ทำไม ผาสุก พงษ์ไพจิตร จึงให้ ผ่าน ผลงานรัฐบาลปี 55 และ บทบาทฝ่ายค้าน "ที่อยากเห็น" .....มติชนออนไลน์
สัมภาษณ์ โดย วีรวุธ พรชัยสิทธิ์
การเมืองไทยในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมายังอยู่ในภาวะที่มีความเคลื่อนไหวและน่าจับ
ตามองตลอดเวลา ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และ
ค่าครองชีพ ตลอดจนความแตกแยกทางความคิด แรงกดดันทางการเมืองข้างต้น เป็นอุปสรรคในการบริหารงานของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
หญิงคนแรกของประเทศไทยตลอด 1 ปีที่ผ่าน
แต่ทว่ารัฐบาลที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำก็ยังกุมบังเหียนคณะรัฐบาลฟันฝ่าจนก้าวเข้าสู่
ปีใหม่ได้สำเร็จวันนี้ "มติชนออนไลน์" ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ นางผาสุก
พงษ์ไพจิตร อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่
มีผลงานในการวิพากษ์สังคมและการเมืองมาแล้วหลายชิ้น
- การทำงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
รัฐบาลปัจจุบันได้รับการผลักดันจากประชาชน ค่อนข้างมากและหลังจัดตั้งรัฐบาล
โพลล์ต่างๆ แสดงให้เห็นว่าประชาชนคาดหวังในรัฐบาลที่จะอยู่ครบ 4 ปี และจะ
เลือกพรรคเพื่อไทยอีก หากมีการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอยู่ในภาวะที่มี
ความมั่นคงตามสมควร เพราะวิธีการทำงานมีความน่าสนใจ มีการทำงานที่จะ
ทำให้ภาวะเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู่ในภาวะที่ปกติให้มากที่สุด เพื่อให้
การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากประชาชนได้ผ่านความยุ่งยากทาง
การเมืองมาเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงที่จะต่อกรและโต้เถียงกับฝ่ายตรงข้าม
เป็นรายวันและพยายามให้เห็นความจงรักภักดี รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับ
กองทัพที่ทำให้ระบบการเมืองลื่นไหลตามสมควร โดยที่รัฐบาลจะพยายามอยู่
ให้ครบเทอมเพื่อพยายามให้การเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความมั่นคง
- หากจะให้ประเมินแล้วผลงานของรัฐบาลถือว่าผ่านหรือไม่
นโยบายของรัฐบาลหลายๆอย่าง ประชาชนไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลพยายามที่จะ
ทำให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวซึ่งก็ทำได้ดีตามสมควร ดังนั้นดิฉันให้ผ่าน ในแง่ที่
ค่อนข้างจะดีด้วย
-นโยบายที่อยากให้รัฐบาลเดินหน้าทำ
อยากเห็นรัฐบาลให้ความสำคัญกับการหาเงินมาใช้จ่ายในโครงการที่สัญญากับ
ประชาชนโดยอย่าไปพึ่งเพียงการกู้เงินและใช้เงินนอกงบประมาณ เพราะอาจจะ
ทำให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลน่าจะปรับปรุง การเก็บภาษีอากร ซึ่ง
งานศึกษาหลายชิ้นก็ระบุว่าไม่ต้องทำอะไรไปมากกว่าอุดช่องโหว่ ของการเก็บ
ภาษีในโครงสร้างปัจจุบัน เช่น ภาษีรายได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อป้องกัน
การหลีกเลี่ยงต่างๆ ก็จะสามารถเพิ่มภาษีได้ถึงร้อยละ 3 - 4 ของจีดีพี แต่การจะ
ผลักดันต้องมาจากฝ่ายการเมือง ส่วนภาษีอื่นๆ ที่น่าจะปรับปรุงได้เช่น ภาษีบำรุง
ท้องที่ ที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ยกเลิกไป น่าจะนำมาพิจาณาใหม่
-เหตุใดรัฐบาลจึงไม่ดำเนินนโยบายเหล่านั้น
นักการเมืองอาจจะคิดว่าการเพิ่มภาษีใหม่ๆอาจจะทำให้รัฐบาลขาดความนิยม
แต่ยังไม่ต้องทำในขณะนี้ก็ได้ แต่ต้องหาทางอธิบายให้ประชาชนได้รับทราบว่า
การที่จะทำนุบำรุงให้ประชาชนให้มีสวัสดิการที่ดีขึ้นได้ ต้อง มีการปรับปรุงระบบ
ภาษีด้วย เพราะจริงๆแล้ว มันไม่ได้เพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการมากมายเพราะ
เป็นต้นทุนที่ต่ำ และภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นก็ควรที่จะพิจารณาได้แล้วแต่
