบน เรียกว่าทำบาปอย่างไร้ยางอายได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ตัวเองได้เดินเข้าสู่สภาอย่างผู้ทรงเกียรติ คนพวกนี้ทำได้ทุกอย่างถ้ามีเงินเป็นเหยื่อล่อจึงมีศัพท์ที่ใช้เรียกคนพวกนี้ว่ากะหรี่การเมืองเพราะพร้อมที่จะเข้าร่วมกับใครหรือคนพวกไหนก็ได้เพื่อให้ตัวเองสมความปรารถนา จึงต้องหาเงินมากๆแล้วไปใช้วิชามารกับประชาชนผู้ยากไร้และไร้เดียงสาทางความคิดโดยผ่านกระบวนการประชาธิปไตยจอมปลอม คือ การเลือกตั้งที่ซื้อด้วยเงิน ประชาธิปไตยที่ได้มามันจึงเป็นเพียงประชาธิปไตยจอมปลอม อันเป็นที่มาของอำนาจเถื่อน พวกคุณอย่าหลงว่าตัวเองฉลาดเพราะคนอื่นเขาก็กินข้าวเหมือนกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาการเมืองภาคประชาชนมันอ่อนแอพวกคุณจึงทำอะไรกันก็ได้ไม่มีใครลุกขึ้นมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ แต่ขณะนี้การเมืองภาคประชาชนเริ่มเข้มแข็งขึ้น รู้เท่าทันพวกคุณมากขึ้นและเริ่มทนไม่ได้กับพฤติกรรมของพวกคุณ และวันนั้นกำลังจะมาถึง...... ใกล้เวลา มหาชน ทนไม่ได้ ลุกขึ้นมา ขับไล่ คนกังฉิน ใกล้เวลา ขวานทอง เลือดนองดิน หากระบอบ ทักษิณ ยังครองเมือง
จากคุณ |
:
เราเอง (ชวนกันไปไหน)
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 55 19:25:13
A:58.9.162.0 X:
|
|
|
|