ความคิดเห็นที่ 1 ตามไปเที่ยวสวนผึ้งต่อด้วยคนจ้า จากคุณ : ตระเวนเที่ยว เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:13:29

ความคิดเห็นที่ 2 ตามไปด้วขค่ะ จากคุณ : momnoka เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:14:57

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากๆครับผม จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:37:59

ความคิดเห็นที่ 4  ส้มจี๊ดนี่แย่มากที่ลืมกล้องถ่ายรูปไว้ที่ห้องพักทำให้ทั้งขบวนเสียการทรงตัวไปหมด เจ้าปุ๊กลุกจึงต้องเสียเวลาเอี้ยวตัวย้อนกลับมาที่พักอีกครั้ง....ดีนะเนี่ยที่สถานที่เที่ยวอยู่ใกล้กันไปหมด นี่ถ้าอยู่ไกลกว่านี้วันนี้ทั้งวันคงไม่มีรูปมาให้ชาว Pantip ได้เห็นแน่ ถึงมันจะไม่สวยนักก็เถอะ  แต่ว่าก็ว่าเถอะสำหรับทริป @ สวนผึ้งของส้มจี๊ดคราวนี้ อาจจะดูขวางโลกไปสักหน่อยนะคะ เพราะใครๆ ที่ได้มาที่อำเภอนี้ดูจะให้คะแนนความสวยงามไปเต็มร้อยทั้งนั้น แต่มาคราวนี้ส้มจี๊ดออกจะผิดหวังอย่างรุนแรง ถ้าเทียบกับเมื่อสิบปีก่อนที่เคยมา บอกตรงๆ เลยว่าธรรมชาติที่สวยงามหายไปมากกว่า 50% เพราะถูกแทนที่ด้วยบรรดารีสอร์ทที่พยายามตกแต่งสวนสวยของตัวเองให้เหมือนประเทศนอก นำแกะต่างๆ มาเลี้ยงในทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ทั้งๆที่เมื่อก่อนที่ดินผืนนี้ส้มจี๊ดจำได้ว่าเต็มไปด้วยป่าและป่า ตลอดเส้นทางจากปากทางหลวงแผ่นดินเลาะเรื่อยไปจนถึงธารน้ำร้อนบ่อคลึงและน้ำตกเก้าชั้น มองหันซ้ายที ขวาที ก็เต็มไปด้วยป่าทึบแต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้วคะ เริ่มกันตั้งแต่ปากทางเข้า "ภูผาผึ้ง" คือรีสอร์ทแรกที่ส้มจี๊ดได้เห็น จากนั้นเมื่อลัดเลาะไปเรื่อยๆ อีกหนึ่งรีสอร์ทขวามือที่ใครเห็นเป็นต้องไม่พลาดอยุดรถถ่ายรูป "Swiss Valley hip resort" จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:48:41

ความคิดเห็นที่ 5 หวัดดีทุกคนจ้า......ตามส้มจี๊ดมาสวนผึ้งนะคะ   ------------------------------------------------------------------------------------ จุดเด่นอยู่ที่นาฬิกาเรือนใหญ่บนทุ่งหญ้ากว้างซึ่งเป็นสถานที่เลี้ยงเจ้าแกะตัวน้อย บริเวณด้านหน้ารีสอร์ทจะมีร้านอาหารและ Shop ขายของที่ระลึก เช่น หมวก เสื้อ ตุ๊กตาแกะและอื่นๆ ให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก เมื่อขับปุ๊กลุ๊กเดินหน้ากันต่อ เสียงดังครึก ครึก หัวขโยกกันไปตลอดทาง ถนนสายนี้สู้เส้นทางไปแก่งส้มแมวเมื่อเช้าไม่ได้ มันค่อนข้างมีหลุม มีบ่อเต็มไปหมด ปุ๊กลุ๊กพลาดตกหลุมไปหลายครั้งจนกลัวว่ากระดูกกระเดี้ย(เพลา)จะหัก   นั่นคงเป็นเพราะว่าเส้นทางสายนี้ถูกใช้งานอย่างหนักแล้วไม่ได้บำรุงรักษาแน่  เหล่ารถบรรทุกที่ใช้ก่อสร้างรีสอร์ทต่างๆ คงวิ่งกันใหญ่ สลับสับเปลี่ยนกับเหล่านักท่องเที่ยวมากมายที่หมุนเวียนกันไม่ซ้ำหน้า และส้มจี๊ดก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยละ.....ผู้ทำลายตัวฉกาจ       จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:52:00

ความคิดเห็นที่ 6 "เขียนบ่นไป ก็เข้าตัวเองซะงั้น ก็ที่มาที่นี่ส้มจี๊ดเห็นสวนผึ้งออกทั้งหนังสือ รายการทีวี และอินเตอร์เนตเต็มไปหมด ถ้าไม่มาก็คงไม่อินเทรนเด้อ" ขับปุ๊กลุ๊กต่ออีกประมาณ  300 เมตร ด้านขวามือของพวกเราก็คือรีสอร์ทชื่อดังที่ใครๆ ก็อยากจะมาพักสักครั้ง เขาว่ากันว่าจองยากม๊ากมาก "The Scenery Resort" คะ ระหว่างขับรถมาเรื่อยๆ รับรองว่าไม่มีผ่านเลยที่นี่ไปแน่ เพราะจุดสังเกตที่ง่ายที่สุดก็คือ ความพลุกพล่านของทั้งผู้คนและรถที่แย่งกันจอด     ปุ๊กลุ๊กโชคดีที่รถข้างหน้าถอยออกพอดี เลยได้จอดแบบไม่คาดฝัน  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:54:58

ความคิดเห็นที่ 7 สัมผัสแรกที่เหยียบย่างออกมาจากตัวรถก็คือ ความร้อนคะ ร้อนมากจนรู้สึกแสบผิวไปหมด แต่มาถึงที่ที่ใครๆ ก็ recommend ก็ต้องตะโกนเสียงดังว่า....สู้โว๊ย   ด้านซ้ายมือก่อนเข้าไปด้านในทางรีสอร์ทจัดสถานที่น่ารัก ตกแต่งซะสวยให้เหล่านักท่องเที่ยวแอ็คท่าสวยแข่งสู้แสงตะวัน ส้มจี๊ดก็เป็นหนึ่งที่อยากจะถ่ายรูปกับเขาบ้างแต่สุดท้ายก็ขอยอมแพ้คะ เพราะผู้คนในวันนี้เยอะจริงๆ ก็วันอยุดยาวแบบนี้ก็ต้องทำใจคะ แย่งกันกินแย่งกันใช้....เงินทองจะได้ไม่รั่วใหลออกนอกใช่ปะ บริเวณส่วนกิจกรรมหน้า The Scenery resort ยามใกล้เที่ยงแบบนี้ส้มจี๊ดและสาละมีทำใจกันอยู่นานว่าจะไปซื้อบัตรเข้าด้านในดีหรือเปล่า แต่แม่บอกคำเดียว Just say No แม่ขอรอด้านนอกเด้อ แม่ทนร้อนบ่ไหวลูกๆ ไปกันเตอะไม่ต้องห่วง....แม่อยู่คนเดียวได้จ้า   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 20:58:37

