ความคิดเห็นที่ 19 | MsgStatus(Msv[19], 19); | แสดงว่า คุณ วอน ไม่ได้เข้าใจ ประเด็นที่ จขกท. สื่อเลย ลองกลับขึ้นไปอ่านใหม่ดีๆ ครับ ถ้าคุณ วอน หมายถึง ไม่คืนภาษี สรรพสามิต ให้กับคนที่เค้ามาซื้อรถ แต่นำไปสร้างสาธารณูปโภค การจ้างแก่ แรงงานรายย่อย ๆ แล้วใครที่ไหน เค้าจะมาซื้อรถ ให้รัฐมีรายได้เข้ามากมายขนาดนี้ ??? ถ้าซื้อแล้ว ไม่ได้คืนภาษีอ่ะ ... งง
คุณวอน ลำดับความคิดดีๆ ครับ .... คือ 1. มีนโยบายรถคันแรก 2. มีเงินภาษีไหลเข้ารัฐ 3. แบ่งส่วนนึงมาคืนผู้ซื้อ (1 แสน) ....
ไม่รู้คุณ วอน จะเข้าใจที่ผมพยายามอธิบายไหม แต่เข้าใจเหอะครับ อยากให้เข้าใจ ลำดับเหตุการณ์ง่ายๆไม่ต้องใช้ความรู้อะไรเลย แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 55 10:49:12 จากคุณ | : ArTNeO | เขียนเมื่อ | : 29 ธ.ค. 55 10:41:19 A:58.8.11.80 X: | | | ขอรวบยอดตอบคุณ penn's ในคราวเดียวกันเลยครับ การ promotions เพื่อขายรถยนต์ ของตน เป็นหน้าที่ของ รัฐบาล หรือ ของบริษัทรถยนต์ ครับ การได้รับเงินคืนเป็นแสน เย้ายวนให้ซื้อรถได้ก็จริง รัฐบาลได้ภาษียิบย่อยจากบรรดา ผู้ผลิตชิ้นส่วน ขายแก่โรงงานผลิตรถยนต์ โรงงาน มีกำไรเพิ่มขึ้น จากการขายรถได้เพิ่มขึ้น คุ้มไหม กับ การที่ประชาชนต้องมีหนี้เพิ่มขึ้น ( คงมีบ้าง ที่ใช้เงินสด ๆ ซื้อ ) และ การไม่คืนภาษี แต่ นำเงินจำนวนนั้น มาจ้างงานเพิ่มขึ้น สิ่งใด จะสร้างเศรษฐกิจ ประเทศชาติได้ ดี กว่ากัน ช่วยกันตรองได้ไหม ? ตามรายงานของ สภาพัฒน์ ที่ บอกว่า .... หนี้ไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นนี้ จากสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัย 10.3 % สินเชื่อเพื่อรถยนต์ และจักรยานยนต์ 33.6 % สินเชื่อเพื่ออุปโภค บริโภค 30.3 % อย่าพูดว่า ชั่งหัวมัน มันหยากสร้างหนี้ขึ้นมาเอง ! ! ! เพราะ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะสร้างค่านิยมที่ดี ๆให้เกิดขึ้นในสังคม
แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 55 17:18:26
จากคุณ |
:
วอน
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ธ.ค. 55 11:59:36
A:125.27.249.116 X:
|
|
|
|