ความคิดเห็นที่ 1 เพราะแก๊ส octain สูงกว่า ใช้เวลาในการเผาไหม้นานกว่า ซึ่งรถ standard มีการตั้งองศาการจุดระเบิดมาพอเหมาะกับ น้ำมันเท่านั้น พอใช้แก๊สองศาการจุดยังเท่าเดิมยังเผาไม่ทันหมดก็คายออกไปแล้ว มันเลยยังร้อนอยู่เผาบ่าวาลว์ไอเสียไปเรื่ิอยๆ จนมันสึกมากๆ วาลว์ก็ยัน ถ้าตั้งองศาได้พอเหมาะก็ร้อนกว่าน้ำมันไม่เท่าไหร่หรอกครับ จากคุณ : นายเหม เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 18:44:58

ความคิดเห็นที่ 2 โชคดีไปผมใช้รถรุ่นเก่าอยู่ จานจ่ายเป็นแบบแม่เหล็กธรรมดาๆ คุณอยากได้ไฟแก่ไฟอ่อนเท่าไรก็บิดไปสิ ถ้าไม่พอใจสไลด์รูเพิ่มก็ได้นะ ไม่ต้องมีไทม์มิ่งไลท์วัด ไม่ต้องมีตำราใดมาอ้างอิงทั้งสิ้น ขับไปตั้งไป เอาจนชนิดที่ว่าแก่จัดๆแต่วิ่งแล้วไม่เขกเป็นพอ ไปๆมาๆตอนนี้รถผมวิ่งน้ำมันไม่ได้เลย เครื่องเขกกระจายเนื่องจากไฟแก่จัด แต่ถ้าวิ่งแก๊สไม่มีปัญหา ตอนนี้ก็เลยสตาร์ทแก๊สไปเลย ถ้าฉุกเฉินต้องวิ่งน้ำมัน ขอเวลาไม่เกินสองนาที หยิบประแจมาตั้งไฟจานจ่ายใหม่ ก็เรียบร้อย พอดีผมทำมาร์กไว้หมดแล้ว ตั้งตรงขีดนี้แก๊ส ตรงขีดนี้น้ำมัน จากคุณ : Fair382 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 18:53:47

ความคิดเห็นที่ 3 แก๊สมีค่าความร้อนน้อยกว่าเบนซิน 80% ก็จริง  แต่เครื่องยนต์ต้องการ 100% จริงต้องจ่ายแก๊สมากขึ้น เพื่อให้มีค่าความร้อนรวมเทียบเท่าน้ำมัน แต่ปัญหาก็ตามคห. 1 คืออ๊อกเทนมาก ไฟลามได้ช้ากว่า  จึ่งต้องมีการปรับองศาจุดระเบิดให้เหมาะสม ปัญหาจริงๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่การจูนซะมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการประหยัด จึงมักปรับจูนแก๊สให้บางหน่อย  ทำให้เจอปัญหา Lean Burn ความร้อนไอเสียสูงมาก เจอหลายคนเหมือนกันนะที่วิ่งแก๊ส กม./ลิตรได้เท่าหรือมากกว่าน้ำมัน  สิ่งเหล่านี้ทำให้อายุเครื่องยนต์สั้นมากกว่าครึ่ง!!! จากคุณ : amatsuka เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 18:59:02