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนเข้าชมด้านในต้องซื้อบัตรชมแกะด้านหน้ากันซะก่อนโดยเขาคิดค่าชมแกะ(พร้อมหญ้า) ราคาคนละ 40 บาท หญ้ากำละ 20 บาท และใครสนใจยิงธนูก็ 100 บาท/คน(มีรางวัลให้ด้วยคะ) เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยในวันจันทร์-ศุกร์ 10.00-18.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ 8.30-18.00 น. จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:01:02

ความคิดเห็นที่ 9 น้องแกะที่นี่เป็น พันธุ์คานาดิน ซึ่งเป็นพันธุ์ผสมระหว่างพันธุ์เนื้อและขน(เพื่อให้ทนต่อสภาพภูมิอากาศ) โดยนำมาจากต่างประเทศแล้วมาเลี้ยงที่แม่ฮ่องสอนกันก่อนเพื่อปรับสภาพให้เหล่าแกะพร้อมที่จะสู้กับสภาพอากาศร้อนๆ แบบในประเทศไทย อาหารของน้องแกะก็คือ ใบปอกะสาและหญ้าเนเปียคะ วันนี้ส้มจี๊ดได้ใบปอกะสาไปเลี้ยงน้องแกะคะ เจ้าใบปอกะสาหน้าตาก็เหมือนกับในรูปนี้ละ  ใบของมันจะมีขนเล็กๆ เต็มไปหมด เวลาโดยมือแล้วรู้สึกคันนิดๆ.... จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:04:03

ความคิดเห็นที่ 10 ส้มจี๊ดว่าแกะแต่ละตัวที่นี่แสนรู้มากมาย แถมเจ้าเล่ห์แสนกลซะด้วย  ก็แหมเดินมาหาส้มจี๊ดตลอด....แต่พวกมันไม่ได้ทานใบปอกะสามากมายนักนะ มากัดแทะๆ เล็มๆ แล้วก็ทิ้งไว้บนพื้นเต็มไปหมด มันคงอิ่มแล้วละคะเพราะกินกันมาตั้งแต่แปดโมงเช้า ต้องตบมือดังๆ ให้กับเจ้าของที่นี่คะ เลี้ยงแล้วไม่เสียข้าวสุก ไม่ทำให้หน้าแตก....ช่วยกันทำมาหากินกันดีจิงๆ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:05:23

ความคิดเห็นที่ 11 มีจุดถ่ายรูปมากมาย....นักท่องเที่ยวที่นี่ถ่ายรูปสู้ตายกันทั้งนั้นคะ และส้มจี๊ดก็สู้ตายด้วยคนคะ เอ้าสาละมีถ่ายรูปให้สวยนะคะ พยายามหน่อยคะ ร้อนแค่ไหนคิดกันเอาเองเด้อ...น้องแกะตัวนี้ถึงกับปลีกวิเวกหาที่มานอนหลบแดดซะงั้น ถ้ามันพูดได้มันคงบอกกับส้มจี๊ดว่า "ฉันหลบมาอยู่ตรงนี้แล้วเธอยังตามมาถ่ายฉันอีก" เห็นไม๊ละคะหันหลังเหวี่ยงใหญ่เลย        โฮะ โฮะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:36:05

ความคิดเห็นที่ 12 อ้าว...มีสองตัวนิคะ หันหน้าไปคนละทิศคนละทาง โกรธกันเปล่าเนี่ย   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:37:40

ความคิดเห็นที่ 13  ไปเยี่ยมฟาร์มแกะกันต่อคะ   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 21:39:33

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นส้มจี๊ดหน้ายิ้มๆ แบบนี้ใช้ความอดทนอย่างสูงนะคะเนี่ย ตรงพื้นเต็มไปด้วยอุนจิแกะเขียวๆ กลิ่นห๊อมหอม  (ประชดนะคะ...โปรดใช้วิจารณญาณ) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 22:03:20

ความคิดเห็นที่ 15 ส้มจี๊ดจะไปแจ้งเจ้าของรีสอร์ทคะ....นี่คือพวกอุ้งานคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 22:04:43

ความคิดเห็นที่ 16 แวะมาชมและมาตามเที่ยวต่อครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ จากคุณ : กัปตันลูกชุบ เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 22:05:47

ความคิดเห็นที่ 17 อีกหนึ่งกิจกรรม ยิงธนูใครถูกเป้าเหลืองถ่ายรูปพร้อมปรินส์ภาพขนาดโปสการ์ดคะ ที่นี่ก่อนยิงธนูจะมีพนักงานแนะนำและสาธิตการใช้อุปกรณ์ให้ด้วย ใครสนใจเชิญก่อนคะ....เพราะส้มจี๊ดไม่สนใจ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 22:06:36

ความคิดเห็นที่ 18 เย้....คุณกัปตันลูกชุบตามมาเที่ยวอีกแล้ว ดีใจจังคะ ------------------------------------------------------------------------------------ เลยเวลาเที่ยงไปหลายนาที ท้องเริ่มร้องประท้วงเสียงดังสนั่น จนส้มจี๊ดเริ่มอายกลัวใครจะได้ยินเสียง....ค่อยๆ ปลีกวิเวกจากกลุ่มผู้คนมากหน้าหลายตาเดินย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิมกลับไปหาเจ้าปุ๊กลุ๊กกันคะ โถ....ปุ๊กลุ๊กตากแดดซะตัวร้อนขนาดนี้ น่าสงสารจังคะ เจ้า March คันน้อย บริเวณสองข้างทางที่พวกเราจอดรถ มีรถสองแถวหลายคันที่มาเปิดท้ายขายของท้าลมร้อน อย่างคันนี้ก็นำกระเป๋าผ้า ซองโทรศัพท์  ย่าม ที่มีจุดพิเศษตรงด้านหน้าของกระเป๋าจะมีการปักลวดลายเป็นน้องแกะ น่ารักมากมาย อินเทรนด์เข้ากับบรรยากาศของสวนผึ้งยามน้องแกะครองอำเภอแบบนี้เป็นที่สุด แม่ซื้อกระเป๋าหนึ่งใบไปฝากแม่บ้านด้วยราคาไม่แพงคะ.....แถมคนขายหนึ่งสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มก็น่ารักมาก ส้มจี๊ดถามพวกเขาว่าเป็นคนท้องที่รึเปล่า เขาตอบกลับมาว่าเป็นคนสวนผึ้งตั้งแต่เกิดเลยละคะ ส้มจี๊ดเลยได้โอกาสถามทางไปบ้านห้วยแก้วซะเลยเพราะเพื่อนแม่เขาไปสร้างบ้านเอาไว้ที่นั่น เดี๋ยวตอนเย็นย่ำกว่านี้ส้มจี๊ดจะพาไปลัดเลาะเที่ยวนะคะ แต่ตอนนี้สถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็คือ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:20:42

ความคิดเห็นที่ 19 ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ   จากคุณ : สาวหน้าใส เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:22:48