ไม่ใชเรื่องที่รีบด่วน แต่ว่า เรื่องรายได้นั้นไม่ควรลดภาษีมากนัก
-ถ้าหากนำรายได้ที่เพิ่มจากภาษีเหล่านั้นไปอุดหนุนนโยบายประชานิยมจะมี
ปัญหาหรือไม่
ไม่อยากจะให้เรียกนโยบายที่ทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีมีสถานภาพการ
ครองชีพที่ดีขึ้นเป็นมาตรการประชานิยมเสมอไปเพราะถ้าหากมีเงินรายได้มา
อุดหนุน จะทำให้ผู้คนมีแรงจูงใจในการทำงานที่ดีขึ้น เช่น หากจะให้คนมี
โอกาสด้านการเรียนที่ดีขึ้นโดยไม่เสียเงิน ซึ่งถ้ามองในแง่การลงทุนในด้าน
สังคมถือว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำ แต่มูลค่าเพิ่มกลับมาจะได้สูงกว่าที่ลงทุนไปแต่
เป็นการลงทุนในระยะยาว เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ควรจะทำ และต้องนึกถึง
คุณภาพทางการศึกษา ซึ่งถือว่าคุ้มเพราะจะได้ประชาชนที่มีคุณภาพมากขึ้น
รัฐบาลก็สามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น
-นโยบายใดที่รัฐบาลยังไม่ทำสักที ทั้งที่มีความจำเป็น
ดิฉันอยากเห็นรัฐบาลสนับสนุนการรวมกลุ่มของแรงงานให้เป็นสหภาพแรงงาน
และอยากให้มีบทบาทต่อรองค่าจ้างของคนงานกับนายจ้างเนื่องจากปัญหาใน
เรื่องรายได้และแรงงานบ้านเรามีช่องว่างที่ต่างกันมากกว่า ประเทศอื่นๆ ใน
ประเทศอื่นๆ ช่องว่างเหล่านี้ประมาณเท่าตัว แต่ประเทศไทยในบางครั้งห่างถึง
20 เท่าตัว ซึ่งเป็นความไม่แฟร์ของระบบเศรษฐกิจและการจ่ายค่าจ้าง ดังนั้น
เมื่อเป็นดังนี้จะเห็นความเหลื่อมล้ำของรายได้ ลองคิดดูว่าถ้าเงินเดือนเฉลี่ย
ของคนไทยได้ไม่เกิน 10,000 บาท ต่อครัวเรือน เขาจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้
เป็นคนดีในอนาคต ดิฉันจึงสนับสนุนการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ของ
รัฐบาลนี้ ที่จริง 300 บาทไม่ได้มากไปเลย ในภาวะเศรษฐกิจ และขาดแคลน
ของแรงงาน แน่นอนว่าฝ่าย SME น่าจะมีปัญหาแต่ก็ต้องหาทางออกกันไป
หรือลูกจ้างที่ออกมาอาจมาทำธุรกิจขนาดย่อมก็ได้ นอกจากนี้ยังควรให้มีการ
ฝึกทักษะของผู้ที่ต้องออกจากงานเพื่อให้สามารถไปทำในธุรกิจที่ใหญ่กว่าก็
ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าที่ประกาศไป 7 จังหวัด ก็ไม่เห็นว่าจะล้มละลาย แน่นอน
ว่าผู้ประกอบการฟังแล้วอาจจะไม่ชอบ แต่ผู้ประกอบการอาจจะไปเพิ่มประสิท
ธิภาพการจัดการ ให้ดีขึ้นเพื่อลดต้นทุนได้
-นโยบายจำนำข้าวซึ่งมีปัญหามากในช่วงที่ผ่านมาจำเป็นแค่ไหน
เป็นการหวังผลทางการเมืองสูงจึงกำหนดราคาจำนำสูง จึงได้รับผลบวกทาง
การเมือง แต่ควรมีความยืดหยุ่นกว่านี้ในการตั้งราคา ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ
และรัฐบาลต้องใส่ใจราคาที่เสนอด้วยว่าจะทำให้เราขายข้าวได้โดยไม่เป็นหนี้
มากหรือไม่ และอยากให้รัฐบาลลงไปดูกระบวนการในระดับพื้นที่ให้แน่ใจว่า
ชาวนาได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยจริงๆ
-นโยบายของรัฐบาลช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้มากแค่ไหน
ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการประกันสุขภาพถ้วนหน้าแต่ก็ควรปรับปรุงเพื่อให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้นนโยบายอื่นๆ เช่น ค่าแรง 300 บาท การรับจำนำข้าว
ก็มีผลในด้านการลดความเหลื่อมล้ำแต่ไม่ยั่งยืน เพราะหากจะยั่งยืนต้อง
ประกอบไปด้วยมาตราการทางด้านภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐที่จะป้องกัน
ที่จะให้คนที่มั่งคั่งพอกพูนความมั่งคั่งของตัวเองไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ช่วย
สังคมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในเรื่องของภาษีอากร
-แล้วนโยบายรถคันแรกเป็นการอัดฉีดเงินเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับ
จะทำให้รถติดหรือไม่
เรื่องรถติดเป็นการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจซึ่งการอัดฉีดเงิน