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนรถรุ่นใหม่ๆที่ไม่มีจานจ่าย ใช้ระบบจุดระเบิดแบบไดเร็กคอล์ย ถ้าอยากตั้งไฟให้แก่ขึ้น คงต้องหาวิธีหลอกเซ็นเซอร์ข้อเหวี่ยงหน่อย ผมรู้จักอู่แท็กซี่แห่งหนึ่ง เค้ามีอัลติสให้เช่าอยู่สิบกว่าคัน วิ่งกันทั้งวันทั้งคืน ไม่เกิน 3 เดือนต้องตั้งวาล์วใหม่ ตั้งได้อย่างมากสุดสามรอบบ่าวาล์วทรุด ต้องเปิดฝาส่งโรงกลึงเสริมบ่าใหม่ มันก็เลยเป็นความเชื่อที่ว่าเครื่อง 3ZZ VVT-i มันไม่ทนแก๊สเหมือน 4A-FE จนตอนหลังเจ้าของอู่เค้าเลยเอารถคันหนึ่งเป็นหนูลองยา ใช้วิธีหลอกเซ็นเซอร์ข้อเหวี่ยง ให้ไฟแก่ขึ้น พบว่าหลังจากที่ทำ วิ่งกันเป็นปีครับ (แสนกิโลอัพ) กว่าจะต้องตั้งวาล์วใหม่อีกครั้ง โดยที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์เสียหาย ทีนี้แกเลยจัดแบบเดียวกันทั้งหมดเลย สรุปว่าเวิร์คครับ ไม่ต้องเอาอะไรมากหรอก ALTIS CNG จากโรงงาน นอกจากฝาสูบที่บ่าวาล์วทนแก๊สเป็นพิเศษแล้ว เค้ายังติด TAP หรือตัวตั้งองศาไฟจุดระเบิด ให้ไฟแก่ขึ้นตอนใช้แก๊สเลย ลองคิดดูน้ำมันออกเทนเต็มที่ก็แค่ 95 ส่วนแก๊สราวๆ 110 ทีนี้เครื่องมันจะไม่ร้อน แล้วพังเร็วได้ยังไง ตามที่ คห.1 อธิบายไว้เลยครับ จากคุณ : Fair382 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:04:57

ความคิดเห็นที่ 5 เอาแบบแปลกๆเพิ่ม ไม่มีใครทำมั๊ย เช่น เจาะฝาสูบ ใส่หัวเทียนเพิ่ม เป็นทวินปลั๊ก จากคุณ : อิๆ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:13:51 A:58.9.48.135 X: TicketID:385364

ความคิดเห็นที่ 6 เปิดฝากระโปรงรถหลังจากวิ่งทางไกลมา มันร้อนกว่าเดิมๆแบบใช้นํ้ามันพอสมควรเลย ถึงที่หมายก็เปิดบ่อยๆ ต้องดูแลมากดว่ารถใช้นํ้ามันนิดนึง จากคุณ : popekung เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:17:13

ความคิดเห็นที่ 7 ถามต่อนะครับ ถ้ารถเดิมใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล 95 ตามสเปกต้องตั้งองศาจุดระเบิด (B.T.D.C.)ไว้ที่ 10 +,- 2 องศา ถ้าเราจะติดตั้ง LPG เพิ่ม เราควรจะตั้งองศาจุดระเบิดไปที่เท่าไหร่ และมีเครื่องมืออะไรใช้วัด และวัดอะไร?ตรงไหน? เพื่อใช้ประเมินว่า องศาจุดระเบิดที่เราตั้งไว้นั้นเหมาะสมแล้ว จากคุณ : chot(จ.ข.ก.ท.) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:26:07 A:223.207.8.220 X: TicketID:017649

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าทำแบบ คห4 ก็ต้องวิ่งแก็สตลอด  ถ้าวิ่งน้ำมันองศาไฟมันก็จะเพี้ยนๆน่ะสิครับ อยากลองแต่ไม่กล้า 555  ทีด้าไม่มีใครทำtapออกมาขายซะด้วย อ้อถ้าจะทำเนี่ยหมุนไปทางไหนอ่ะ  ตามอ่อน ย้อนแก่  เหมือนตั้งจานจ่ายไหมอ่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 19:37:47 แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 19:35:47 จากคุณ : Nuudam เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:31:51

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะแกสเข้าไปในกระบอกสูบไม่มีการเปลี่ยนสถานะ จึงไม่มีความร้อนแฝงของการเปลี่ยนสถานะ แต่น้ำมันที่ฉีดเข้ากระบอกสูบด้วยแรงดันหรือแรงดูด น้ำมันจะมีการเปลี่ยนสถานะซึ้งการเปลี่ยนสถานะ จะต้องใช้ความร้อนแฝงการกลายเป็นไอ กระบวนการนี้จึงดูดความร้อนจากรอบๆน้ำมัน เช่นฝาสูบ หัวลูกสูบ ห้องเผาไหม้ ตัวอย่างง่ายๆเช่นการฉีดพ่นยากันยุง จะรู้สึกเย็นมือขณะจับกระป๋องฉีด เพราะยากันยุงเปลียนสถานะจากของเหลวเป็นไอขณะผ่น จากคุณ : auto40 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:59:09