ความคิดเห็นที่ 20 "ธารน้ำร้อนบ่อคลึง" คะ ตอนแรกกะว่าจะทานอาหารกันที่ฝั่งตรงข้ามกับ Scenery แต่พอไปมองๆ แล้วไม่ไหวคะเพราะทั้งร้อนและคนก็เยอะม๊าก...มาก พวกเราก็เลยตัดสินใจไปหาอะไรรองท้องกันที่ธารน้ำร้อนบ่อคลึงแทน ส้มจี๊ดจำได้ว่ามาที่นี่เป็นครั้งที่ 4 ได้แล้วมั๊งและทุกครั้งที่มาก็ต้องมาทานอาหารที่นี่ ของเขาอร่อยคะ โดยเฉพาะต้มยำเห็ดโคนรสชาติอร่อยล้ำ ติดปากติดใจจนถึงตอนนี้เลยละ  ทันทีที่มาถึง คนเยอะมากอีกตามเคย ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถกระบะ และรถทัวร์คันใหญ่เบิ่มมาจอดพักรถกันที่ลานดินด้านหน้าทางเข้า โชคดีที่เราได้ที่จอดร่มๆ ไม่งั้นกลับมาคงร้อนแย่แน่ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:50:47

ความคิดเห็นที่ 21  จุ๊บ จุ๊บคะคุณสาวหน้าใส ------------------------------------------------------------------------------------ ก่อนเข้าด้านในก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ คนละ 5 บาท เป็นค่าบำรุงสถานที่คะ ส่วนใครเตรียมชุดจะมาอาบน้ำแร่ละก็ตามนี้เลยคะ อัตราค่าบริการอาบน้ำแร่ คนไทย ค่าบริการอาบน้ำแร่ สระกระเบื้อง ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ค่าบริการอาบน้ำแร่ สระธรรมชาติ (สระดิน) ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ค่าบริการอาบน้ำแร่ สระกระเบื้อง ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท ค่าบริการอาบน้ำแร่ สระธรรมชาติ (สระดิน) ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท เวลาเปิดทำการ วันจันทร์-ศุกร์เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:58:05

ความคิดเห็นที่ 22 ร้านอาหารภายในธารน้ำร้อนบ่อคลึง เปลี่ยนไปเยอะมากคะ ตอนนี้เน้นขายอาหารอีสาน พวกไก่ย่าง ส้มตำ ปลาเผาแทน แต่ก็ยังคงมีอาหารพื้นบ้านขายอยู่นะคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:03:07

ความคิดเห็นที่ 23  ก่อนจะชมว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก ขอติก่อนนะคะ  เผื่อว่าจะเป็นจุดเล็กๆ ถ้าเจ้าของสถานที่มาอ่านจะได้มีการปรับปรุงกันบ้าง เพราะทันทีที่ส้มจี๊ดก้าวเข้าไปในร้าน บรรยากาศของที่นี่เหมือนเดิมมากๆ เหมือนเมื่อสิบปีก่อนยังไงยังงั้น ไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โต๊ะตัวเดิม เก้าอี้ตัวเดิม คิดดูซิคะว่าเก้าอี้หวายมันจะผุพังไปตามกาลเวลายังไง แถมนวมที่รองเอาไว้ก็ทั้งเก่าและสกปรกมากๆๆๆๆๆ และที่สำคัญทั้งตัวโต๊ะและเก้าอี้มันช่างไม่เข้ากันเลย นั่งเก้าอี้ทีระดับโต๊ะอยู่ถึงระดับอกเลยละคะ ส้มจี๊ดกำลังบ่นอยู่หันไปด้านข้าง โอ้โหสามีภรรยาโต๊ะนู้นเอาเบาะมารองนั่งทีคนละ 3-4 เบาะแนะคะ คิดเหมือนกันเลย แถมผ้าปูโต๊ะสีแดงเลือดนกก็สกปรกเอามากๆ ไม่ทราบว่าซักกันบ้างรึเปล่า เวลาทานอาหารส้มจี๊ดไม่กล้าเท้าข้อศอกเลยละยกลอยขึ้นตลอดเมื่อยมือเป็นที่สุด ภาพด้านล่างนอกจากจะถ่ายบรรยากาศในร้านแล้ว สังเกตเห็นโต๊ะตรงกลางไม๊คะ ตรงนี้เขาเตรียมไว้สำหรับทัวร์คนแก่ที่กำลังจะมาลงในไม่ช้า แม่แอบมองเห็นขนมจีนแกงไก่เอย ขนมจีนซาวน้ำเอย แล้วอยากทานมากเดินไปสั่งทันที.....เสร็จแล้วก็ต้องหน้าแตกกลับมาหมอไม่รับเย็บ เพราะเขาบอกว่าไม่ใช่ของทางร้านนี้คะเขาเตรียมมากันเอง จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:17:00

ความคิดเห็นที่ 24  นั่งรออาหารอยู่นานพอดู จนได้สังเกตเห็นว่าพนักงานในร้านทั้งหมดจะเป็นเด็กผู้หญิงผู้ชายอายุซักประมาณไม่เกิน 15 ปีคะ แต่ละคนต้องยกนิ้วให้กับความขยันขันแข็ง ขออะไรเพิ่ม เปลี่ยนรายการใหม่ ขอให้หันพัดลมมาให้หน่อย โอ๊ยสาระพัด เด็กน้อยเหล่านี้กระวีกระวาดช่วยเต็มที่ ไม่มีตีสีหน้าให้หงุดหงิดใจ น่ารักกันทั้งนั้นคะ......ไปหามาจากไหนคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:21:26

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงแม้ที่นี่จะมีข้อเสียในเรื่องความสกปรกของสถานที่ แต่น่าแปลกใจที่อาหารของเขามีรสชาติลงตัวทีเดียว อร่อยใช้ได้แถมท้องไม่เสียด้วยนะคะ เรียกว่าอาหารสดสะอาดอร่อยไม่เข้ากับสถานที่ เรียกร้องให้เจ้าของปรับปรุงร้านซะหน่อยนะคะ รับรองเริ่ดคะ อาหารที่พวกเราสั่งวันนี้ก็มี ส้มตำไทยรสชาติจัดจ้าน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:24:53

ความคิดเห็นที่ 26 ปลานิลเผาตัวโตจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:26:17

ความคิดเห็นที่ 27  ยำบ่อคลึง รสชาติเปรี้ยวหวานด้วยซอสพริก จานนี้อร่อยมากคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:28:31

ความคิดเห็นที่ 28 ลาบหมูที่จืดไปนิดหน่อยจนต้องของน้ำปลาเพิ่มอีกนิด   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:29:56

ความคิดเห็นที่ 29 ต้มยำปลากดรสชาติจัดจ้าน แต่ขอติว่าหัวปลากดนี่โตไปหน่อยคะ เนื้อนิดเดียว จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:32:17

ความคิดเห็นที่ 30 ราคาอาหารมื้อนี้ 409 บาทคะ แม่ให้ทิปเจ้าพนักงานเสิร์ฟตัวน้อย 20 บาทด้วย แม่บอกให้เด็กตัวโตแบ่งกับเด็กตัวเล็กที่ใส่เสื้อสีเทาที่อุตส่าห์มาขยับพัดลมให้ แถมคอยดูว่ารายการอาหารเราได้ครบรึยังด้วย น่ารักมากมาย พวกเด็กๆ ดีใจกันใหญ่ที่ได้ทิปไปแบ่งกันคนละ 10 บาท เงินจำนวนนี้น้อยมากสำหรับฉัน แต่ไม่น่าเชื่อที่ทำให้พวกเด็กเหล่านี้ดีใจกันได้ขนาดนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกถึงคุณค่าเงิน 20 บาทที่ให้พวกเขาไป......ขอบใจความน่ารักของพวกเธอทุกคนคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:37:54