เข้าไประยะสั้นในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ไม่เป็นนโยบายที่เลวร้ายแต่ต้อง
มีความลุ่มลึกตามสมควรรายงานหลายฉบับของนักวิเคราะห์ทางการ
เงินส่วนใหญ่จะพอใจเพราะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้รัฐบาลเก็บภาษี
ได้ดีขึ้น เพียงแต่ต้องป้องกันไม่ให้ภาวะฟองสบู่ก่อตัวขึ้น แต่ดิฉันไม่
ค่อยเป็นห่วง
-การดำเนินนโยบายสร้างหนี้ประชาชนจะเกิดประโยชน์หรือไม่
นักธุรกิจก็ต้องเป็นหนี้สร้างหนี้เรื่อยๆไม่เห็นมีใครว่า แต่หากประชาชนจะ
สร้างหนี้ แต่อาจมีปัญหาบ้าง เขาอาจไม่มีประสบการณ์ แต่ที่ผ่านมาใน
สมัยรัฐบาลทักษิณ โครงการกองทุนหมู่บ้านก็มีหนี้เสียไม่มาก ปัญหา
น่าจะอยู่ที่นโยบายที่ให้ธนาคารออกบัตรเครดิตได้โดยง่ายมากกว่า
โดยเฉพาะชนชั้นกลาง ซึ่งน่าจะเป็นปัญหามากกว่านโยบายรัฐบาล
- การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ดิฉันอยากจะเห็นฝ่ายค้านในด้านที่เป็นบวกมากกว่านี้เพื่อเป็นคู่แข่งของ
รัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป มองว่าฝ่ายค้านมีลักษณะตั้งรับ ไม่ค่อย
เป็นบวกมากเท่าที่ควร อยากเห็นบทบาทที่ไม่เป็นฝ่ายตั้งรับแต่อยากเห็น
การทำให้พรรคก้าวหน้าและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในเรื่องที่ควรจะร่วม
มือในส่วนที่มีผลบวกซึ่งกันและกันในอนาคตฝ่านค้านอาจจะมองการเมือง
ในแบบวันต่อวันมากเกินไป จึงอยากให้มองเป็นระยะปานกลางหรือระยะ
ยาวมากกว่านี้
-แล้วนโยบายใดที่ฝ่ายค้านควรสนับสนุนรัฐบาล
ดิฉันเห็นว่าทำไมฝ่ายค้านไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในเรื่องการปรับปรุงแก้ไข
รัฐธรรมนูญ2550 เพื่ออนาคตของระบอบประชาธิปไตย การไม่สนับสนุน
ของฝ่ายค้านในเรื่องนี้ ดิฉันมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองวันต่อวันมากเกิน
ไป จริงๆแล้วการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ 2550 น่าจะเป็นผลดีกับพรรค
การเมืองมากในอนาคต ส่วนการลงประชามติก็ต้องติดตามว่าจะลงเอย
อย่างไร ที่จะเป็นผลบวกและไม่เกิดความขัดแย้ง
-การต่อสู้แรงกดดันของรัฐบาลทำได้ดีไหม
ต้องยอมรับว่าสื่อสารมวลชนส่วนใหญ่คล้อยไปตามฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเรา
จึงเห็นข่าวในทางที่ไม่ค่อยจะสวยงามนัก แต่ถ้าอ่านการวิเคราะห์ของ
ต่างประเทศจะเห็นอีกด้านหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็ทำได้ดีตามสมควร แต่รัฐบาล
ต้องใส่ใจในข้อครหาในเรื่องการคอร์รัปชั่น หรือประเด็นที่ไม่มองระยะยาว
ให้มากกว่านี้ เพราะจริงๆ แล้ว นโยบายของรัฐบาลยังไม่น่ากลัว เพราะ
สมัยรัฐบาลทักษิณก็กระตุ้นเศรษฐกิจจนหนี้สาธารณะสูงขึ้น แต่จริงๆ และ
ไม่ได้สูงอย่างที่คิด คือไม่ถึงร้อยละ 60 ของจีดีพี เช่นเดียวกับตอนนี้ แต่
กระแสจากข่าวให้ภาพน่ากลัว แต่ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณะร้อยละ 200 ด้วยซ้ำ
-อวยพรปีใหม่ให้กับคนไทย
ขอให้ทุกคนตั้งสติ เพราะความวุ่นวายทางการเมืองในปัจจุบันเป็นเรื่อง
ปกติธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น และจะมีผลในทางบวกเพราะทำให้เราต้อง
ตื่นตัว ว่าการเมืองของเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งการเปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่า คนที่คุ้นเคยกับอะไรเก่าๆ น่าจะหวั่นไหว ขอให้อย่าหวั่นไหว
เลยเพราะการทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงอาจจะดีขึ้นก็ได้ และขอให้ทุกคน
มีความสุข สุขภาพดีค่ะ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356666095&grpid=01&catid=&subcatid=
กระทู้นี้ ดิฉันใคร่ขอเรียนเชิญ nonแดงคุณภาพ ..... และเพื่อนๆ
ที่ต่อต้าน และ คัดค้านการทำงานของรัฐบาลทุกท่าน ได้เข้ามาวิจารณ์
บทสัมภาษณ์ นี้
ด้วยความเคารพ ...ในความคิดเห็น ...กรุณางดสมญานามทุกฝ่ายด้วยค่ะ