ประทับความชัดเจนให้ฝั่งพรรคเพื่อไทยไปเลย
ตามคิวล่าสุดที่นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า
ป.ป.ช.ได้มีการนำประเด็นการไต่สวนการทุจริตโครงการจัดซื้อระบบ
คอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 911 ล้านบาท ในสมัยที่
เจ๊หน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็น รมว.สาธารณสุข เข้า
มาในที่ประชุม แต่ยังไม่มีการลงมติชี้มูลความผิดแต่อย่างใด
เพราะ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว พบว่ายังขาดหลักฐานบางส่วน
ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพิจารณาอยู่ 12 ประเด็น จึงได้ให้คณะทำงาน
ที่มีนายวิชัย วิวิตเสวี และนายปรีชา เลิศกมลมาศ ป.ป.ช.เป็นผู้รับผิดชอบ
ไปทำการหาข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมสอบพยานเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 ปาก
ล้วนำมารายงานต่อที่ประชุม ป.ป.ช.อีกครั้งภายในระยะเวลาประมาณ
1 เดือน ก่อนเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง
เงื้อดาบค้าง ให้เสียวระทึกไปอีกพักใหญ่
เอาเป็นว่า ในอารมณ์ของนักเลือกตั้ง โดยชนักปักหลัง ชะตาของ
เจ๊หน่อย อยู่ในกำมือของอรหันต์ ป.ป.ช. ก็น่าจะไม่สะดวกในการ
ขับเคลื่อนทางการเมือง ตามท้องเรื่องแม้จะอยากลงชิงเก้าอี้
ผู้ว่าฯ กทม.เต็มแก่ แต่ก็ไม่กล้าเดินหน้าลุยแบบเต็มตัว ยึกๆยักๆปาก
ก็บอกถอย แต่ใจจะสู้
ออกอาการกล้าๆกลัวๆ
แต่มาถึงตรงนี้น่าจะชัวร์แล้ว เจอช็อต ป.ป.ช.กระตุกอารมณ์ ก็ตัด
ไปได้กับจังหวะ
เจ๊หน่อย จะเปลี่ยนใจกลับมากระโดดลงชิงผู้ว่าฯ
กทม.ไม่ว่าจะในนามพรรคเพื่อไทยหรือลุยเองในนามอิสระ
ไฟต์บังคับเปิดทางให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.
เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
ได้สิทธิตัวยืนของพรรคเพื่อไทยแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์
อยู่ที่ว่าจะใส่เสื้อพรรคตรงๆหรือจะเบี่ยงไปลงอิสระ
โดยเพื่อไทยสนับสนุน
แต่ที่ยังเคลียร์โจทย์กันไม่ได้ ในบรรยากาศสถาบันประชาธิปไตย
สไตล์ยี่ห้อประชาธิปัตย์ ถึงนาทีนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร
พรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งจะมีมติเสียงข้างมากส่ง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกรอบ
หลังจากเปิดปฏิบัติการยื้อกันมานาน จนเซียนการเมืองอ่านไต๋ว่า
ถ้าให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงรักษาแชมป์ตามประเพณีปฏิบัติ ป่านนี้ก็
ชัดเจนไปนานแล้ว ที่ยื้อลากเกมมาถึงวันนี้ก็เพราะว่าจะหักดิบไม่ให้
แน่นอน ในเงื่อนไขที่เข้าใจได้ว่า ไฟต์บังคับเดิมพันประชาธิปัตย์
แพ้ไม่ได้ ในฐานะแชมป์เก่าเจ้าสังเวียนเมืองกรุงที่ครองพื้นที่มา
หลายสมัยทั้งในระดับท้องถิ่นและการเมืองเลือกตั้งสนามใหญ่
ถ้าพลาดท่าแพ้ให้พรรคเพื่อไทย โดยกระแสลามกระเทือน
การเมืองภาพใหญ่แน่
และตามกระแสโพล คุณชายสุขุมพันธุ์ ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
ไว้ใจไม่ได้ แถมล่าสุดยังเจอกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ออกหมายเรียกคดีเซ็นสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสโดยฝ่าฝืนกฎหมาย
ก็ยิ่ง หน้าช้ำ ไปกันใหญ่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ว่ากันในมุมของเซียนเลือกตั้งก็ยังทุ่มแทงเต็ง
เชื่อว่าพ่อยกแม่ยกเมืองกรุงยังปักใจอยู่ที่ยี่ห้อประชาธิปัตย์
ต่อให้ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ถือแต้มต่ออยู่ดี
ในเงื่อนไขที่พรรคเพื่อไทยไม่มีทางหนี จริตคนกรุง ที่แหยง
เสื้อแดง หมั่นไส้ ทักษิณ พ้น
เรื่องของเรื่อง ชนะแน่ แต่ก็มีหลายเสียงในประชาธิปัตย์
ต้องการเปลี่ยนมวยใหม่
เหตุผลลึกจริงๆน่าจะอยู่ที่ คุณชายสุขุมพันธุ์ ทำตัวเป็นรัฐอิสระ
ไม่ขึ้นตรงกับส่วนกลางของพรรคประชาธิปัตย์มาแต่ไหนแต่ไร
โดยการจัดการทุกอย่างของ กทม.จะรู้กันอยู่แค่ รองเฟซบุ๊ก
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม.คนรู้ใจเท่านั้น
แม้แต่คนตระกูล เวชชาชีวะ ยังโดนเด้งจากศาลาว่าการ
กทม.แบบไม่ไว้หน้า
เป็นจุดสะบั้นสายสัมพันธ์ กระตุกระยะห่างเหินระหว่างทีมงาน
กทม.กับทำเนียบรัฐบาล ที่ขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แทบไม่ได้ต่อสายถึงกัน
รวมถึงปัจจัยสนับสนุนต่างๆจากทาง กทม.ที่ส่งมาบำรุง
พรรคประชาธิปัตย์ก็ขาดหายไปด้วย
เพียงแต่สถานการณ์ ณ วันนั้น พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่มี
เทพเทือก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้จัดการใหญ่คุมหัวจ่าย
กระทรวงต่างๆ เลยไม่มีปัญหาเรื่องปัจจัยสนับสนุน ต่างกันอย่าง
สิ้นเชิงกับวันนี้พรรคประชาธิปัตย์สลับขั้วมาอยู่ที่นั่งฝ่ายค้าน
สถานการณ์ ท่อน้ำเลี้ยง เหือดแห้งเต็มที
ก็เหลือแค่ กทม.ที่จะเป็นแหล่งปัจจัยสนับสนุนการขับเคลื่อน
ทางการเมือง เรื่องของเรื่องเลยอยากเปลี่ยนมวยที่ไว้ใจได้
มายึดเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แทนคุณชายสุขุมพันธุ์ เพื่อส่งกำลัง
บำรุงช่วยขับเคลื่อนค่ายประชาธิปัตย์
ที่ยังไม่มีเค้าว่า เมื่อไหร่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาล.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/316486เดิมพั
ทีมข่าวการเมือง ปกติ "อวยมาร์ค" ทำไมวันนี้มาวิจารณ์แบบนี้