ความคิดเห็นที่ 31 ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นบ่อแช่น้ำแร่ของเอกชนที่นำน้ำแร่ร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดจากสายน้ำไหลผ่านกรวดหินดินทรายใต้พื้นผิวโลกที่ร้อนจัด แล้วไหลเป็นธารน้ำร้อนขนาดเล็กออกมาจากซอกหินเชิงเขาตะนาวศรี บ่อคลึงเป็นลำธารน้ำร้อนเล็กๆ มีน้ำไหลอยู่ตลอดปี และไม่มีแร่ธาตุที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง น้ำ ไหลซึมออกมาจากตาน้ำใต้ดินไม่ขาดสาย แม้ในฤดูแล้งปริมาณน้ำจะไหลน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับแห้ง มีก้อนหินใหญ่เล็กเรียงรายตามร่องน้ำตลอดทางประมาณ 300 เมตร เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ ความร้อน เฉลี่ยประมาณ 50-57 องศาเซลเซียส หรือ ประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์ ตั้งอยู่ในบริเวณเหมืองแร่ของบริษัทราชบุรีเหมืองแร่และเกษตรกรรมจำกัด บ้านห้วยผาก หมู่ที่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัด ราชบุรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรี ประมาณ 74 กิโลเมตร ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นของเอกชน  ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล ในปี 2468 โดยนายประยูรเป็นบุตรของ พระวรพาทย์พจนสินธุ์ ขุนนางผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยนายประยูร โมนยะกุลผู้บุกเบิกได้มาสำรวจและขุดค้นพบตาน้ำร้อนเล็กๆ ตาหนึ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางป่าทึบที่สมัยนู้นเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและไข้ป่าที่น่าเลว แต่เขาก็ไม่ย่อท้อ ใช้ทั้งแรงกายแรงใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัว พัฒนาที่นี่จนกลายเป็นธารน้ำร้อนบ่อคลึงอย่างที่เห็นในปัจจุบัน   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 09:52:19

ความคิดเห็นที่ 32 ???? ธารน้ำร้อนบ่อคลึงจึงเป็นของเอกชนกันนะ   ที่นี่มีป้ายตัวโตเขียนคำตอบถึงคำว่า "ผู้บุกรุกหรือผู้บุกเบิก" ได้อย่างน่าสนใจ  "  ในป่าสงวนซึ่งทางราชการได้ขีดเส้นไว้ว่าเป็นป่าสงวนหรือป่าจำแนกแต่เมื่อเราขีดเส้นไว้ประชาชนก็อยู่ในนั้นแล้วเขาจะเอากฎหมายป่าสงวนไปบังคับคนที่ยังอยู่ในป่าที่พึ่งสงวนทีหลัง โดยขีดเส้นบนแผ่นกระดาษก็ดูชอบกลอยู่แต่มีปัญหาคือเมื่อขีดเส้นแล้วประชาชนที่อยู่ในนั้นก็กลายเป็นฝ่าฝืนกฎหมายไปถ้าดูในทางกฎหมายเขาก็ฝ่าฝืนเพราะตราเป็นกฎหมายโดยชอบธรรม แต่ถ้าดูตามธรรมชาติ ใครเป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ก็ผู้ขีดเส้นนั่นเอง เพราะว่าบุคคลผู้อยู่ในป่านั้นเขาอยู่ก่อน เขามีสิทธิ์ในความเป็นมนุษย์ หมายความว่าทางราชการบุกรุกบุคคล ไม่ใช่บุคคลบุกรุกบ้านเมือง " พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะกรรมการจัดงานวันรพี ณ พระตำหนักจิตรลดาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2516 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:01:28

ความคิดเห็นที่ 33  ไปต่อคะเดี๋ยวส้มจี๊ดจะไปดูต้นกำเนิดของธารน้ำร้อนบ่อคลึงกัน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:04:48

ความคิดเห็นที่ 34 สงสัยกันมั๊ยคะว่าธารน้ำร้อนบ่อคลึงเกิดขึ้นได้อย่างไร???? ส้มจี๊ดมีคำตอบคะ ขอขอบคุณข้อความจาก เวปไซต์น้ำแร่สวนผึ้งคะ  http://www.minerehome.com/history.htm จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:08:18

ความคิดเห็นที่ 35 " ที่ท่านเห็นธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นลำธารอยู่ทุกวันนี้ มิใช่เกิดจากธรรมชาติแต่อย่างไร แต่เป็นการพัฒนาธรรมชาติของบุคคลที่รักและทุ่มเทเพื่อธรรมชาติอย่างแท้จริง  “นาย ประยูร โมนยะกุล” ผู้ค้นพบและดูแลปกป้องรักษาสถานที่แห่งนี้ด้วยชีวิต ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อแรกพบ.. มันเป็นเพียงแค่ตาน้ำร้อนเล็ก ๆ ซึ่งถูกทับถมภายใต้ดินโคลนและซากไม้เป็นจำนวนมาก ๆ.. มองดูคล้ายแหล่งน้ำซับธรรมดา ๆ .. แต่อุณหภูมิของน้ำสูงกว่าน้ำปกติเล็กน้อยทำให้เกิดความสงสัยว่าทำไม ??? จึงได้รื้อซากไม้และดินโคลนออกดู .. พบตาน้ำร้อนเล็ก ๆ หลายตาที่ผุดอยู่ใต้หิน .. และเหตุที่ทำให้อุณหภูมิน้ำแรกพบไม่สูงนักเนื่องจากมีน้ำป่าไหลมาปะปน! ด้วยความรักธรรมชาติและต้องการปกป้องน้ำร้อนไม่ให้สูญหายไป .. จึงได้ใช้แรงมนุษย์จำนวนมากและความมานะพยายามอย่างสูงที่จะสร้างทุกอย่างให้กลมกลืนดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเพียงก่อบ่อล้อมตาน้ำที่ผุดไว้เฉกเช่นบ่อน้ำร้อนอื่น ๆ ที่มีในประเทศไทย! ไม่เพียงสร้างธรรมชาติให้ดูสวยงาม และยังสามารถนำน้ำมาใช้ยังชีพในอดีต ! ได้อีก ระยะเวลาพัฒนามาเป็นแรมปีที่ต้องรื้อดิน โคลนข้างเคียงออกและเปิดทางน้ำให้ไหลผ่านจัดวางก้อนหินให้สวยงามผสมผสานกับธรรมชาติเดิมและเพื่อบังคับน้ำให้ไหลลงสู่ด้านล่าง.. ซึ่งมีบ้านพักหลายหลังของคนงานเหมืองแร่อาศัยอยู่ และของครอบครัวที่ต้องนำน้ำมาใช้เพื่อยังชีพ .. ไม่เพียงเท่านั้นยังต้อสร้างเขื่อนกั้นน้ำเย็นมิให้ไหลมาปะปน ต้องตั้งหน่วยพัฒนาคอยสอดส่องดูแลมิให้มีดินโคลนที่ไหลมาพร้อมน้ำป่ามา ทับตาน้ำร้อนแห่งนี้ กี่ครั้งที่เขื่อนสร้างขึ้นพังลงด้วยแรงน้ำหลาก .. และต้องสร้างเขื่อนใหม่ จวบจนทุกวันนี้ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:11:02

ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อเวลาผ่านไป.. ลำธารน้ำร้อนเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้นดูเป็นลำธารน้ำร้อนสวยงาม ซึ่งดูเหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วมันคือ.. ธรรมชาติพัฒนา .. ซึ่งต้องใช้ทั้งกำลังคน .. กำลังทรัพย์และกำลังใจอย่างมหาศาล .. เพียงเพื่อพัฒนา.. ท่านทั้งหลายที่มาชม สถานที่แห่งนี้ลองหันมาถามลูกหลานนายประยูรดูบ้างแล้วท่านจะได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว“ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง”.. เกิดขึ้นได้อย่างไร และใครคือผู้สร้างกันแน่ ! ปฏิมากรรมของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้คงไม่เกิดขึ้นหากไม่มีผู้เสียสละอย่างนาย ประยูร โมนยะกุล ผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และพร้อมที่จะปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ที่ท่านสร้างขึ้น .. ด้วยชีวิต ! แม้ไม่ได้รับการยกย่องว่า “ เป็นผู้บุกเบิก” แต่ก็ไม่ควรได้รับการเหยียดหยามจากคนรุ่นหลังว่า “ เป็นผู้บุกรุก” และใช้อำนาจมืด มารังแกครอบครัวลูกหลานหมายจะแย่งเอาแผ่นดินที่บิดาของเขารักและสร้างขึ้นมอบให้ลูกหลานปกป้องดูแลสืบมาจนทุกวันนี้ แม้แลกด้วยชีวิตพวกเราก็ต้องปกป้อง ธารน้ำร้อนบ่อคลึงนี้ให้อยู่คู่กับตระกูล “ โมนยะกุล” ตลอดไป จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:13:39

ความคิดเห็นที่ 37          ท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า สถานที่ที่ท่านทั้งหลายได้มาเยี่ยมชม มายืน ณ ที่นี้ ใครหนอเป็นผู้บุกเบิก ใครหนอเป็นผู้พัฒนาให้มีความสะดวกสบาย โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมเลยแม้สักนิดเดียว เขาได้มาโดยวิธีใด เมื่อใด ยากลำบากสักเพียงใดกว่าจะได้แผ่นดินนี้มา เมื่อท่านทอดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณขณะนี้ ท่านจะพบกับ ซากรถ ซากเครื่องจักร และอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ ซึ่งมิได้ใช้งานมานานหลายสิบปี ใกล้ ๆ กัน มีบ้านพักรูปทรงแตกต่างกันหลายหลังทั้งเก่าและใหม่มีบ่อน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าบริเวณทางเข้า บ่อน้ำขนาดใหญ่เกิดจากการสร้างของธรรมชาติ หรือฝีมือมนุษย์ ถ้าเป็นฝีมือมนุษย์เหตุใดจึงสร้างและสร้างเพื่อประโยชน์อันใดเล่าท่านลองหลับตานึกถึงภาพ สถานที่นี้ย้อนหลังกลับไป 77 ปี สภาพที่ปรากฏ คงทำให้ท่านได้เห็นภาพของป่าที่รกชัฏปกคลุมโดยต้นไม้นานาพรรณ ภูเขาที่สูงตระหง่านโอบล้อมบริเวณนี้ให้น่าหวั่นกลัว ปี   พ.ศ. 2468 นานนักหนา สภาพของป่าที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดเข้ามา การเดินทางยากลำบาก อันตรายที่เกิดจากสัตว์ป่าและชนเผ่ากะเหรี่ยงที่อยู่ระหว่างรอยต่อของประเทศ ระบอบการปกครองของประเทศสมัยนั้นที่เกี่ยวพันกับรอยต่อตามแนวชายแดนเป็นอย่างไรการบุกเบิกเกิดจากหนุ่มชาวพระนคร(กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน) ด้วยวัยเพียง 20 ปีเศษ ความท้าทายทางธรรมชาติ ความแข็งแกร่งของจิตใจ ความมุ่งมั่นที่ฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างรากฐานของชีวิต โดยไม่ทำลาย ทำร้าย และเบียดเบียนผู้ใด ยากจะเชื่อได้ว่าบุตรชายคนโตของอำมาตย์เอกพระวรพากษ์พจน์ศิลป์ ผู้เป็นขุนนาง เป็นชายชาติทหาร รับใช้เบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดีตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5) มาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) โดยความจงรักภักดี ที่กอบด้วยคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) พระราชทานนามสกุลโมนยะกุล (MONYAKULA) อันเป็นเครื่องแสดงถึงคุณงามความดีที่ได้สร้างไว้ในแผ่นดิน นามว่า ประยูร โมนยะกุล ศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน กรุงเทพฯ การบุกเบิกการทำเหมืองแร่นี้ได้ทำร่วมกับบริษัทจากประเทศอังกฤษชื่อ บริษัทแองโกลอีสเทิร์นทิน ต่อมาบริษัทแองโกลอีสเทิร์นทินได้ขายสัมปทานเหมืองแร่ให้กับบริษัทยิบอินซอยด์ซึ่งคุณพ่อประยูรได้ร่วมบริหารจนกระทั่งบริษัทยิบอินซอยด์ได้ขายกิจการให้คุณพ่อประยูรในเวลาต่อมา ด้วยความดีของคุณพ่อกอรปกับเป็นผู้มีความรู้สูงความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี จึงได้รับเกียรติจากชาวราชบุรีให้เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรีถึง 2 สมัย และมีโอกาสทำงานร่วมกับท่านเจ้าคุณพหลพลพยุหเสนา ถือเป็นเกียรติกับคุณพ่อและครอบครัวอย่างยิ่งยวด จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:18:29