ความคิดเห็นที่ 10 หลักการไม่รู้นะ รู้แค่ว่ารถติดแก้สเนี่ยคนนั่งเบาะหลังจะร้อนมว้ากกก ใช่ว่าแอร์ไม่เย็นนะ แต่มันร้อนระอุมาจากเบาะหลังแหละ  =__= ! ปอลิง : ตอบไม่เข้าเทรนด์ คงไม่ว่ากันนะ จากคุณ : แอบโสดทุกทีที่เธอไม่อยู่ (แอบโสดทุกทีที่เธอไม่อยู่) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 22:49:02

ความคิดเห็นที่ 11 คคห.๑๐ ไปนั่งรถใครมาหรอครับ เดาว่าคงไม่ใช่รถตัวเอง แนะนำให้ไปขอจับถังแก๊สของรถเพื่อนๆ หรือรถใครก้ได้ ว่าถังแก๊สมันร้อน หรือมันเย็น จากคุณ : dum.d เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:14:59

ความคิดเห็นที่ 12 เคยนั่งเเทกซี่เก่าติดngv  เบาะหลังอย่างร้อน ไม่รู้เกี่ยวกันป่าว จากคุณ : เขียนบน iPhone (Nightmare_Yuki) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 23:36:44

ความคิดเห็นที่ 13 #10 #12 เอ่อ  รถใช้แก๊ส  ยิ่งวิ่ง  ถังด้านหลัง ยิ่งเย็นนะครับ   มันเป็นหลักการแบบเดียว กับที่ #9  อธิบายไว้แล้ว ส่วนมาก ด้านหลังที่ร้อนๆ  จะมาจากจอดรถตากแดด  หรือไม่ก็ ไอร้อนจาก หม้อพักไอเสีย ไม่ใช่ตอบไม่เข้าเทรนด์อะไรนะ  แต่มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงเลย จากคุณ : พีสคุง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 00:07:49

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่รู้แหละ ใช้แก๊สแล้ว ความร้อนไม่ขึ้น เป็นกิน จากคุณ : kadnarong เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 02:00:55

ความคิดเห็นที่ 15 มันต้องร้อนที่เครื่องสิครับ ที่ถังมันจะไปร้อนอะไร แก๊สในครัวที่บ้านผมถังก็ไม่เคยร้อน  แม้ไฟจพฃะอยู่ใกล้ๆถังก็ตาม จากคุณ : johnlee เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 07:04:45

ความคิดเห็นที่ 16 ยังสงสัยว่า เวลาเครื่องร้อนแล้ว หม้อต้มแกสยังต้องจำเป็นอยู่มั๊ย การฉีดแกส ตรง ลงไป น่าจะ ลดความร้อนได้หน่อยหนึ่งเนอะ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:37:50

ความคิดเห็นที่ 17 น้ำมันมี Cooling effect แต่ lpg ไม่มี...ก็แค่นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับออกเทนไรเลย เพราะออกเทนที่เพิ่มขึ้นมาแค่นี้กล่อง ecu advance ไฟจุดระเบิดให้อยู่แล้ว ในรถที่มี Compression ratio 11:1 ขึ้นไปจะชอบมาก จากคุณ : turbo46 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 11:31:12 A:110.77.148.22 X: TicketID:266810

ความคิดเห็นที่ 18 ด้านหลัง มันร้อนจากท่อไอเสียหรือเปล่า  รถผมก็เป็น ห้องเก็บสัมภาระร้อน ทั้งๆที่รถวิ่งอยู่และไม่มีแดด จากคุณ : Mr. Tracker เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 18:21:44