 |
ในมุมมองของผม เรื่องนี้ถือว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ครับ
เรามาตีความโจทย์เป็นคำๆกันนะครับ
เริ่มที่ "การต่อสู้"ก่อน สำหรับเรื่องเน วัดดาวและแอล โอรส ผมติดตามมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทั้งสองฝ่ายทำการต่อสู้กันจริงๆครับ เพียงแต่รูปแบบอาจจะไม่ใช่กีฬา มีการไขว้ (ต่อยตัวๆ) ใช้อาวุธ ใช้ปืนยิงกัน ตะลุมบอนเป็นกลุ่ม
"ศิลปะ" ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อน ว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องมีแต่ความสวยงามทางรูปลักษณ์อย่างเดียว หากสิ่งที่เห็นก่อให้เกิดสุนทรียภาพ หรือ สร้าง กระตุ้น เร้า อารมณ์ร่วม สิ่งนั้นถือเป็นศิลปะได้ (แนะนำให้ลองอ่านWhat is art ของ Leo Tolstoy จะเข้าใจศิลปะในภาพรวมมากขึ้น)
ยกตัวอย่าง
กลุ่มImpressionismมีแนวคิดในการต่อต้านความงามแบบ อุดมคติ(คตินิยมศิลปะแบบเก่า) แต่เลือกแสดงความงามแบบ ที่เราประทับใจชั่วขณะ หรือ ค้นพบได้ในชีวิตประจำวัน ช่วงแรกๆนักวิจารณ์โจมตีกันอย่างรุ่นแรง Louis Leroy วิจารณ์งานImpression, soleil levantของ Claude Monetว่าเป็นภาพร่างหยาบ ไม่ถึงขั้นการเป็นงาน ที่สมบูรณ์ แต่ท้ายที่สุดก็เริ่มมีคนเข้าใจการฉีกขนบ ของศิลปินในกลุ่มนี้ และเข้าถึงสุนทรียภาพที่ศิลปิน พยายามสร้างสรรค์
กลุ่มSurrealism ที่โด่งดังโดยหลายๆงานหยิบจับทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ของ Sigmund Freud (1856-1939) มาค้นหาประเด็น สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ช่วงแรกๆก็ไม่ได้มีคนตื่นตาตื่นใจ กับรูปลักษณ์ของงาน ถึงขึ้นเหยียดว่าเป็นภาพเลอะเทอะ หรือ แค่รู้สึกว่างานแปลกหลุดโลก ไม่ได้มีคุณค่าใดๆ
เช่นกัน เมื่อเริ่มมีคนทำความเข้าใจ และเปลี่ยนมุมมอง ท้ายที่สุดก็เริ่มมีคนเข้าใจ เข้าถึงสุนทรียภาพในอีกแบบหนึ่ง
งานสมัยใหม่ ลองดูงานของ Damien Hirst ศิลปินชาวอังกฤษ งานไม่ได้สวยงามแบบอุดมคติ แต่งานเร้าอารมณ์และ สร้างความคิดอะไรบางอย่างกับผู้ชมงานแบบสุดอึ้ง สุดทึ่งแทน
พอเข้าใจภาพรวมของ ศิลปะนะครับ . . . .
คำตอบจากโจทย์นี้
เรื่องเน วัดดาวและแอล โอรส เป็นศิลปะการต่อสู้ แน่นอนครับ เพียงแต่รูปแบบมันไม่ใช่อุดมคติ ไม่สง่างาม แบบมวยสากล มวยไทย ยิวยิตสุ หรือ MMA
ผู้ดำเนินการต่อสู้ก็ไม่ได้เป็นนักสู้ที่ฝึกหัดศิลปะการต่อสู้แบบขนบมา เป็นเพียงกลุ่มคนที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นอันธพาลข้างถนน
หากเรามองถึงเนื้อแท้แล้ว
งานนี้เป็น ศิลปะการต่อสู้ แบบใครอยู่ ใครไป วางแผน หักเหลี่ยมเฉือนคมกัน โดยมีทั้งชีวิตจริงผสมชีวิตOnline ส่งสารกระตุ้นเร้าอารมณ์ของฝ่ายตรงข้าม ผ่านทางSocial Network สื่อแห่งยุค มีการสร้างBrand identity ของแต่ละกลุ่ม สร้างฐานFanclub สร้างกระแส เรียกได้ว่ามาในรูปแบบ Surreality ห้ำหั่นกันแบบฉบับปี2012มากๆ
เปรียบกับศิลปะ ก็เป็นศิลปะแบบแหกขนบ ศิลปะที่คุณค่าไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ แต่อยู่ที่เนื้อแท้
คุณจะเกิดสุนทรียภาพได้ก็ต่อเมื่อ ใช้ปัญญา ลดอคติที่คุณไล่ฟาดฟันคนเห็นต่าง แล้วค่อยๆดูภาพรวมของเหตุการณ์และการแสดงออกของกลุ่มคนในเรื่อง
โลกเราเปลี่ยนไปแล้วครับ เรากำลังก้าวข้ามผ่านยุคสมัยไปพร้อมๆกัน เปิดใจเหอะครับ
ผมเชื่อว่า "เรื่องเน วัดดาวและแอล โอรส" เป็น"ศิลปะการต่อสู้" ที่ทันโลก สมควรจะได้อยู่ในกลุ่มศิลปะต่อสู้ ศุภชลาศัย
และน่าติดตามมากกว่ามวยปาหี่ที่จัดตามขนบเดิมๆเยอะครับ....
จากคุณ |
:
งากิ๊ง
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ธ.ค. 55 02:55:35
|
|
|
|
 |