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อคุณพ่อได้เริ่มทำเหมืองแร่อยู่ที่บ่อคลึงแห่งนี้ คุณพ่อได้สำรวจบริเวณโดยรอบ จนกระทั่งได้พบธารน้ำแร่ร้อนธรรมชาติ คุณพ่อเรียกแบบเล่น ๆ คุณแม่ว่า “HOT SPRING OF KLUENG LAND” จากนั้นได้ปลูกเรือนพักอาศัยพร้อมบ้านพักคนงานหลายหลังด้วยกัน ในบริเวณใกล้ธารน้ำแร่ร้อน ในขณะที่ท่านได้พำนักอยู่ที่นี่คุณพ่อก็ได้ใช้น้ำจากธารน้ำแร่ร้อนในการอุปโภค บริโภค ตลอดอายุขัยของท่านคุณพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า การเดินทางมาที่นี่ในระยะแรกเต็มไปด้วยความยากลำบาก คุณพ่อพร้อมภรรยาและลูก ๆ ทั้ง 6 คน ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ยังไม่มีถนนหนทาง ไม่มี สะพานข้ามลำน้ำภาชี ไม่มีสาธารณูปโภคใด ๆ อำนวยความสะดวกสบายเลย ในขณะนั้น ณ ที่แห่งนี้ไม่มีแม้กระทั่งความปลอดภัย เต็มไปด้วยป่ารกทึบ ไข้ป่า ไข้มาลาเรีย ภัยจากสัตว์ป่าที่ดุร้าย และจากชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน ถึงกระนั้นคุณพ่อก็ยังยืนหยัดที่จะอยู่ที่นี่ ดูแลรักษาที่แห่งนี้ด้วยชีวิตและวิญญาณของท่านเอง แม้จะมีนายพลกะเหรี่ยงมาขอซื้อที่แห่งนี้เพื่อใช้เป็นฐานทัพด้วยเงินมหาศาล แต่คุณพ่อประยูร โมนยะกุล ได้ปฏิเสธโดยเด็ดขาด ยืนยันที่จะปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยด้วยความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญคุณพ่อยอมทุ่มเทเสียสละทุกอย่าง แม้จะสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล ท่านก็มิได้ตัดสินใจที่จะทำลายธารน้ำร้อนบ่อคลึงเพื่อจะนำแร่ขึ้นมาขายสร้างความมั่งมี ในสมัยนั้น ได้มีกลุ่มชาวบ้านที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าและน้ำแร่ร้อนแห่งนี้หมดไป คุณพ่อจึงทุ่มเทเวลาส่วนหนึ่งเข้าไปทำความคุ้นเคยกับชาวบ้านและแนะนำให้ทราบถึงประโยชน์ของป่าและผลของการทำลาย ในส่วนของการทำเหมืองแร่ซึ่งมีผลกระทบต่อธรรมชาติอย่างมากนั้นคุณพ่อก็ได้ป้องกันไม่ให้ใครมาทำเหมืองแร่บริเวณธารน้ำร้อน เพราะหากมีการทำเหมืองแร่บริเวณนี้ จะทำให้หิน ทรายไหลมาทับถมธารน้ำร้อน ธรรมชาติอันงดงามก็จะหมดไป ในวันนี้คงไม่มีธารน้ำร้อนและธรรมชาติอันงดงามให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสสัมผัส พบเห็นกันอีกต่อไปแม้ถนนที่ท่านเดินทางเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ คุณพ่อก็ได้ใช้เงินส่วนตัวทำถนนมายังธารน้ำร้อน ให้ท่านทั้งหลายเดินทางมาที่นี่ได้ทุกฤดูอย่างสะดวกสบายมากขึ้นด้วยความเป็นผู้รักธรรมชาติ เป็นนักอนุรักษ์ คุณพ่อจึงดูแลที่แห่งนี้ด้วยหยาดเหงื่อ แรงกาย แรงใจและชีวิตของท่าน แม้บางช่วงของชีวิตจะพบกับอุปสรรคมากมาย ลำบากยากแค้นลำเค็ญเพียงใด ท่านก็ไม่เคยย่อท้อ แทนที่ท่านจะย้ายไปอยู่ในตัวเมืองราชบุรี แต่ท่านก็ยังคงยืนหยัดที่จะอยู่ที่นี่ ดูแลรักษาที่แห่งนี้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงแม้จะต้องสูญเสียทุนทรัพย์สักเท่าใด ท่านก็ยินดี เพื่อที่จะรักษาผืนแผ่นดินที่ท่านรักและไม่ยอมให้ใครมาทำลายเป็นอันขาดคุณพ่อได้ใช้เงินซื้อรถขุดมาขุดบ่อน้ำขนาดใหญ่ด้วยตัวท่านเองที่ด้านหน้าทางเข้า เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ในการบริโภคอุปโภคอย่างทั่วถึงและเพียงพอท่านจึงเป็นที่รักใคร่ของชาวบ่อคลึงนับได้ว่าหากไม่มีคุณพ่อประยูร โมนยะกุลผู้ซึ่งบุกเบิกที่แห่งนี้ เราท่านทั้งหลายก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นธรรมชาติอันงดงาม จังหวัดราชบุรี ประเทศไทย คงจะไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อ “ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ” อย่างแน่นอน คุณ พ่อประยูร โมนยะกุล บุรุษผู้รักความยุติธรรม กล้าหาญ เสียสละและมีเมตตา ผู้บุกเบิก อนุรักษ์ และเป็นเจ้าของที่แห่งนี้อย่างแท้จริง ชีวิตของท่านอยู่ที่นี่ พัฒนาและบำรุงรักษาที่นี่ด้วยความรัก ความหวงแหนสุดกำลังความสามารถจนกระทั่ง ณ วันที่ 22 กันยายน 2526 ท่านได้ลาจากโลกนี้ไป ท่ามกลางความอาลัยอย่างสุดซึ้งของภรรยา ลูก ๆ ทั้ง 6 คน และบุคคลใกล้ชิดของท่าน แต่กระดูกและวิญญาณของท่านยังคงอยู่ที่บ่อคลึง แผ่นดินที่ท่านรักมากที่สุด ปัจจุบันที่ดินทำเหมืองแร่เดิมดูแลและครอบครองโดยครอบครัวนาย ประยูร โมนยะกุล โดยได้เสียภาษีบำรุงท้องที่มากกว่า 20 ปี แล้ว และได้ใช้ที่แห่งนี้เลี้ยงวัว ปลูกพืช ผลไม้รวมทั้งได้ถวายที่ดินจำนวน 22 ไร่ ให้กับโครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา ซึ่งเป็นโครงการในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นที่ตั้งร้านขายของที่ระลึกสำนักงานของโครงการ บ้านพักของเจ้าหน้าที่ สถานีดับไฟป่า และในส่วนอื่น ๆ ของโครงการทั้งหมดที่ตั้งของธารน้ำร้อนนี้เป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 ไม่ใช่เป็นที่ทำเหมืองแร่แต่อย่างใด เป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส. 3 ของครอบครัว ในอดีตใช้ทำเกษตรเพื่อยังชีพและปลูกบ้านพักอาศัยเท่านั้น จึงมีความงดงามเพราะมีป่าที่สมบูรณ์" จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:25:01

ความคิดเห็นที่ 39 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:26:42

ความคิดเห็นที่ 40 ต้นกำเนิดธารน้ำร้อนบ่อคลึงตามหลักธรณีวิทยา เป็นธารน้ำร้อนที่เกิดจากน้ำฝนที่ตกลงมาแล้วใหลซึมผ่านลงไปในดิน แล้วใหลลงสู่ชั้นหินแกรนิตเบื้องล่างตามรอยร้าวรอยเลื่อน ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก จากปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงเกิดช่องว่างให้สารเหลวร้อนใต้พิภพแผ่ความร้อนขึ้นมา เป็นเหตุให้น้ำที่ซึมลงไปมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนกลายเป็นไอ เกิดแรงดันทำให้น้ำร้อนพุ่งขึ้นสู่ผิวดินแล้วใหลไปตามลาดผา ไปบรรจบกับห้วยบ่อคลึงกลายเป็นธารน้ำร้อน ส่วนประกอบแร่ธาตุ กรดด่าง Ph 8.02 นอกจากนี้มีโซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ซิลิกา คาร์บอเนต ฟลูออไรด์ คลอไรด์ คะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:33:44

ความคิดเห็นที่ 41 ที่นี่จะมีการต่อท่อน้ำร้อนมายังสระน้ำด้านล่าง โดยสระน้ำจะมีให้เลือก 2 แบบคะ แบบแรกเป็นสระน้ำธรรมชาติ เป็นสระดินสถานที่เปิดโล่งกว้างไม่ส่วนตัว ระดับน้ำอยู่ประมาณเอว พื้นถูกโรยด้วยหินและกรวด น้ำมีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาคะพอสบายๆ ไม่ร้อนเกินไปนัก จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:41:07

ความคิดเห็นที่ 42 อีกหนึ่งสระจะเป็นสระกระเบื้อง มีที่สำหรับลงแช่อาบน้ำอุ่น มีขนาดเล็กกว่าสระดิน เป็นสระลักษณะกลมเหมือนสระว่ายน้ำเด็ก ลึกประมาณ 60 ซ.ม. ทำเป็นที่ให้นั่งแช่น้ำรอบสระ น้ำไม่ร้อนจัด พอเหมาะกับการแช่ อุณหภูมิประมาณ 56 องศาเซลเซียส น้ำแร่ที่นี่ไม่มีกลิ่นฉุนของกำมะถัน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:44:07

ความคิดเห็นที่ 43 นอกจากนี้ยังมีบ่อแช่เท้า วารีบำบัด ลดอาการเมื่อยล้าในการเดินทาง ให้บริการฟรีไม่คิดกะตังค์คะ   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:46:16

ความคิดเห็นที่ 44 น่าไปเที่ยวมากครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : เล็กทาโร่ เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 11:15:22

ความคิดเห็นที่ 45 น้ำแร่อุ่นน้อยๆ กำลังสบาย คงเพราะอากาศรอบข้างที่ร้อนมากๆ แน่ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 12:21:22

ความคิดเห็นที่ 46 ด้านหน้าตรงทางเข้าธารน้ำร้อนบ่อคลึง ส้มจี๊ดและครอบครัวมายืนมองกันสักพัก เพราะตรงนี้มีร่มไม้และสายลมพัดเอื่อยๆ ให้พอพักคลายร้อน และนู้นก็คงเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่คุณประยูรได้จ้างรถขุดเพื่อให้ชาวบ้านแถบนี้ได้ใช้บริโภคและอุปโภคกันอย่างทั่วถึง   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 12:45:48

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณรีวิวสวยๆค่ะ จากคุณ : mamyammy เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 12:56:23

ความคิดเห็นที่ 48 ในปัจจุบันบ่อน้ำแห่งนี้ได้มีการสร้างศาลากลางน้ำมากมายรายรอบเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะเป็นที่พักผ่อนกายใจสำหรับผู้ที่มาที่นี่ เหล่าพืช จอก แหนมีสีสันเขียวจัดจ้าน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะได้รับแร่ธาตุที่ใหลมาจากน้ำแร่ด้านบนด้วยรึเปล่านะ....ส้มจี๊ดสงสัย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 12:59:52

ความคิดเห็นที่ 49 ปุ๊กลุ๊กพาพวกเราย้อนกลับมาถนนทางหลวงแผ่นดินอีกครั้ง ความจริงก่อนที่เราจะไปกันต่อ กระเถิบจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ น้ำตกเก้าชั้นหรือน้ำตกเก้าโจน แต่ที่พวกเราไม่ตัดสินใจไปกัน หนึ่งก็คือเคยไปกันแล้วและอีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญก็คือ ตอนนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง ที่น้ำตกคงมีน้ำไม่มาก ไม่คุ้มที่จะฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ไปกัน ส้มจี๊ดขับรถผ่านสวนผึ้งรีสอร์ท และบ้านอ้อมกอดขุนเขาจนสุดถนนที่กิโลเมตร ที่ 0 ซึ่งเป็นโรงเรียนสินแร่สยาม หักปุ๊กลุ๊กไปทางขวามือ ตรงต่อไปจนสุดถนนเดี๋ยวเราจะไป บ้านห้วยน้ำใส กันคะ(ความเห็นที่ 18 พิมพ์ผิดนะคะแก้จากห้วยแก้วเป็นห้วยน้ำใสแทนคะ) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 13:28:24

ความคิดเห็นที่ 50  จะไป ศุกร์นี้ พัก ที่ บ้าน ริมเขา 1 คืน อากาศ เป้น ยังไง บ่าง ค่ะ ส้มจี๊ดจ๊า จากคุณ : แม่จีน-ไท (GT2007) เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 13:35:01

ความคิดเห็นที่ 51 อ้อระหว่างทางมีจุดซื้อของฝาก "กล้วยม้วนฉาบ" แสนอร่อยอยู่หลายเจ้า แม่อยากทานมากเลยบอกให้ส้มจี๊ดจอดรถถามราคา แต่น่าเสียดายคะที่กล้วยฉาบที่นี่เป็นแบบทอดกรอบไม่ใช่อบ ทำให้ครอบครัวรักสุขภาพอย่างเราเลยได้แต่ Say Good bye ลาก่อน ก่อนกลับแม่ค้ายังบอกอีกด้วยนะคะว่า รับรองไม่อมน้ำมันเพราะกล้วยของเธอจะทอดจนแห้งน้ำมันหายหมดคะ...อ้าวแล้วมันหายไปไหนกันละถ้าไม่เข้าไปสิงสถิตอยู่ในกล้วย  จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:01:52

ความคิดเห็นที่ 52 แม่จีน-ไทคะส้มจี๊ดไปตอนวันมาฆบูชาที่ผ่านมาคะ...อากาศปลายเดือนกุมภาพันธ์แห้งเหี่ยวมากคะ ร้อนมากมาย น้ำในลำธารแห้งเหือดไปหมด สูงไม่ถึงคืบเลยคะในบางจุด ใบไม้ต้นไม้ผลัดใบร่วงกันหมด แห้งสุดๆ น้ำในแก่งส้มแมวเอย หรือที่น้ำตกเก้าชั้นก็มีน้ำน้อยมาก แต่ตอนเดือนมีนาคมส้มจี๊ดก็ไม่แน่ใจว่าเป็นยังไง ถ้าฝนตกคงอากาศดีขึ้นเยอะเลยเนอะ แต่ตอนค่ำกับตอนรุ่งเช้าอากาศดีคะ หนาวนิดหน่อยกำลังสบาย จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:05:36

ความคิดเห็นที่ 53 ส้มจี๊ดขับรถต่อคะ ผ่าน La Toscana ฝั่งขวามือ สวยมากมายเดี๊ยวขากลับจะแวะที่นี่กันคะคอยตามมาชมเด้อ จากจุดนี้ตรงกันไปจนสุดทางที่บ้านห้วยน้ำใส ถนนที่เคยกว้างก็ค่อยๆ แคบอย่างน่าประหลาดใจ ขึ้นเขา-ลงห้วยผ่านฝายน้ำล้นด้วยละ ตื่นเต้นดี แม่บอกว่าลองขับต่ออีกสักหน่อย แม่ตั้งใจจะไปชมบ้านของเพื่อนแม่ที่สร้างไว้คะแต่ยังไม่เสร็จ แถวนี้เงียบและสงบน่ามาพักผ่อนอาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักกันนั่นเอง แต่ในไม่ช้าความเจริญคงค่อยๆ คืบคลานเข้ามาแน่ ก็ดูซิคะมาลึกขนาดนี้ เพื่อนแม่ยังอุตส่าห์มาสร้างบ้านพักตากอากาศที่นี่ พวกเราขับรถผ่านครัวตะนาวศรีไปไม่ไกล มาอยุดที่หน้าศาลพระภูมิใหญ่ตรงหน้า ไม่กล้าขับกันต่อเพราะถนนเริ่มไม่ค่อยดี เจ้าปุ๊กลุ๊กเริ่มบ่นออดแอด   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:15:49

ความคิดเห็นที่ 54 ตรงจุดนี้มีบ้านสร้างใหม่อยู่ 2 หลัง แต่เพื่อนแม่บอกว่าบ้านของเขาสีเขียวปนเหลือง บ้านสองหลังนี้ไม่ตรงเสป็คที่บอกมา แม่เลยปฏิเสธอยู่ท่าเดียวว่าไม่ใช่แน่ๆ จะโทรไปถามเพื่อนแม่อีกครั้งสัณญาณโทรศัพท์มือถือที่ใช้ DTAC กันทุกคนก็ขึ้นขีดศูนย์ พวกเราเลยเดินย้อนกลับมาถามทางที่ ครัวตะนาวศรี คะ เพราะเพื่อนแม่บอกเล่าให้แม่ฟังว่ามากินที่นี่บ่อยๆ (หวังว่าเขาจะรู้จักนะคะ) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:21:31

ความคิดเห็นที่ 55 โชคดีคะ....ที่ครัวตะนาวศรีรู้จักเพื่อนแม่ด้วย ชื่อดังไม่ใช่เล่นเลยนะคะ พวกเขาบอกเราว่าบ้านสองหลังที่สร้างใหม่นั้นแหละคะใช่เลย พูดถึงที่ครัวตะนาวศรีนี่บรรยากาศดีมากนะคะ นี่ถ้าเป็นตอนเย็นคงไม่พลาดมาทานมื้อดึกที่นี่แน่ นี่ขนาดน้ำในลำคลองจะเหลือตื้นแค่นี้เองนะคะ ลองคิดดูซิว่าถ้าน้ำเต็มตลิ่งจะสวยแค่ไหนแล้วก็แอบตอบแม่จีน-ไทอีกครั้งคะว่าตอนส้มจี๊ดไปเหลือน้ำแห้งคอดอยู่แค่นี้เองอะ   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:25:38

ความคิดเห็นที่ 56 หลังจากเดินเล่นชมบ้านเพื่อนแม่จนเต็มอิ่ม ส้มจี๊ดก็ขับเจ้าปุ๊กลุ๊กย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิม และก็ไม่ลืมที่จะแวะอีกหนึ่งรีสอร์ทชื่อดัง "La Toscana" คะ   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:29:44

ความคิดเห็นที่ 57 ที่นี่สวยมากคะตามสไตล์อิตาลีในชนบท น่าเสียดายที่ไม่ได้มาพักที่นี่เพราะจองยากมากๆ แต่ไม่เป็นไรแค่ที่ Lobby ก็สวยได้ใจแล้วละ ตามส้มจี๊ดมาชมเลยคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:38:09

ความคิดเห็นที่ 58 พวกเราแวะพักเหนื่อยกันที่ ร้านกาแฟ Espresso bar  ที่บริเวณ Lobby มีเมนูกาแฟและน้ำผลไม้ปั่นมากมาย (จากเวปไซท์เขาแนะนำ nocino กาแฟเย็นผสมแอลกอฮอล์นิดหน่อยคะ....แต่ส้มจี๊ดไม่ทานเครื่องดื่มมึนเมาเลยต้องขอบายคะ) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:41:55

ความคิดเห็นที่ 59 พวกเราเลือกสั่งน้ำเสาวรสปั่น ราคา 70 บาท ช็อกโกแลตเย็น ราคา 60 บาทและ Cafe' Latte ปั่น ราคา 75 บาทมาดื่มแก้กระหายและพักผ่อนคลายความเหนื่อยจากการท่องเที่ยวลัดเลาะกันมาทั้งวัน ระหว่างนั่งรอมาชมวิวรอบๆ กันนะคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:45:44

ความคิดเห็นที่ 60 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:46:59

ความคิดเห็นที่ 61 ฝากดอกไม้ไปถึงผู้อ่านกระทู้ทู๊กคนคะ.....พี่แจ้มาเอง (โหสมัยไหนเนี่ย) จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:48:58

ความคิดเห็นที่ 62 โคมไฟแชนโดเลียสวย ไอเดียร์เก๋ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:51:08

ความคิดเห็นที่ 63 ชั้นบนมี ร้านอาหาร Cucina ให้บริการอาหารอิตาเลียน และ อาหารไทยรสจัดจ้าน จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:53:21

ความคิดเห็นที่ 64 ชั้นล่างตรง Lobby มีเตาผิงด้วยนะคะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:54:47

ความคิดเห็นที่ 65 ที่ข้างเตาผิง ออกแบบไอเดียเก๋ในการส่งถ่ายอาหารจากห้องอาหารด้านบนมาด้านล่างด้วยลิฟท์ตัวจิ๊ว ใช้ระบบรอกดึงชักขึ้นลงเข้ากับบรรยากาศโดยรอบอย่างเหมาะเจาะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 14:57:37

ความคิดเห็นที่ 66  ของตกแต่งโดยรอบก็ถูกใจส้มจี๊ดไปสักทุกจุด จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:00:56

ความคิดเห็นที่ 67 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:01:43

ความคิดเห็นที่ 68 ดอกไม้ ใบหญ้าแห้งๆ แบบนี้ทำยังไงถึงออกมาดูดี จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:02:47

ความคิดเห็นที่ 69 สวยแบบนี้ถึงว่าซิคะมี MV มาถ่ายทำกันที่นี่เพียบ ยกตัวอย่าง เช่น เพลงของเธอของปาน ธนพร เสียงพล่อย ของพัดชาและที่ชอบมากๆ เพลงรักนะคะของบี้คะ จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:10:37

ความคิดเห็นที่ 71 มี Shop เล็กๆ ขายของสไตล์ฝรั่งด้วยคะ   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:16:48

ความคิดเห็นที่ 72 และก่อนลาจากที่นี่ไปส้มจี๊ดเอาภาพห้องน้ำสุดสวยมาฝาก   จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:41:57

ความคิดเห็นที่ 73 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:42:52

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ... กะว่า หน้าร้อนจะไปสวนผึ้ง ไม่ได้ คาดหวังว่าต้องสวยมากมาย แต่อยากพา เดอะแก๊งค์ไปเปลี่ยนบรรยากาศ หาที่เม้านอกสถานที่ เพราะเพื่อนร่วมทางแต่ละคน เครียดมาก จนอยาก..... ขอบคุณข้อมูลมากนะค๊ะ จากคุณ : hollaneung เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 14:41:08

ความคิดเห็นที่ 75 ส้มจี๊ด@สวนผึ้ง ตอนที่ 8:ลัดเลาะขับรถเล่นรอบๆ สวนผึ้งร้อนจังฮู้....(ภาคต่อ) ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ E10377406 จากคุณ : kamonda เขียนเมื่อ : 24 มี.ค. 54 18:56:50